GT World Challenge Asia คู่หูจีนผงาด! แซงเดือดโค้งท้ายคว้าชัยเรซแรก

GT World Challenge Asia คู่หูจีนผงาด! แซงเดือดโค้งท้ายคว้าชัยเรซแรก

ศึกซูเปอร์คาร์ระดับโลก GT World Challenge Asia 2025 ณ สนามช้างฯ บุรีรัมย์ เปิดฉากเรซแรกสุดเร้าใจเมื่อวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2568 “อวี้ ไคว่” และ “เฉิง กงฟู่” คู่หูนักแข่งชาวจีน โชว์ฟอร์มเหนือชั้นในรถ Audi R8 LMS GT3 Evo II หมายเลข 45 พลิกสถานการณ์แซงโค้งสุดท้ายคว้าชัยชนะอย่างสุดดราม่า ท่ามกลางการจับตามองของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ตอกย้ำความร้อนแรงของวงการกีฬาความเร็วในประเทศไทย และสะท้อนศักยภาพในการดึงดูดอีเวนต์ระดับโลก กระตุ้นเม็ดเงินสะพัดในอุตสาหกรรมกีฬาและการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับนานาชาติรายการ “GT World Challenge Asia” ฤดูกาล 2025 สนามที่ 3 ได้ระเบิดศึกความเร็วเรซแรกอย่างเป็นทางการ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย ในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2568 ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักและความสนใจอย่างล้นหลามจากแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ติดตามชมการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก รายการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการประชันความเร็วของสุดยอดรถแข่งซูเปอร์คาร์เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาคเอเชีย และบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดอีเวนต์กีฬาระดับโลก

ไฮไลต์เดือด GT3: ซูเปอร์คาร์ 30 ชีวิต ประชันสุดยอดเทคโนโลยีและฝีมือนักขับ

หัวใจสำคัญของการแข่งขันอยู่ที่การดวลกันในคลาส GT3 ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว ความแรง ความดุดัน และความสง่างามของรถแข่งซูเปอร์คาร์ ผนวกกับทักษะการขับขี่ระดับพระกาฬของนักแข่งชั้นนำจากทั่วโลก โดยในเรซนี้มีรถแข่งเข้าร่วมมากถึง 30 คัน จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-AMG GT3, Ferrari 296 GT3, Porsche 911 GT3 R (ทั้งรุ่น 991.2 และ 992), Lamborghini Huracan GT3 Evo2, Audi R8 LMS GT3 Evo II, BMW M4 GT3, Chevrolet Corvette Z06 GT3.R และ Nissan GT-R NISMO GT3 สะท้อนให้เห็นถึงเม็ดเงินลงทุนมหาศาลในวงการ และเป็นที่มาของฉายา “พิตวอล์คพันล้าน” ที่แฟนๆ จะได้สัมผัสในวันอาทิตย์

GT World Challenge Asia

ตำแหน่งโพลโพซิชั่นในเรซแรกนี้ตกเป็นของคู่หูนักแข่งชาวจีน “หลิว ไคลู่” และ “เติ้ง อี้” ในรถแข่ง Ferrari 296 GT3 หมายเลข 96 จากทีม Winhere Harmony Racing สร้างความได้เปรียบตั้งแต่ต้น ขนาบข้างด้วยกริดที่ 2 โดย “แอนโทนี หลิว” และ “โดเรียง บอคโคลาชชี” จากทีม Phantom Global Racing ในขณะที่ผู้นำบนตารางคะแนนสะสมแชมเปียนชิพก่อนลงสนามอย่าง “บ็อบ หยวน” และ “ลีโอ อี้” สองนักแข่งชาวจีนจาก Origine Motorsport ต้องเจองานหนัก เมื่อต้องออกสตาร์ตจากกริดอันดับที่ 11

