Massimo Dutti แบรนด์แฟชั่นสัญชาติสเปน เผยโฉมแฟลกชิพสโตร์คอนเซปต์ใหม่ ณ สยามพารากอน ตอกย้ำภาพลักษณ์พรีเมียมคลาสสิก ผสานเทคโนโลยีและศิลปะ มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งเหนือระดับ พร้อมจัดแสดงผลงานศิลปินเซรามิกไทย “อ้อ สุทธิประภา” สะท้อน DNA แบรนด์ที่ทันสมัยที่สุดของ Inditex Group
Massimo Dutti (มาสสิโม ดุตติ) แบรนด์แฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์พรีเมียมคลาสสิกจากสเปน ในเครือ Inditex Group สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแฟลกชิพสโตร์ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน บนพื้นที่กว่า 360 ตารางเมตร การพลิกโฉมครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งของแบรนด์ผ่านคอลเลคชันอันโดดเด่น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ ผ่านการออกแบบที่พิถีพิถัน การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และการผสานนวัตกรรมล้ำสมัยเข้ากับการบริการที่เป็นเลิศ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านแฟชั่นที่เชื่อมโยงสไตล์ ศิลปะ และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Massimo Duttiแบรนด์แฟชั่นชั้นนำสัญชาติสเปนภายใต้การบริหารของ Inditex Group หนึ่งในผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ฤกษ์เผยโฉมแฟลกชิพสโตร์คอนเซปต์ใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ณ ชั้น 1 โซนนอร์ทวิง ศูนย์การค้าสยามพารากอน การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ Massimo Dutti ในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่สดใหม่และยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับสไตล์อันเรียบหรูและคุณภาพอันเป็นเลิศ
ดีไซน์ใหม่สะท้อนตัวตนและพัฒนาการของแบรนด์
การออกแบบและตกแต่งร้าน Massimo Duttiรูปโฉมใหม่นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดที่ต้องการสะท้อนพัฒนาการอันยอดเยี่ยมของแบรนด์ ทั้งในด้านคอลเลคชันสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุม รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำเมื่อลูกค้าก้าวเข้ามาภายในร้าน คอนเซปต์ใหม่นี้มีการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเน้นความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี สะท้อนความใส่ใจในทุกรายละเอียดตามแบบฉบับของ Massimo Duttiเทคนิคของช่างฝีมือที่ละเอียดอ่อนถูกนำมาใช้ในการรังสรรค์ทุกองค์ประกอบภายในร้าน ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน สร้างบรรยากาศที่หรูหราแต่ยังคงไว้ซึ่งความผ่อนคลาย
เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้มีรูปทรงที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มมิติและลูกเล่นให้กับพื้นที่ต่างๆ ภายในร้านได้อย่างลงตัว การผสมผสานรูปทรงออร์แกนิกเข้ากับเส้นสายที่สะอาดตา สร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบ โทนสีที่ใช้เน้นความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกโปร่งสบายและสะอาดตา ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมให้สินค้าภายในร้านดูโดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ของร้านที่ต้องการสื่อถึงความทันสมัยและความเป็นสากลได้อย่างชัดเจน
บริเวณทางเข้าร้านได้รับการออกแบบให้มีความโปร่งโล่ง สบายตา พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านด้วยวินโดว์ดิสเพลย์ขนาดใหญ่ที่จัดแสดงคอลเลคชันล่าสุด ซึ่งจะมีการผลัดเปลี่ยนไปตามแต่ละซีซัน เพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาค้นพบสไตล์ที่ใช่ภายในร้าน การจัดสรรพื้นที่ภายในร้านเป็นไปอย่างชาญฉลาด มีการแบ่งโซนสำหรับคอลเลคชันสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษไว้อย่างชัดเจนและลงตัว ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกชมสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและง่ายต่อการเข้าถึง นอกจากนี้ แสงไฟภายในร้านยังถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เสริมให้ประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าเป็นไปอย่างรื่นรมย์ยิ่งขึ้น
ร้าน Massimo Duttiโฉมใหม่แห่งนี้ ได้รวมทุกองค์ประกอบทั้งด้านดีไซน์ วัสดุ และการจัดแสดงสินค้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและตัวตนอันเป็น DNA ของแบรนด์ ภายใต้แนวคิดร้านที่ทันสมัยที่สุดของ Inditex Group ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการพัฒนารูปแบบร้านค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ
Art in Stores: ผสานแฟชั่นเข้ากับศิลปะวัฒนธรรม
นอกเหนือจากการนำเสนอคอลเลคชันเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว การเปิดตัวร้านคอนเซปต์ใหม่ของ Massimo Duttiณ ศูนย์การค้าสยามพารากอนในครั้งนี้ ยังมีความพิเศษในการเป็นอีกหนึ่งสาขาเรือธงที่ถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรม โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะผสมผสานฟังก์ชันการใช้งานภายในร้านเข้ากับสไตล์และศิลปะอย่างสร้างสรรค์
ในโอกาสพิเศษนี้ Massimo Duttiได้สานต่อความสำเร็จของโครงการ “ArtinProgress” มาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยร้าน Massimo Duttiสาขาสยามพารากอน จะเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการสุดพิเศษ นำเสนอผลงานของ คุณอ้อ-สุทธิประภา ศิลปินเซรามิกชาวไทยมากฝีมือ นิทรรศการนี้จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 25 พฤษภาคม 2568 เปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะและลูกค้าของแบรนด์ได้สัมผัสกับผลงานเซรามิกอันเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อย่างใกล้ชิด
คุณอ้อ สุทธิประภา เป็นศิลปินและนักออกแบบเซรามิกผู้สร้างสรรค์ผลงานโดยเชื่อมโยงความหลงใหลที่มีต่อดินเหนียวและการทำสมาธิเข้าไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง เธอสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถทางจิตและศักยภาพภายในตนเองผ่านกระบวนการปั้นดิน ผลงานเซรามิกแนวร่วมสมัยของเธอจึงไม่ได้เป็นเพียงวัตถุที่สวยงาม แต่ยังสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรมถึงบทสนทนาภายในจิตใจที่เกิดขึ้นตลอดกระบวนการบ่มเพาะผลงาน ซึ่งต้องอาศัยทั้งการทำซ้ำและความอดทนรอคอยระยะเวลาที่เหมาะสม การนำผลงานของคุณอ้อ สุทธิประภา มาจัดแสดงในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนศิลปินไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่แตกต่างและเพิ่มคุณค่าทางสุนทรียะให้กับร้าน Massimo Duttiอีกด้วย
นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อประสบการณ์ช้อปปิ้งเหนือระดับ
Massimo Duttiเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการผสานแฟชั่น การบริการ และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง บนพื้นฐานของนวัตกรรมและการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ แบรนด์ได้ผนวกความเป็นเลิศด้านการให้บริการลูกค้าของพนักงาน เข้ากับเทคโนโลยีการค้าปลีกที่ล้ำสมัยที่สุด ทำให้ Massimo Duttiกลายเป็นแบรนด์ที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ของการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
หนึ่งในความมุ่งมั่นที่สำคัญของ Massimo Duttiคือการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่เสมอ แบรนด์สนับสนุนให้ลูกค้าสามารถรับใบเสร็จในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-receipt) และส่งเสริมการใช้ถุงผ้าหรือถุงที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ของตนเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดขยะจากกระดาษ และเป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญในการมุ่งสู่แฟชั่นที่ยั่งยืนอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ Massimo Duttiยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าอีกหลากหลายด้าน อาทิ:
- Scan & Shop: ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการในแต่ละสาขา หรือค้นหาผ่านทางแอปพลิเคชันของแบรนด์ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดของผลิตภัณฑ์ ก็จะได้รับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และสามารถเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าช้อปปิ้งออนไลน์ได้โดยตรง พร้อมเลือกสถานที่จัดส่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือสาขาที่สะดวกในการรับสินค้า
- Reserve in Store: สำหรับลูกค้าที่ต้องการความมั่นใจว่าจะได้รับสินค้าที่ต้องการอย่างแน่นอน Massimo Duttiมีบริการ “Reserve in Store” ผ่านแอปพลิเคชันของแบรนด์ ลูกค้าสามารถจองสินค้าที่ต้องการและไปรับสินค้าด้วยตนเองจากร้านสาขาที่เลือกได้ภายใน 24 ชั่วโมง บริการนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
