มหกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025” เปิดฉากสุดยิ่งใหญ่ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ ไฮไลท์เด็ด “พิตวอล์คพันล้าน” ดึงดูดแฟนความเร็วและนักท่องเที่ยว คาดกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศ สร้างเม็ดเงินสะพัด พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ไทยสู่ศูนย์กลางกีฬามอเตอร์สปอร์ตเอเชีย
จังหวัดบุรีรัมย์กลับมาคึกคักอีกครั้งกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ซูเปอร์คาร์ระดับลักชัวรี “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025” (GT World Challenge Asia 2025) สนามที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน 2568 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดอีเวนต์กีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการของจังหวัดบุรีรัมย์และประเทศไทยโดยรวม โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจและถูกกล่าวขานถึงอย่าง “พิตวอล์คพันล้าน” ที่เปิดโอกาสให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตได้สัมผัสสุดยอดรถแข่งอย่างใกล้ชิด
“จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย” ปรากฏการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลก สู่บุรีรัมย์
รายการ “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย” เป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดการแข่งขันซูเปอร์คาร์ประเภท GT3 ที่รวมรถยนต์สมรรถนะสูงจากผู้ผลิตชั้นนำของโลกมาประชันความเร็วในสนามแข่งอันท้าทาย ซีรีส์การแข่งขันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในทวีปเอเชีย แต่ยังมีการแข่งขันในทวีปยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย ทำให้มีฐานแฟนคลับติดตามชมการแข่งขันอย่างเหนียวแน่นทั่วโลก การที่ประเทศไทย โดยสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพสนามที่ 3 ของฤดูกาล 2025 จึงถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมในการแสดงศักยภาพของประเทศสู่สายตานานาชาติ
การแข่งขันที่เข้มข้นตลอดทั้ง 3 วัน ตั้งแต่รอบฝึกซ้อม รอบควอลิฟาย ไปจนถึงการแข่งขันจริง 2 เรซหลัก เป็นแม่เหล็กดึงดูดทั้งนักแข่ง ทีมแข่ง และแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมายังจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม การจับจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท การใช้จ่ายในร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อสินค้าที่ระลึก ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในท้องถิ่นโดยตรง
ไฮไลท์เด็ด “พิตวอล์คพันล้าน” มูลค่าและความฝันที่สัมผัสได้
นอกเหนือจากการแข่งขันอันดุเดือดในสนาม อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลามคือ “พิตวอล์ค” (Pit Walk) ซึ่งในปีนี้ถูกขนานนามว่า “พิตวอล์คพันล้าน” สะท้อนถึงมูลค่ามหาศาลของเหล่าบรรดารถแข่งซูเปอร์คาร์ GT3 ที่จอดเรียงรายให้แฟนๆ ได้ยลโฉมอย่างใกล้ชิด กิจกรรมนี้เปิดให้ผู้ถือบัตรเข้าชมการแข่งขันสามารถเข้าร่วมได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จัดขึ้นถึงสองวันเต็มอิ่ม คือในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 11.45 – 12.40 น. และวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 เวลา 09.55 – 10.15 น.
