เอชพี ชูกลยุทธ์ “Made in Thailand” ปักธงไทยฮับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

เอชพี ชูกลยุทธ์ “Made in Thailand” ปักธงไทยฮับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เอชพี อิงค์ (HP Inc.) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีระดับโลก โดย เอชพี ประเทศไทย ได้ประกาศทิศทางและกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งสำคัญ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาด พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และพันธมิตรในประเทศไทย ภายใต้แนวคิดหลักคือการมุ่งมั่นพัฒนา “อนาคตแห่งการทำงาน” (Future of Work) โดยอาศัยขุมพลังของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรังสรรค์นวัตกรรมและโซลูชันที่ครบวงจร ผ่านกลยุทธ์ “One HP” อันแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการเปิดตัวโครงการใหม่อย่าง “Made in Thailand” ซึ่งเป็นการลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ และความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การพัฒนาสังคม และความยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างงาน สร้างโอกาส และยกระดับทักษะของบุคลากรไทย

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ภูมิทัศน์ของกำลังแรงงานในปัจจุบันก็ได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ อิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การขยายตัวของการดำเนินงานในระดับภูมิภาค และความคาดหวังของลูกค้าและพนักงานที่ไม่เหมือนเดิม ได้สร้างสภาวะแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ความรู้และทักษะทางด้านดิจิทัลที่เข้มข้น รวมถึงการบริหารจัดการการทำงานที่ยืดหยุ่นได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด ขณะเดียวกัน เครื่องมือและโซลูชันที่สามารถส่งเสริมประสบการณ์การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและราบรื่น ไม่ว่าจะทำงานจากที่ใดหรือเวลาใดก็ตาม ได้ทวีความสำคัญขึ้นเป็นอย่างมาก

“One HP”: กลยุทธ์บูรณาการ ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความปลอดภัยสู่อนาคต

เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายและคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่ เอชพี ประเทศไทย ได้ตอกย้ำทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 และปีต่อๆ ไป โดยมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านอนาคตแห่งการทำงานอย่างแท้จริง ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้บริโภคและองค์กร กลยุทธ์หลักที่นำมาใช้คือ “One HP” ซึ่งเป็นการผสานรวมพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของเอชพีให้เชื่อมต่อกันอย่างครบวงจรและทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ

ภายใต้กลยุทธ์ “One HP” นี้ เอชพีได้ใช้ศักยภาพของ AI อย่างเต็มที่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ Poly และ HyperX รวมถึงซอฟต์แวร์ บริการ และโซลูชันต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานที่เหนือกว่า คุณประโยชน์หลักที่ผู้ใช้งานและองค์กรจะได้รับจากกลยุทธ์นี้มีสามประการ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Enhanced Productivity) ช่วยให้การทำงานลื่นไหล รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Optimized Cost Management) ช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและลงทุนในเทคโนโลยีได้อย่างคุ้มค่า และ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบอย่างมืออาชีพ (Professional-grade Security) ปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรและผู้ใช้งานจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของความร่วมมือภายใต้กลยุทธ์ One HP คือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์การประชุมอัจฉริยะของ Poly เข้ากับพีซีของเอชพี ทำให้ระบบสามารถปรับมุมกล้องและมุมมองของหน้าจอให้สอดคล้องกับผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาปรับแต่งด้วยตนเองอีกต่อไป นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าองค์กรที่เลือกใช้บริการและโซลูชันต่างๆ ของเอชพี จะได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาการใช้งาน ตั้งแต่ขั้นตอนการเริ่มต้นติดตั้งอุปกรณ์ การออกแบบฟีเจอร์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กรก่อนส่งมอบ ไปจนถึงบริการสายด่วน (Hotline) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและทันท่วงที

นางสาววรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เอชพี ประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จและทิศทางในอนาคตว่า “ปี 2567-68 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่เอชพี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างสูง พวกเราได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าทุกกลุ่ม และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรภายใต้กลยุทธ์ One HP ที่มาพร้อมกับพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและมีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของทั้งการทำงานแบบไฮบริดและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าได้อย่างลงตัว สำหรับในอนาคต เอชพี ประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางอนาคตแห่งการทำงาน ไม่เพียงแต่ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ครอบคลุมทุกมิติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาศักยภาพของคนไทยและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย ผ่านความร่วมมือและการลงทุนภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง”