- ค้นหาสินค้าข้ามสาขา: พนักงานของ Massimo Duttiในแต่ละสาขา มีเครื่องมือและระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการค้นหาสินค้าที่อาจจะไม่มีวางจำหน่ายในสาขานั้นๆ แต่มีอยู่ในสาขาอื่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ทันที ณ สาขานั้น และเลือกที่จะมารับสินค้าในสาขาที่สะดวก หรือให้จัดส่งตามที่อยู่ที่ต้องการก็ได้เช่นกัน
เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจของ Massimo Duttiที่ต้องการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่น ไร้รอยต่อ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง
Massimo Dutti ในประเทศไทยและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Massimo Duttiก่อตั้งขึ้นในปี 1985 ณ ประเทศสเปน โดยเริ่มต้นจากการเป็นแบรนด์แฟชั่นสำหรับผู้ชาย ก่อนที่จะขยายไลน์สินค้าด้วยการเปิดตัวคอลเลคชันเสื้อผ้าสตรีเป็นครั้งแรกในปี 1995 แบรนด์นำเสนอสินค้าหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่เสื้อผ้าลำลองที่สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเสื้อผ้าหรูหราเหนือกาลเวลาที่เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ ปัจจุบัน Massimo Duttiมีร้านค้ากว่า 600 สาขา ใน 72 เมืองสำคัญทั่วยุโรป อเมริกา และเอเชีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในระดับสากล
Massimo Duttiดำเนินงานภายใต้เครือ Inditex Group ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ที่สุดของโลก มีร้านค้าในเครือมากกว่า 7,000 แห่ง ใน 92 ตลาด ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก นอกจาก Massimo Dutti แล้ว Inditex ยังเป็นเจ้าของและบริหารงานแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ Zara, Pull&Bear, Bershka, Stradivarius, Oysho และ Zara Home
สำหรับในประเทศไทย Al-Futtaim Group Thailand (อัลฟูลเทม กรุ๊ป ประเทศไทย) เป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ภายใต้เครือ Inditex Group ซึ่งดูแลการบริหารงานของแบรนด์ต่างๆ อาทิ Zara, Massimo Dutti, Pull&Bear, Bershka, Oysho และ Zara Home Al-Futtaim เป็นกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีฐานที่มั่นอยู่ในตะวันออกกลาง และมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับแบรนด์ที่มีนวัตกรรมสร้างสรรค์และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ทั้งจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น สวีเดน ฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากธุรกิจแฟชั่นแล้ว Al-Futtaim Group ยังดำเนินธุรกิจที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งยานยนต์ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และการเงิน
การเปิดตัวแฟลกชิพสโตร์โฉมใหม่ของ Massimo Dutti ณ สยามพารากอนในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดแฟชั่นในประเทศไทย และความพร้อมในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเคียงข้างลูกค้าชาวไทยต่อไป
ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์แฟชั่นระดับพรีเมียมและเยี่ยมชมร้าน Massimo Duttiทั้ง 4 สาขาในประเทศไทยได้แล้ววันนี้ ได้แก่ สาขาสยามพารากอน ชั้น 1, สาขาเอ็มควอเทียร์ ชั้น M, สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 2 และสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1
การเผยโฉมแฟลกชิพสโตร์คอนเซปต์ใหม่ของ Massimo Duttiณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า การผสานสุนทรียศาสตร์ในการออกแบบเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย และการสร้างสรรค์พื้นที่ให้เป็นมากกว่าร้านค้าแฟชั่น แต่เป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจและวัฒนธรรม คือสิ่งที่ทำให้ Massimo Dutti ยังคงครองใจกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในสไตล์คลาสสิกที่แฝงไปด้วยความทันสมัยได้อย่างเหนียวแน่น การลงทุนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในตลาดประเทศไทย แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมค้าปลีกแฟชั่น ที่ยังคงมีโอกาสเติบโตได้อีกมากหากสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
#MassimoDutti #MassimoDuttiSiamParagon #NewCollection #Fashion #Style #PremiumFashion #SpanishFashion #InditexGroup #AlFuttaimGroup #SiamParagon #BangkokFashion #ArtinStores #Sutthiprapha #CeramicArt #RetailInnovation #SustainableFashion #ช้อปปิ้ง #แฟชั่น #เสื้อผ้า #สยามพารากอน #แบรนด์สเปน #ศิลปะ #นวัตกรรม #แฟชั่นยั่งยืน