ภายในพิตเลน แฟนมอเตอร์สปอร์ตจะได้พบกับทัพรถแข่งซูเปอร์คาร์ GT3 สุดล้ำสมัยจำนวนกว่า 30 คัน จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์ระดับตำนานของโลก อาทิ Mercedes-AMG GT3, Ferrari 296 GT3, Porsche 911 GT3 R (รวมถึงรุ่นใหม่อย่าง Porsche 992), Lamborghini Huracan GT3 EVO2, Audi R8 LMS GT3 evo II, BMW M4 GT3, Chevrolet Corvette Z06 GT3.R และ Nissan GT-R NISMO GT3 เป็นต้น การได้เห็นรถแข่งมูลค่าหลายสิบล้านบาทต่อคัน รวมมูลค่าทั้งพิตเลนแล้วอาจสูงถึงหลักพันล้านบาท จึงเป็นที่มาของชื่อ “พิตวอล์คพันล้าน” ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นการมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ยากจะหาได้จากที่อื่น ผู้เข้าชมสามารถถ่ายภาพ พูดคุยกับทีมช่าง และในบางโอกาสอาจได้พบปะกับนักแข่งที่ตนชื่นชอบ นับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและความผูกพันระหว่างแฟนคลับกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศไทย
การเป็นเจ้าภาพจัด “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025” ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในหลายระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จังหวัดบุรีรัมย์ซึ่งมีสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย “เมืองกีฬา” (Sports City) จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง และธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการจ้างงานชั่วคราว และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ในระดับประเทศ การแข่งขันครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ที่มีศักยภาพ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งมาตรฐาน FIA Grade 1 และ FIM Grade A สามารถรองรับการแข่งขันระดับโลกได้หลากหลายประเภท เป็นการประกาศให้นานาชาติรับรู้ถึงความพร้อมของไทยในการจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ การถ่ายทอดสดและเผยแพร่ข่าวสารการแข่งขันไปทั่วโลกยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอาหารไปในตัว ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยพิจารณาประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางมาก่อน
นอกจากนี้ กิจกรรมพิเศษอย่าง “GT World Challenge HOT LAP” ที่มอบสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้แฟนความเร็วผู้โชคดีและสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การนั่งรถซูเปอร์คาร์ในสนามแข่งจริง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่น่าจดจำ ซึ่งจะถูกนำไปบอกต่อและเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์อย่างมหาศาล
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกลไกมอเตอร์สปอร์ต
อุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การแข่งขันในสนาม แต่ยังเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน, บริษัทน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น, ผู้ผลิตยางรถยนต์, บริษัทโลจิสติกส์, ทีมแข่ง, ผู้สนับสนุน (Sponsors), สื่อมวลชน, และธุรกิจบริการต่างๆ การจัดอีเวนต์ระดับโลกเช่นนี้จึงเป็นการกระตุ้นห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทีมแข่งจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาพร้อมบุคลากรจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการใช้จ่ายทั้งในด้านการขนส่ง ที่พัก อาหาร และการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น การมีกิจกรรม “พิตวอล์คพันล้าน” ที่นำเสนอรถยนต์มูลค่าสูง ย่อมดึงดูดกลุ่มผู้มีความสนใจในสินค้าลักชัวรีและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การต่อยอดทางธุรกิจอื่นๆ ในอนาคตได้ การสร้างบรรยากาศของความพิเศษและความหรูหราภายในงานยังช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าร่วม และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ของผู้จัดงานและผู้สนับสนุน
ความท้าทายและโอกาสในอนาคต
แม้ว่าการจัด “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย” จะสร้างผลกระทบเชิงบวกมากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายในการรักษามาตรฐานและพัฒนาการจัดงานให้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว การแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อดึงดูดอีเวนต์ระดับโลกจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาบุคลากรด้านมอเตอร์สปอร์ตของไทย การสร้างความยั่งยืนในการจัดการแข่งขันโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางกีฬามอเตอร์สปอร์ตของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง
โดยสรุป การกลับมาของ “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025” ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมด้วยไฮไลท์ “พิตวอล์คพันล้าน” ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของกีฬามอเตอร์สปอร์ต แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทยในเวทีโลก การลงทุนในกีฬามอเตอร์สปอร์ตจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งจะก่อให้เกิดผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างยั่งยืน ความสนุกและความพิเศษที่เกิดขึ้นจากอีเวนต์ระดับโลกเช่นนี้ ซึ่งหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว ย่อมสร้างความประทับใจและกระตุ้นให้เกิดการรอคอยสำหรับการแข่งขันในปีต่อๆ ไปอย่างแน่นอน
#GTWorldChallengeAsia #พิตวอล์คพันล้าน #บุรีรัมย์ #สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต #ซูเปอร์คาร์ #เศรษฐกิจไทย #การท่องเที่ยว #มอเตอร์สปอร์ต #SportsTourism #Thailand #อีเวนต์ระดับโลก