‘ไอ-เฮิร์บ’ (I-HERB) แบรนด์เม็ดอมสมุนไพรภายใต้การบริหารของ บริษัท มิลลิเมด จำกัด ประกาศรีเฟรชแบรนด์ครั้งสำคัญ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมดึงนักแสดงชื่อดัง ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนแรก หวังเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและมองหาผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมรสชาติที่ดี ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค (Top of Mind) ภายใน 3 ปี พร้อมรุกขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดเอเชีย เล็งเห็นโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเม็ดอมสมุนไพรหลังยุคโควิด-19
คุณพันธิกันต์ สุวรรณคีรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลิเมด จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ (I-HERB) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับแบรนด์ไอ-เฮิร์บ โดยหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการรีเฟรชแบรนด์ให้มีความสดใหม่และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ประกอบกับกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติอร่อยกำลังมาแรง ไอ-เฮิร์บจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สามารถอมได้บ่อยแม้ไม่มีอาการไอหรือเจ็บคอ ช่วยให้ชุ่มคอ พร้อมรสชาติที่ถูกปาก และยังคงคุณประโยชน์จากสมุนไพรธรรมชาติไว้อย่างครบถ้วน
จุดเริ่มต้นของไอ-เฮิร์บ มาจากแนวคิดในการพัฒนาเม็ดอมสมุนไพรสูตรใหม่ที่ปราศจากน้ำตาล โดยเลือกใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างไอโซมอลต์ (Isomalt) ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ทำให้ฟันผุ และไม่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ผู้บริโภคสามารถบริโภคได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากลิ่นและรสชาติให้มีความทันสมัย รับประทานง่าย แตกต่างจากภาพจำเดิมๆ ของยาอมสมุนไพร ส่งผลให้ไอ-เฮิร์บได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้บริโภคชาวไทยและกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นของฝาก
‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ พรีเซนเตอร์คนแรก ตอกย้ำภาพลักษณ์ทันสมัย เข้าถึงง่าย
เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แข็งแกร่งและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเลือก ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นักแสดงชายชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทย มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ไอ-เฮิร์บ คุณพันธิกันต์ ให้เหตุผลในการเลือกมาริโอ้ว่า “การร่วมงานในครั้งนี้กับมาริโอ้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เข้าถึงง่าย และวางตัวดี มีฐานแฟนคลับหลากหลายทุกเพศวัยทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญยังบาลานซ์ด้านการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตของตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์เม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ ให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังคงความเป็นธรรมชาติ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ไว้ได้อย่างลงตัว” การดึงมาริโอ้มาเป็นพรีเซนเตอร์จึงไม่เพียงแต่ช่วยสร้างการจดจำในตัวผลิตภัณฑ์ แต่ยังช่วยเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มองหาสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์การตลาดครบวงจร สร้างการรับรู้และประสบการณ์แบรนด์ที่ไร้รอยต่อ
ไอ-เฮิร์บ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเปิดตัวพรีเซนเตอร์ แต่ยังได้วางแผนแคมเปญการตลาดแบบบูรณาการ 360 องศา เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมในทุกช่องทาง (Mixed Media) ประกอบด้วย การเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา (TVC) ที่จะฉายภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ผ่านตัวตนของมาริโอ้ การใช้สื่อนอกบ้าน (Out of Home) ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อสร้างการมองเห็นในวงกว้าง การจัดทำสื่อในร้านค้า (In-Store Media) เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดภาคสนาม (On-ground Marketing) เช่น การแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้จริง เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงกับผลิตภัณฑ์
ในส่วนของช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นสื่อที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไอ-เฮิร์บได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกและรับของรางวัลมากมาย เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์และความผูกพันกับแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเลือกใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่สำคัญของไอ-เฮิร์บ กลยุทธ์ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ไร้รอยต่อ (Seamless Brand Experience) ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกในทุก Touchpoint
