ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เผยยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม หนุน HP ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ปักหมุดไทยฐานการผลิตสำคัญ ชูตราสัญลักษณ์ “Made in Thailand” สร้างงาน สร้างรายได้มหาศาล พร้อมออกมาตรการเข้ม ปราบปรามขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย และสกัดขบวนการสวมสิทธิ์ หวังยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยสู่สากล สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะยาว
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่หมุดหมายสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนและฐานการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงในภูมิภาค โดยล่าสุด บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือ HP ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ได้ประกาศแผนการลงทุนครั้งสำคัญในประเทศไทย สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพและอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน โดย ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยถึงบทบาทและการสนับสนุนของภาครัฐ ตลอดจนนโยบายสำคัญที่จะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
HP ปักธงลงทุนครั้งใหญ่ ดันไทยฮับการผลิต กระตุ้น GDP หลายแสนล้าน
ดร. อรรถวิชช์ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจถึงการตัดสินใจลงทุนของ HP ในประเทศไทยว่า “ผมดีใจมาก และภูมิใจแทนชาว HP ทุกคน ที่บริษัทระดับโลกอย่าง HP เล็งเห็นความสำคัญและศักยภาพของประเทศไทย บริษัทนี้มีการลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 842 ล้านบาท และที่น่ายินดีอย่างยิ่งคือ ในปีนี้ (พ.ศ. 2567-2568) HP มีแผนที่จะขยายการจ้างงานคนไทยล้วน 100% เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนถึง 10,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาทักษะแรงงานไทย”
การลงทุนของ HP ไม่เพียงแต่สร้างงานจำนวนมหาศาล แต่ยังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคการส่งออก ดร. อรรถวิชช์ ชี้ว่า “HP ถือเป็นบริษัทชั้นนำที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตัวเลข GDP ของประเทศอย่างแท้จริง จากข้อมูลพบว่า HP ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท หากคำนวณจากปริมาณการผลิตราว 8 ล้านเครื่อง คูณกับราคาเฉลี่ยเครื่องละประมาณ 25,000 บาท ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงกำลังการผลิตและผลกระทบเชิงบวกต่อดุลการค้าของไทยอย่างมหาศาล นี่คือบริษัทที่ช่วยกระตุก GDP ของเราขึ้นอย่างแท้จริง”
นอกเหนือจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยตรง ดร. อรรถวิชช์ ยังได้กล่าวถึงความผูกพันส่วนตัวกับแบรนด์ HP ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีมายาวนาน “ผมเป็นบิ๊กแฟนของ HP ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบัน ในชีวิตผมใช้เครื่องพิมพ์ยี่ห้อเดียวคือ Hewlett Packard การที่ HP มาลงทุนและผลิตในเมืองไทย ยิ่งทำให้รู้สึกตรงใจและภูมิใจมากยิ่งขึ้น”
กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าวางรากฐานกฎหมาย จัดการกากอุตสาหกรรม-ขยะอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้ให้ความสำคัญกับการวางกรอบกฎหมายและมาตรการที่เข้มแข็ง โดย ดร. อรรถวิชช์ เปิดเผยว่า “ท่านรัฐมนตรีฯ ได้มอบหมายให้ผมดูแลเรื่องมาตรฐานสินค้า และที่สำคัญคือการร่างกฎหมายฉบับใหม่ว่าด้วยการจัดการกากอุตสาหกรรม หรือ พ.ร.บ. กากอุตสาหกรรม ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมถึงการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันโดยตรงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี”
แม้ว่า พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาเพื่อเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี แต่กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ ดร. อรรถวิชช์ ยืนยันว่า “ในระหว่างนี้ เราได้มีการเข้มงวดอย่างมากในการตรวจจับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นและมีการลักลอบทิ้งในประเทศ เรามีการดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดแทบทุกวัน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ของใคร”
สกัดขบวนการสวมสิทธิ์ “Made in Thailand” ยกระดับมาตรฐานสินค้าไทย
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังเร่งดำเนินการคือ การป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้า “Made in Thailand” ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสินค้าไทยและอาจเป็นการหลีกเลี่ยงมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้า ดร. อรรถวิชช์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “สิ่งที่เรากังวลอย่างยิ่งในขณะนี้ คือการที่บางประเทศอาจใช้ไทยเป็นทางผ่านในการประทับตรา แล้วส่งออกไปยังประเทศที่สาม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อาจมีความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น จีนกับสหรัฐอเมริกา เราต้องป้องกันไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลบเลี่ยงภาษีหรือมาตรการกีดกันทางการค้า”
กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด “เราเข้าไปตรวจสอบโรงงานอย่างจริงจัง แม้กระทั่งในเขตปลอดอากร (Free Zone) เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ติดป้ายMade in Thailand นั้น มีการผลิตที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ล่าสุดเราได้ตรวจสอบโรงงานที่เข้าข่ายต้องสงสัยและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ สินค้าที่จำหน่ายในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee หรือ Lazada จะต้องผ่านมาตรฐาน มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เรามีทีมงานเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดเวลา หากพบสินค้าใดไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จะดำเนินการทันที ซึ่งนี่เป็นแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง”
ดร. อรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจสอบว่า “เราได้นำระบบแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชัน Line ที่เรียกว่า ‘Traffy Fondue’ (แจ้งกลุ่มแล้วสุดซอย) มาใช้ ทำให้ประชาชนสามารถแจ้งเรื่องเข้ามาได้สะดวก และเรามีทีมเคลื่อนที่เร็วเข้าไปตรวจสอบ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถตรวจจับการกระทำผิดได้เกือบทุกวัน ทุกสัปดาห์”
นโยบาย “ห้ามทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์” และการควบคุมการนำเข้าสินค้ามือสอง
ผลพวงจากการเอาจริงเอาจังกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ คือการประกาศ “ห้ามทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์” อย่างเป็นทางการ ซึ่งมาตรการนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงการควบคุมการนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มือสองอย่างเข้มงวด “เมื่อเราห้ามการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศแล้ว การตรวจสอบตู้สินค้ามือสองที่นำเข้า โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็ต้องเข้มข้นตามไปด้วย หากเปิดตู้มาแล้วพบว่าสินค้ามีลักษณะเป็นขยะ หรือดูแล้วไม่สามารถใช้งานได้จริง ก็จะถูกตีกลับหรือดำเนินการตามกฎหมายทันที มาตรการนี้จะช่วยสกัดกั้นการทะลักของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่แฝงตัวมาในรูปของสินค้ามือสองได้อย่างมีนัยสำคัญ” ดร. อรรถวิชช์ อธิบาย
การดำเนินการดังกล่าวนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศไทย “เมื่อการนำเข้าขยะหรือสินค้ามือสองที่ไม่มีคุณภาพทำได้ยากขึ้น ย่อมเป็นการเปิดโอกาสให้กับสินค้าใหม่ที่ผลิตในประเทศ ซึ่ง HP ที่มีฐานการผลิตในไทยและมียอดส่งออกมหาศาล จะเป็นความหวังสำคัญของเราในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”
กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมหนุน HP เต็มกำลัง ผ่านกลไก “Made in Thailand”
ดร. อรรถวิชช์ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรมในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย “กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมที่จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการสนับสนุน HP ในทุกรูปแบบ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการปกป้องคนที่เข้ามาลงทุนอย่างสุจริต และคนที่ทำตามกติกา”
หนึ่งในกลไกสำคัญคือการส่งเสริมตราสัญลักษณ์Made in Thailand ซึ่ง HP ได้รับการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) “โลโก้ ‘Made in Thailand’ ที่ HP ได้รับนี้ มีความหมายและความสำคัญอย่างยิ่ง สภาอุตสาหกรรมฯ แม้จะเป็นองค์กรอิสระของภาคเอกชน แต่ก็ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงฯ ในการผลักดันให้โลโก้นี้มีพลัง เมื่อบริษัทใดได้รับตราสัญลักษณ์นี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ หรือแต้มต่อ (Handicap) ในการเข้าร่วมประมูลงานของภาครัฐ บางโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการระบุชัดเจนว่าต้องเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือต้องได้รับตรา ‘Made in Thailand’ นี่คือข้อได้เปรียบที่ชัดเจน”
อนาคตอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย และความคาดหวังต่อ HP
ดร. อรรถวิชช์ แสดงความเชื่อมั่นว่า การลงทุนและนวัตกรรมของ HP จะมีส่วนสำคัญในการปฏิรูปวงการคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย “ผมยินดีอีกครั้งที่ HP ได้รับตราMade in Thailand นี่คือความพยายามร่วมกันในการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าในประเทศให้ดียิ่งขึ้น ผมเชื่อว่า HP จะไม่ได้มีเพียงแค่เครื่องพิมพ์ แต่จะนำเสนอนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น งานกราฟิก ที่ปัจจุบันเราอาจยังต้องสั่งประกอบเอง ซึ่งจะช่วยยกระดับการใช้งานเทคโนโลยีในประเทศไปอีกขั้น”
ท้ายที่สุด ดร. อรรถวิชช์ ได้แสดงความหวังว่า HP จะยังคงเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยในระยะยาว “ผมหวังว่า HP จะอยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนาน เพราะด้วยการลงทุนและการสร้างงานขนาดนี้ ท่านเปรียบเสมือนเป็นบริษัทไทยแล้ว” การกล่าวเปิดงานของ ดร. อรรถวิชช์ ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต้อนรับและแสดงความยินดีต่อการลงทุนของ HP แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืนของประเทศไทย
#HPลงทุนในไทย #กระทรวงอุตสาหกรรม #MadeInThailand #เศรษฐกิจไทย #ส่งออกคอมพิวเตอร์ #จ้างงาน #การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ #มาตรฐานสินค้า #มอก #อรรถวิชช์สุวรรณภักดี #เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย #ลงทุนต่างชาติ #ฐานการผลิต #นวัตกรรมเทคโนโลยี