หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ถูกแมลงกัดจนเกิดตุ่มแดง คัน หรือแม้กระทั่งบวมช้ำ แม้ตุ่มเหล่านั้นจะไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี ก็อาจกลายเป็นรอยแผลเป็นที่อยู่บนผิวได้นานหรือถาวรได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มองเห็นอย่างใบหน้า แขน ขา หรือคอ ดังนั้น การรู้วิธีดูแล ตุ่มแมลงกัด อย่างถูกต้องตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผิวของเรากลับมาเรียบเนียนและปลอดรอยดำรอยแดงในระยะยาว
- หลีกเลี่ยงการเกา แม้จะคันแค่ไหน
เมื่อโดนแมลงกัด ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอักเสบเล็กน้อย ทำให้รู้สึกคัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่การเกาหรือขยี้แรง ๆ จะยิ่งทำให้ตุ่มแมลงกัดลุกลามมากขึ้น ผิวหนังบริเวณนั้นอาจถลอก ติดเชื้อ หรือเกิดแผลลึก ส่งผลให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นในภายหลัง หากรู้สึกคันมาก ควรใช้น้ำแข็งประคบเย็น หรือลองใช้ยาแก้คันแทน
- ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดทันที
หลังจากรู้ตัวว่าถูกแมลงกัด ควรล้างบริเวณนั้นด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำสะอาดโดยเร็ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดการอักเสบในเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง เช่น แอลกอฮอล์ หรือยาที่ไม่ได้รับการรับรอง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น
- ทายาแก้คันหรือยาแก้อักเสบอย่างเหมาะสม
สำหรับตุ่มแมลงกัดที่เริ่มมีอาการคันมากหรือเริ่มบวมแดง สามารถใช้ยาแก้คันที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านฮีสตามีน หรือสเตียรอยด์อ่อน ๆ เพื่อช่วยลดอาการคันและอักเสบได้ เช่น คาลาไมน์โลชั่น หรือครีมไฮโดรคอร์ติโซน อย่างไรก็ตาม หากใช้ยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
- หลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงที่ตุ่มยังอักเสบ
ผิวหนังที่ถูกแมลงกัดอยู่ในช่วงฟื้นฟูนั้นไวต่อแสงแดด หากสัมผัสแดดแรง ๆ อาจทำให้เกิดรอยคล้ำถาวรได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดตรง ๆ หรือใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายเพื่อปกป้องผิวบริเวณนั้น หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน
- ใช้ครีมลดรอยดำหรือวิตามิน E เมื่อแผลเริ่มหาย
เมื่อตุ่มแมลงกัดเริ่มแห้งและไม่มีการอักเสบแล้ว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยดำหรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว หรือจะใช้ว่านหางจระเข้สดหรือแบบเจลก็ได้เช่นกัน เพราะมีสรรพคุณลดอักเสบและสมานผิว
- ไม่แกะสะเก็ดหรือแผลที่ตกสะเก็ด
เมื่อแผลเริ่มตกสะเก็ด อย่าเผลอแกะหรือลอกออกเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผิวเกิดรอยแผลลึกถาวรได้ ให้ปล่อยให้สะเก็ดหลุดเองตามธรรมชาติ เพื่อให้เนื้อเยื่อผิวหนังซ่อมแซมได้เต็มที่โดยไม่ถูกรบกวน
- หากตุ่มผิดปกติ ควรพบแพทย์
บางครั้งตุ่มแมลงกัดอาจดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่หากสังเกตว่าตุ่มมีลักษณะใหญ่ผิดปกติ เจ็บ บวมร้อน มีหนอง หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อหรือแพ้อย่างรุนแรงที่ต้องได้รับการดูแลเฉพาะ
การดูแลตุ่มแมลงกัดอย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมาก หลีกเลี่ยงการเกา ล้างให้สะอาด ทายาให้เหมาะสม และดูแลผิวให้ฟื้นฟูในช่วงหลังหายดี จะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดังเดิมได้ไม่ยาก ทั้งนี้ หากตุ่มมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
หากคุณมีผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาแผลเป็นบ่อย ควรหมั่นสังเกตอาการทุกครั้งที่ถูกแมลงกัด และเตรียมอุปกรณ์ดูแลผิวไว้เบื้องต้น จะช่วยให้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น