คุณพันธิกันต์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์นี้ว่า “บริษัทฯ วางเป้าหมายผลักดันให้แบรนด์ไอ-เฮิร์บ เป็นที่จดจำในกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในวงกว้างได้มากขึ้น มุ่งเน้นไปที่การสร้าง Brand Presence ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงผู้บริโภคในทุก Touchpoint อย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อขยายการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง และสร้างความคุ้นเคย (Brand Familiarity) กับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ด้วยพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทางด้วยการนำเสนอประสบการณ์แบรนด์ที่ไร้รอยต่อ จึงมีความสำคัญและเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อการเติบโตของแบรนด์ที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง”
ตอกย้ำจุดยืนด้วยปรัชญา ‘I-H-E-R-B’ และคุณภาพที่การันตีด้วยรางวัล
ปรัชญาของแบรนด์ไอ-เฮิร์บ สื่อสารผ่านชื่อ I-HERB ซึ่งแต่ละตัวอักษรมีความหมายที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสู่ผู้บริโภค ดังนี้:
- I – Ingredients: การคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพจากธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
- H – High Quality: ให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบจนถึงขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล คุณภาพของผลิตภัณฑ์ไอ-เฮิร์บยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
- E – Extraordinary: ความพิเศษด้วยรสชาติที่อร่อยลงตัว ทานง่าย จนลืมภาพจำของรสชาติสมุนไพรแบบดั้งเดิมที่อาจจะไม่ถูกปากคนรุ่นใหม่ ไอ-เฮิร์บได้ทลายข้อจำกัดนี้ด้วยการพัฒนารสชาติที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
- R – Result: ให้ประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพช่องปากและลำคอ เห็นผลจริง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ชุ่มคอ ลดการระคายเคือง หรือบรรเทาอาการไอเบื้องต้น
- B – Benefit: เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดจากสมุนไพรธรรมชาติ ควบคู่ไปกับประสบการณ์การบริโภคที่น่าพึงพอใจ
ผลิตภัณฑ์หลากหลาย ช่องทางจำหน่ายครอบคลุม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของไอ-เฮิร์บ ประกอบด้วย เม็ดอมสมุนไพร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง, ยาอมและยาน้ำแก้ไอสำหรับผู้ที่มีอาการไอ และสเปรย์พ่นคอเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและดูแลสุขภาพช่องปากและลำคอ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวางจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง ได้แก่ ร้านขายยาทั่วประเทศ, ร้านสะดวกซื้อชั้นนำอย่าง 7-11 และ Jiffy, รวมถึงทัวริสต์ สโตร์ (Tourist Store) ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ไอ-เฮิร์บยังให้ความสำคัญกับช่องทางอี-คอมเมิร์ซ โดยมีร้านค้าอย่างเป็นทางการบนแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Lazada และ Tiktok shop เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับราคาจำหน่ายเม็ดอมสมุนไพร I-HERB นั้นอยู่ที่ซองละ 32 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย
มองอนาคต: พัฒนาไม่หยุดยั้ง มุ่งสู่แบรนด์ ‘Top of Mind’ และขยายตลาดสู่สากล
สำหรับทิศทางในอนาคต ไอ-เฮิร์บตั้งเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรก (Top of Mind Brand) ในตลาดเม็ดอมสมุนไพร โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของเป้าหมายนี้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของแบรนด์ไอ-เฮิร์บคิดเป็น 10% ของยอดขายรวมของบริษัทมิลลิเมด เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค และเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับตลาด ควบคู่ไปกับการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงและมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอย่างดี
คุณพันธิกันต์ ให้มุมมองเกี่ยวกับภาพรวมตลาดเม็ดอมสมุนไพรในประเทศไทยว่า แม้จะยังไม่มีการเก็บตัวเลขขนาดตลาดอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าตลาดนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นจากทั้งผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ ที่ต่างก็เร่งพัฒนานวัตกรรมทั้งในด้านรสชาติ คุณสมบัติ และรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ ยาอมแบบเม็ดแข็ง, เม็ดตอก, เม็ดลูกกลอน และยาอมแบบลูกอม (Soft Lozenge)
“ไอ-เฮิร์บ จะเข้ามาตอบโจทย์นี้ ด้วยเห็นโอกาสในตลาดยาอมสมุนไพร ที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว และผู้บริโภควัยทำงานที่หันมาใส่ใจสุขภาพ แต่ไม่ต้องการรสชาติที่ขมแบบยาอมสมุนไพรเดิม ๆ” คุณพันธิกันต์ กล่าวทิ้งท้าย
การปรับทัพครั้งใหญ่ของ ‘ไอ-เฮิร์บ’ ในครั้งนี้ จึงนับเป็นก้าวที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในวงการธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน การเลือกใช้พรีเซนเตอร์ที่ตอบโจทย์ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่หยุดนิ่ง เชื่อว่าไอ-เฮิร์บจะสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเม็ดอมสมุนไพรได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้
#ไอเฮิร์บ #IHERB #รีเฟรชแบรนด์ #มาริโอ้เมาเร่อ #เม็ดอมสมุนไพร #ตลาดคนรุ่นใหม่ #เทรนด์สุขภาพ #มิลลิเมด #ยาอมแก้ไอ #สมุนไพร #ข่าวเศรษฐกิจ #การตลาด