InnovestX Research บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยบทวิเคราะห์ล่าสุด ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ลดดอกเบี้ย ขณะที่ ธปท. ส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมรับมือผลกระทบสงครามการค้า ด้านการเจรจาสหรัฐฯ-จีน แม้มีสัญญาณบวก แต่ InnovestXมองว่ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย
บทวิเคราะห์เศรษฐกิจรายสัปดาห์ “Macro Making Sense” ฉบับวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 โดย InnovestX Research บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางปัจจัยสำคัญหลายประการที่ส่งผลต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุน
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง เฟดมีแนวโน้มคงดอกเบี้ย
InnovestX Research วิเคราะห์ว่า ประเด็นสำคัญประการแรกคือความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย. ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 138,000 ตำแหน่ง แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งก็ตาม
ขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.2% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวและแข็งแกร่ง แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีและภาวะการเงินที่ผันผวน. อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP พบว่ามีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายนอยู่ที่ 62,000 ตำแหน่ง และค่าเฉลี่ย 3 เดือนอยู่ที่ 98,000 ตำแหน่ง. ซึ่ง InnovestXชี้ว่าอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการจ้างงานในอนาคตอาจชะลอตัวลงได้
นอกจากนี้ อัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน (Labor force participation rate) เพิ่มขึ้นเป็น 62.6% โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานหลัก (Prime-age workers) ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน. ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน) ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.1%. จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ซึ่งInnovestX วิเคราะห์ว่าบ่งชี้ถึงภาวะการว่างงานที่ทรงตัว การจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงแม้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่แม้จะยังต่ำแต่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในอนาคต อันนำไปสู่สถานการณ์ที่เรียกว่า “mild stagflation”
ด้วยเหตุนี้InnovestX Research จึงยังคงประมาณการว่า เฟดจะยังไม่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 6-7 พฤษภาคมนี้
มุมมอง InnovestX ต่อ ธปท. และเศรษฐกิจไทย
สำหรับเศรษฐกิจไทยInnovestX Research มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังเผชิญกับความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามการค้าโลกที่อาจรุนแรงขึ้น. จากบทสัมภาษณ์ของ ดร. ปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพนโยบายการเงิน กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ระบุว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีท่าที “ค่อนข้างผ่อนคลาย” และพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากจำเป็นInnovestX ตีความว่าเป็นสัญญาณชัดเจนถึงความพร้อมในการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
ก่อนหน้านี้ กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สองครั้งติดต่อกัน สู่ระดับ 1.75%. พร้อมกันนี้ ธปท. ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 2568 เหลือ 2.0% ภายใต้สมมติฐานอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่ 10% และอาจเหลือเพียง 1.3% หากสงครามการค้ารุนแรงขึ้นและอัตราภาษีสูงกว่านี้
InnovestX Research มองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ ธปท. จะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ:
- การปรับเปลี่ยนจุดเน้นของ ธปท. จากเสถียรภาพระบบการเงินสู่ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
- การปรับลดประมาณการเงินเฟ้อปี 2568 ลงเหลือ 0.5% (กรณีฐาน) และ 0.2% (กรณีเลวร้าย) ซึ่งบ่งชี้ความเสี่ยงเงินฝืดและเปิดช่องให้ลดดอกเบี้ยได้
- การประมาณการเศรษฐกิจในกรณีฐานของ ธปท. ที่ InnovestX มองว่าค่อนข้างเป็นบวกเกินไป โดยตั้งสมมติฐานอัตราภาษีเพียง 10% ขณะที่ InnovestX เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ไทยอาจถูกเก็บภาษีมากกว่านั้น เนื่องจากยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐฯ หากอัตราภาษีอยู่ที่ 15% เศรษฐกิจไทยอาจโตเพียง 1.3% ซึ่งใกล้เคียงกับมุมมองของ InnovestX ที่ 1.4%
คำกล่าวของ ดร. ปิติ ที่ว่า “เราพร้อมรับมือกับพายุที่กำลังจะมา และเรามีพื้นที่นโยบายที่จำกัด เราต้องใช้มันเมื่อมีประสิทธิภาพและจำเป็นที่สุด” ยิ่งตอกย้ำมุมมองของInnovestX ว่า ธปท. ตระหนักถึงความท้าทายและพร้อมใช้เครื่องมืออย่างระมัดระวัง
InnovestX วิเคราะห์สถานการณ์การค้าโลก: สัญญาณบวกท่ามกลางความท้าทาย
ในด้านการค้าโลกInnovestX Research ชี้ว่า ความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีนมีทิศทางผ่อนคลายลงบ้าง หลังการเลื่อนขึ้นภาษี 90 วันของสหรัฐฯ. แม้มีสัญญาณว่าจีนกำลังพิจารณาเจรจา แต่ยังคงเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีทั้งหมดก่อน. ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยอมรับว่าภาษีระดับปัจจุบัน (145% สำหรับบางสินค้า) “ไม่ยั่งยืน” และ “จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” ซึ่งInnovestX มองว่าเป็นสัญญาณบวกต่อตลาด
อย่างไรก็ตาม รมว. คลังสหรัฐฯ ยังระบุว่าการเจรจาจะเป็น “กระบวนการหลายขั้นตอน” และท่าทีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังพร้อมขยายมาตรการภาษี
InnovestXมองว่า เส้นทางการเจรจายังอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทาย. อุปสรรคสำคัญมาจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นที่ไม่คืบหน้า ประเด็นอ่อนไหวระหว่างสหรัฐฯ-จีน เช่น ไต้หวันและนโยบายอุตสาหกรรม ท่าทีของสหรัฐฯ ที่ต้องการคงภาษีบางส่วนไว้ต่อรอง และอำนาจต่อรองที่ไม่เท่าเทียมกัน
สำหรับไทย InnovestXวิเคราะห์ว่า ในฐานะประเทศขนาดเล็กที่มีอำนาจต่อรองน้อย การเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก. การเลื่อนเยือนสหรัฐฯ ของคณะผู้แทนการค้าไทยเป็นสัญญาณลบ. ความท้าทายอยู่ที่ประเด็นที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) และการเป็นคู่ค้ากับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะ SME ไทยที่ค้ากับจีนจำนวนมาก ทำให้ต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง
InnovestXชี้ว่า แม้ตลาดการเงินอาจตอบรับเชิงบวกต่อสัญญาณการเจรจา แต่เศรษฐกิจจริงอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากภาษีที่เริ่มส่งผล ดังเห็นได้จากยอดสั่งซื้อส่งออกใหม่ของจีนที่อ่อนแอ ความล่าช้าและความไม่แน่นอนนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ ธปท. ปรับลดคาดการณ์ GDP ลง
บทสรุปจากInnovestX
โดยสรุปInnovestX Research ประเมินว่า แม้มีสัญญาณบวกเรื่องการเจรจาการค้า แต่หนทางยังอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทาย ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต่อไป. สถานการณ์นี้ตอกย้ำความจำเป็นที่ ธปท. ต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวเพื่อรับมือความผันผวนและความไม่แน่นอนในอนาคต
(บทวิเคราะห์นี้อ้างอิงข้อมูลจากรายงาน Macro Making Sense โดยInnovestX Research บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568)
#เศรษฐกิจไทย #ธปท #ดอกเบี้ย #นโยบายการเงิน #เฟด #เศรษฐกิจสหรัฐ #ตลาดแรงงานสหรัฐ #สงครามการค้า #การค้าโลก #เงินเฟ้อ #GDP #InnovestX #เศรษฐกิจโลก #สหรัฐอเมริกา #จีน