เกมพลิกผัน ดราม่าท้ายเรซ และชัยชนะของ Audi หมายเลข 45

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นด้วยความเข้มข้น กลุ่มผู้นำพยายามรักษาตำแหน่ง ขณะที่กลุ่มกลางและท้ายก็พยายามหาจังหวะแซง สถานการณ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงช่วงบังคับเข้าพิตเพื่อเปลี่ยนตัวนักแข่ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่อาจชี้ขาดผลแพ้ชนะได้ หลังจากการเข้าพิต “เติ้ง อี้” นักแข่งชาวจีนในรถ Ferrari 296 GT3 หมายเลข 96 ของทีม Winhere Harmony Racing สามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้นำได้สำเร็จ โดยมี “อวี้ ไคว่” ที่รับไม้ต่อจากทีมเมท “เฉิง กงฟู่” ในรถ Audi R8 LMS GT3 Evo II หมายเลข 45 ไล่ตามมาในอันดับที่ 2 ด้วยระยะห่างมากกว่า 5 วินาที ดูเหมือนว่าชัยชนะของ Ferrari เริ่มชัดเจนขึ้น

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญของเรซเกิดขึ้นในช่วงกลางการแข่งขัน เมื่อรถแข่งของ “บ็อบ หยวน” ผู้นำคะแนนสะสม เกิดปัญหาจอดเสียบริเวณ “รันออฟ แอเรีย” ในโค้งที่ 5 แม้ในตอนแรกกรรมการจะให้สัญญาณธงเหลืองเฉพาะจุด แต่เพื่อความปลอดภัยและการเคลียร์แทร็กอย่างสมบูรณ์ รถยนต์นำความปลอดภัย (Safety Car) จึงต้องถูกเรียกออกมาปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้รถแข่งในกลุ่มนำทั้ง 6 คัน กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง ลบความได้เปรียบเรื่องระยะห่างที่สร้างมาทั้งหมด ทำให้เกมกลับมาเปิดกว้างอีกครั้งเมื่อการแข่งขันรีสตาร์ตในช่วง 15 นาทีสุดท้าย

GT World Challenge Asia

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะระหว่าง “เติ้ง อี้” ใน Ferrari และ “อวี้ ไคว่” ใน Audi เกมต้องมาตัดสินกันจนถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขัน และเป็น “อวี้ ไคว่” ที่อาศัยจังหวะและความเฉียบคม ไล่บี้กดดันอย่างหนัก ก่อนจะหาช่องเร่งเครื่องควบ Audi R8 LMS GT3 Evo II หมายเลข 45 แซงขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จที่โค้ง 4 อย่างสุดระทึก และสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้จนผ่านธงตราหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยชนะในเรซแรกของสนามประเทศไทยไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่

สรุปผลการแข่งขันและบทวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจ

ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการปรากฏว่า “อวี้ ไคว่” และ “เฉิง กงฟู่” คู่หูนักแข่งชาวจีน ผงาดคว้าชัยชนะเรซแรกที่บุรีรัมย์ไปครองด้วยเวลารวม 1 ชั่วโมง 36.671 วินาที โดยเฉือนเอาชนะอันดับ 2 อย่าง “เติ้ง อี้” (และ “หลิว ไคลู่”) ในรถ Ferrari 296 GT3 หมายเลข 96 ไปเพียง 0.795 วินาทีเท่านั้น นับเป็นการต่อสู้ที่คู่คี่สมศักดิ์ศรี ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ “เหว่ย หลู” นักแข่งชาวจีน และทีมเมทชาวเดนมาร์ก “บาสเตียน บุส” ในรถ Porsche 911 GT3 R (992) หมายเลข 4 จากทีม Origine Motorsport ตามหลังผู้ชนะ 1.632 วินาที

อันดับ 4 ได้แก่ รถแข่ง Chevrolet Corvette Z06 GT3.R หมายเลข 99 จากทีม Johor Motorsport Racing JMR ซึ่งขับโดย “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” แห่งรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย และทีมเมทชาวสหราชอาณาจักร “เบน กรีน” ตามหลัง 4.115 วินาที ขณะที่ “เป่า จินหลง” ยอดนักแข่งจีน และ “มาร์คุส วิลเคนฮอค” อดีตนักแข่งรถสูตรหนึ่ง (Formula 1) ชาวเยอรมัน ในรถ Audi R8 LMS GT3 Evo II หมายเลข 46 ก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ตีตื้นจากกริดสตาร์ตอันดับที่ 18 ขึ้นมาจบในอันดับที่ 5 ได้อย่างน่าทึ่ง ตามหลังผู้ชนะ 6.715 วินาที

ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการประกาศศักดาของทีมนักแข่งจีนในสนามระดับนานาชาติ แต่ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และการรับรู้ของกีฬามอเตอร์สปอร์ตในวงกว้าง การจัดการแข่งขัน GT World Challenge Asia ในประเทศไทย สะท้อนถึงความพร้อมของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในการรองรับอีเวนต์กีฬาระดับโลก และศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ซึ่งสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ทั้งในภาคส่วนโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร การขนส่ง การจ้างงาน และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง การปรากฏตัวของรถซูเปอร์คาร์มูลค่าหลายสิบล้านบาทต่อคัน และทีมแข่งที่ลงทุนมหาศาล เป็นเครื่องยืนยันถึงกำลังซื้อมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้สนับสนุนและแบรนด์ต่างๆ

ความคึกคักของซัพพอร์ตเรซ และกิจกรรมห้ามพลาดในวันอาทิตย์

นอกเหนือจากการแข่งขันหลักแล้ว รายการซัพพอร์ตเรซอย่าง “Honda One Make Race 2025” สนามแรก ก็สร้างสีสันและความสนุกสนานไม่แพ้กัน โดยชัยชนะตกเป็นของ “วี” ธนาศิวณัฐ พงสินนัชอาชัญ แชมป์เก่าจากทีม PT Autobacs x Mugen Thailand ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ออกสตาร์ตจากตำแหน่งโพลโพซิชั่นก่อนนำแบบม้วนเดียวจบ คว้าแชมป์ไปครอง

GT World Challenge Asia

สำหรับแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตยังคงมีโอกาสสัมผัสความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง โดยศึก GT World Challenge Asia 2025 สนามที่ 3 จะทำการแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.45 น. เป็นต้นไป และอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ “พิตวอล์คพันล้าน” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศในพิตเลนอย่างใกล้ชิด ชื่นชมความสวยงามของรถแข่งซูเปอร์คาร์ และเทคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัย มูลค่ารวมของรถแข่งและทีมที่เข้าร่วมนั้นมหาศาลสมชื่อ โดยผู้ถือบัตรเข้าชมการแข่งขันสามารถเข้าร่วมกิจกรรม “พิตวอล์ค” ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน เวลา 9.55 – 10.15 น. กิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้แก่ผู้ชม แต่ยังช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมมอเตอร์สปอร์ตให้เข้าถึงง่ายขึ้น

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.30 – 12.00 น. ทางช่อง TrueSports 2 (หมายเลข 667) และผ่านช่องทางออนไลน์ทางเพจ Facebook: Chang Circuit Buriram และ YouTube: Chang International Circuit เพื่อไม่พลาดทุกความมันส์และความเคลื่อนไหวของศึกซูเปอร์คาร์ระดับโลกครั้งนี้

บทสรุปและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

การแข่งขัน GT World Challenge Asia ที่บุรีรัมย์ ไม่เพียงแต่เป็นมหกรรมความเร็วที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การดึงดูดทีมแข่ง นักแข่ง และผู้ติดตามจากนานาชาติ ก่อให้เกิดการใช้จ่ายและเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก ความสำเร็จของการจัดงานจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความเป็นมืออาชีพและความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพอีเวนต์กีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในระยะยาว วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และอีเวนต์เช่นนี้คือส่วนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการต่อไป.

#GTWorldChAsia #ChangInternationalCircuit #Buriram #Motorsport #Supercar #Thailand #RaceReport #เศรษฐกิจ #การท่องเที่ยวเชิงกีฬา #อีเวนต์ระดับโลก #ซูเปอร์คาร์ #จีทีเวิลด์ชาเลนจ์เอเชีย #บุรีรัมย์ #สนามช้าง #กีฬามอเตอร์สปอร์ต #AudiSport #FerrariRacing #PorscheMotorsport

Related Posts