เอชพี

“Made in Thailand”: ปักหมุดไทยฐานการผลิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความมุ่งมั่นของเอชพีที่มีต่อประเทศไทย คือ การประกาศอย่างเป็นทางการถึงการมีฐานการผลิตที่มีศักยภาพสูงในประเทศไทย ผ่านโครงการ “Made in Thailand” HP ดีต่อไทย ซึ่งเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2568 นี้ โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในระยะยาวของเอชพีต่อตลาดประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ระดับโลกที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูงภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคม สร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทยอีกด้วย

โครงการ “Made in Thailand” ของเอชพีตั้งอยู่บนแกนหลัก 3 ประการที่สำคัญ ได้แก่:

  1. ด้านเทคโนโลยี (Technology): เอชพีมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และเครื่องพิมพ์ด้วยมาตรฐานระดับโลกในประเทศไทย การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่จะนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาในประเทศ แต่ยังเป็นการยกระดับทักษะและความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรไทย สร้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรม 4.0

  2. ด้านสังคมและเศรษฐกิจ (Socio-Economic): เอชพีมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โครงการนี้จะนำไปสู่การสร้างอาชีพใหม่ๆ จำนวนมาก ทั้งในส่วนของการผลิต ชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง พร้อมทั้งยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการผลิต (Manufacturing Hub) ที่มีความเป็นเลิศในระดับภูมิภาคและระดับโลก

  3. ด้านความยั่งยืน (Sustainability): เอชพีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การผลิตและขนส่งภายในประเทศจะช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ เอชพียังมุ่งเน้นกระบวนการจัดหาวัตถุดิบและการรีไซเคิลที่ยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดปริมาณของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอชพีที่จะลงทุนอย่างมั่นคงและยั่งยืนสำหรับอนาคตในประเทศไทย

การตัดสินใจครั้งสำคัญของเอชพีในการตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยได้รับการตอบรับเชิงบวกจากภาครัฐ ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนครั้งนี้ว่า “การตัดสินใจของเอชพีในการเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงในศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และความมุ่งมั่นของเอชพีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีของประเทศ การลงทุนนี้จะก่อให้เกิดการสร้างอาชีพใหม่ๆ พัฒนาทักษะของคนทำงาน และยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญบนเวทีโลก ซึ่งสอดคล้องและสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติของไทยในการก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภายในปี พ.ศ. 2580”

ฉลอง “Made in Thailand” ด้วยแคมเปญสุดพิเศษเพื่อคนไทย

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษและการเปิดตัวโครงการ “Made in Thailand” อย่างเป็นทางการ เอชพี ประเทศไทย ได้เตรียมนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการตลาดสุดพิเศษสำหรับลูกค้าชาวไทย โดยลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเอชพีที่เข้าร่วมรายการ ซึ่งผลิตภายใต้โครงการ “Made in Thailand” ณ ร้านค้าปลีกที่ร่วมกิจกรรม จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย (ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของแต่ละรายการ) เช่น การขยายระยะเวลารับประกันสินค้าเพิ่มเติมอีก 1 ปี เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน นอกจากนี้ ลูกค้ายังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษผ่านกิจกรรมชิงโชค เพื่อร่วมทริปเดินทางสุดพิเศษ สัมผัสประสบการณ์ความเป็นไทยอันน่าประทับใจ ทั้งในด้านวัฒนธรรมอันงดงามและการบริการอย่างเหนือระดับ นับเป็นการคืนกำไรให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย และเป็นการตอกย้ำถึงความผูกพันที่เอชพีมีต่อตลาดนี้

อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือ

การประกาศกลยุทธ์ “One HP” และโครงการ “Made in Thailand” ของเอชพี ประเทศไทยในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเอชพีในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การผสานพลังของเทคโนโลยี AI เข้ากับพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร และการลงทุนในฐานการผลิตภายในประเทศ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้เอชพีสามารถส่งมอบนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากร สร้างงาน สร้างโอกาส และยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีโลก

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และข่าวสารต่างๆ จากเอชพี สามารถติดตามได้ที่ช่องทางเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ HP Thailand ที่ www.facebook.com/hpthailand และเว็บไซต์ www.hp.com

#HPThailand #OneHP #MadeInThailand #FutureOfWork #AI #เอชพีประเทศไทย #อนาคตแห่งการทำงาน #ผลิตในไทย #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #เศรษฐกิจไทย

Related Posts