กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ผนึกกำลังกระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศศักดาความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ “Global ISO Conference 2025” ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของคณะอนุกรรมการด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบ (ISO/IEC JTC1/SC7) ต้อนรับทัพผู้เชี่ยวชาญและผู้กำหนดมาตรฐานซอฟต์แวร์จากกว่า 21 ประเทศทั่วโลก ระหว่างวันที่ 8 – 13 มิถุนายน 2568 ณ อาคารดีป้า สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร การประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้ไม่เพียงแต่จะยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยสู่สากล แต่ยังเป็นการตอกย้ำจุดยืนของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางความร่วมมือด้านมาตรฐานดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน สร้างความเชื่อมั่น และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของประเทศไทยบนเวทีโลก เมื่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวประกาศความพร้อมอย่างเป็นทางการในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน “Global ISO Conference 2025” การประชุมครั้งนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของคณะอนุกรรมการด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบ หรือ ISO/IEC JTC1/SC7 ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรมาตรฐานสากล (ISO) และคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอนิกส์ (IEC) โดยมีบทบาทหลักในการพัฒนาและกำหนดมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการพัฒนา การบริหารจัดการโครงการ การประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ การประเมินผลประสิทธิภาพ ไปจนถึงการบำรุงรักษาระบบ และที่สำคัญคือการวางกรอบแนวทางด้านจริยธรรมและความน่าเชื่อถือของระบบสารสนเทศและซอฟต์แวร์ในยุคดิจิทัล
การประชุม Global ISO Conference 2025 มีกำหนดจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 8 – 13 มิถุนายน 2568 ณ อาคารดีป้า สำนักงานใหญ่ ซอยลาดพร้าว 10 โดยได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งสำคัญ ว่าด้วยการยกระดับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่าง ดีป้า สมอ. และ ส.อ.ท. เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยให้ก้าวไกลไปอีกขั้น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดีอี พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัด และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งและทันสมัย เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจดิจิทัลในทุกมิติ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนด้าน Data Center และบริการ Cloud Computing จากบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Amazon Web Services (AWS), Microsoft และ Google ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย
นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าและบริการดิจิทัลที่อาจจะยังไม่มีคุณภาพและมาตรฐานที่เพียงพอ ผ่านกลไก ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ (Digital Service Account) ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากผู้ประกอบการไทย พร้อมกันนี้ ประเทศไทยยังได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศในการขับเคลื่อนงานด้านดิจิทัลอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก
โดยประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of Artificial Intelligence 2025 ระหว่างวันที่ 24 – 27 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นเวทีระดับโลกสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเจรจาความร่วมมือระดับรัฐมนตรี อันจะนำไปสู่การจัดทำนโยบายหรือข้อริเริ่มในการขับเคลื่อนงานระหว่างประเทศด้วย AI อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ เหตุการณ์นี้ถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ประเทศไทยจะได้แสดงศักยภาพด้าน AI ต่อสายตาประชาคมโลก และเปิดประตูสู่โอกาสในการพัฒนาหรือต่อยอดความร่วมมือกับนานาประเทศในอนาคต”
“สำหรับงาน Global ISO Conference 2025 ที่จะจัดขึ้นนี้ จะเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญอย่างยิ่งยวดในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางและมาตรฐานในระดับสากล อันจะนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานซอฟต์แวร์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อประชาชนคนไทย ที่จะได้ใช้สินค้าและบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง มีมาตรฐานเป็นสากล และในราคาที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผล การประชุมครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเวทีของผู้กำหนดมาตรฐานระดับโลกเท่านั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสทองของประเทศไทยในการสร้างความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่ง เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ และวางรากฐานอนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืนสืบไป” นายประเสริฐ กล่าวเสริม
ทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของคณะอนุกรรมการ ISO/IEC JTC 1/SC 7 และความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “คณะอนุกรรมการด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบ หรือ ISO/IEC JTC 1/SC 7 ถือเป็นหน่วยงานย่อยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งภายใต้การกำกับดูแลของ ISO และ IEC มีภารกิจหลักในการจัดทำมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบอย่างครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่กระบวนการวางแผน การพัฒนา การบริหารจัดการโครงการ การประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ การประเมินผลการดำเนินงาน การดูแลรักษาระบบ ไปจนถึงการกำหนดแนวทางด้านจริยธรรมและความน่าเชื่อถือของระบบสารสนเทศและซอฟต์แวร์
ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นระหว่างระบบที่แตกต่างกัน (Interoperability) และที่สำคัญคือต้องสอดคล้องกับกฎหมายหรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยงาน Global ISO Conference 2025 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพนี้ ถือเป็นเวทีหลักในการประชุมประจำปี ที่จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นเชิงลึกทางเทคนิค เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยในครั้งนี้จะมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกต่างๆ รวมทั้งสิ้น 21 ประเทศ จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 39 ประเทศ เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง”
“การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานGlobal ISO Conference 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับบทบาทของประเทศไทยบนเวทีมาตรฐานดิจิทัลระดับสากล ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านมาตรฐานซอฟต์แวร์และระบบในภูมิภาคได้อย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศ ให้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เพียงพอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนามาตรฐานสากล ทั้งในมิติเชิงเทคนิคและเชิงนโยบาย ซึ่งองค์ความรู้และประสบการณ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศไทยโดยรวม” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวเน้นย้ำ
ผศ.ดร.ณัฐพล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญว่า “งานGlobal ISO Conference 2025 ยังถือเป็นเวทีสำคัญที่ประเทศไทยจะได้มีโอกาสแนะนำ ‘dSURE’ ตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลของไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ตราสัญลักษณ์ dSURE นี้มอบให้กับผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่กำหนด ทั้งในด้านความปลอดภัยในการใช้งาน (Safety) ความสามารถในการทำงานได้ตรงตามคุณลักษณะที่ระบุ (Functionality) และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
โดยดีป้าได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการดิจิทัลไทยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตนให้ได้รับมาตรฐานระดับสากล ซึ่งการได้รับมาตรฐาน dSURE นี้ยังเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดนำสินค้าและบริการของตนไปขึ้นทะเบียนใน ‘บัญชีบริการดิจิทัล’ ได้อีกด้วย บัญชีบริการดิจิทัลนี้เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นไปตามข้อกำหนดด้านมาตรฐานคุณภาพ และมีราคาสมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยทั้งสองกลไกนี้ (dSURE และบัญชีบริการดิจิทัล) ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการสร้างมาตรฐานภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และสามารถต่อยอดไปสู่การยอมรับในระดับสากลได้ในอนาคต”
การประชุมGlobal ISO Conference 2025 ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของคณะอนุกรรมการ ISO/IEC JTC 1/SC 7 นี้ นับเป็นการประชุมหลักที่จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นเวทีสำหรับการหารือและระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพื่อให้เกิดการกำหนดมาตรฐานกลางที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบงานสารสนเทศต่างๆ ให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยสูง และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวโน้มเทคโนโลยีล่าสุดระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานจากทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศในการผลักดันมาตรฐานให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
สำหรับหัวข้อหลักที่จะมีการหารือและพัฒนามาตรฐานในการประชุมครั้งนี้มีความหลากหลายและครอบคลุมประเด็นสำคัญในโลกดิจิทัลปัจจุบันและอนาคต อาทิ แนวโน้มเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ๆ (Digital Technologies & Innovation) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การให้บริการ และการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Governance, Services & Assets) การพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการสนับสนุนจากปัญญาประดิษฐ์ (AI-Assisted Software Development) ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และความน่าเชื่อถือของระบบ (Cybersecurity & Dependability) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี การประเมินคุณภาพและการจัดทำมาตรฐาน (Quality & Standards) ที่เป็นแกนหลักของการประชุม การพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ Low Code Development ที่ช่วยให้การสร้างซอฟต์แวร์ทำได้รวดเร็วและง่ายขึ้น รวมถึงแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Software) เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการประชุมหลักของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ภายในงานGlobal ISO Conference 2025 ณ อาคารดีป้า สำนักงานใหญ่ ซอยลาดพร้าว 10 ยังจะมีเวทีเสวนาและกิจกรรมเสริมต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ผู้ประกอบการดิจิทัล และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลก เพื่อให้ได้รับทราบถึงแนวโน้มและทิศทางการพัฒนามาตรฐานดิจิทัลในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผนธุรกิจและการพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
การเป็นเจ้าภาพจัดงานGlobal ISO Conference 2025 ของประเทศไทยในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การจัดประชุมระดับนานาชาติ แต่เป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในภูมิภาค เป็นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรและอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยให้ก้าวทันโลก และสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อันจะนำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว
#GlobalISOConference2025 #ISOIECJTC1SC7 #มาตรฐานซอฟต์แวร์ #SoftwareStandards #ดีป้า #depa #กระทรวงดีอี #MDES #สมอ #TISI #สภาอุตสาหกรรม #FTI #เศรษฐกิจดิจิทัล #DigitalEconomy #ไทยแลนด์4.0 #Thailand4.0 #dSURE #บัญชีบริการดิจิทัล #วิศวกรรมซอฟต์แวร์ #SoftwareEngineering #Cybersecurity #AI