NITMX ประกาศเปิดฉาก “Hack to the Max Season 2” อย่างยิ่งใหญ่ จับมือพันธมิตรธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ExpresSo NB, Techsauce และ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำ ผลักดันคนรุ่นใหม่พลิกโฉมอนาคตการเงินไทยภายใต้ธีม “Building Trusted Payment Ecosystem” เน้นสร้างความน่าเชื่อถือ-ความปลอดภัยในระบบการชำระเงิน พร้อมเปิดรับสมัครนักคิด นักพัฒนาอายุ 18-25 ปี ชิงโอกาสร่วมงาน Singapore Fintech Festival และเงินรางวัลมากมาย
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ผู้ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินกลางของประเทศไทย ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ “Hack to the Max Season 2: Shaping the Next Evolution of Financial Innovation” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ณ Next Tech สยามพารากอน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรากฐานการเงินดิจิทัลให้ทันสมัยและยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) เติบโตอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น
โครงการนี้ NITMX ได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรภาคเอกชนชั้นนำ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ExpresSo NB และ Techsauce รวมถึง 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อร่วมกันสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ (Ecosystem) และต่อยอดนวัตกรรมร่วมกับเยาวชนไทย
นายฉัตรชัย ดุษฎีโหนด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของโครงการในปีนี้ว่า สะท้อนพันธกิจของ NITMX ที่มุ่งสร้างรากฐานการเงินดิจิทัลให้ทันสมัยและยั่งยืน โดยธีมหลักของ Hack to the Max Season 2 คือ “Building Trusted Payment Ecosystem” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) และความปลอดภัยให้ระบบการเงิน อันเป็นผลสืบเนื่องจากความท้าทายด้านความเชื่อมั่นที่อุตสาหกรรมการเงินเผชิญจากปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์
“ปีนี้ผมคิดว่าธีมของเราสอดรับกับการที่เรา lost trust กันไปเยอะ จากกรณีของ Fraud ทำให้เราต้องลองมาคุยกันดีกว่าว่า มันมีไอเดียอะไรที่จะมาทำให้มันเกิดความน่าเชื่อถือ (Credibility) ของระบบกันใหม่” นายฉัตรชัยเน้นย้ำ
เขากล่าวเสริมว่า “โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแข่งขัน แต่คือพื้นที่ปลูกฝังและเชื่อมโยง Tech Talent กับภารกิจระดับประเทศ เป็นเวทีสร้าง Community ของคนที่อยากเปลี่ยนอนาคตการเงินไทยให้ดีขึ้นด้วยพลังของนวัตกรรม เราตั้งใจให้โครงการนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกได้ว่า “เราเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประเทศ” ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษา นักพัฒนาหรือผู้ประกอบการในอนาคตนี่คือจุดเริ่มต้นของการเติบโตไปด้วยกัน”
Hack to the Max Season 2 เปิดรับสมัครผู้สนใจตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน 2568 โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ นักเรียน นักศึกษา เหล่านักพัฒนา นักสร้างสรรค์ และประชาชนทั่วไปที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี และมีความสนใจในเทคโนโลยีด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัล โดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษา โครงการนี้จึงเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะได้แสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีทางการเงินอย่างเต็มที่
สำหรับความท้าทายในปีนี้ แบ่งออกเป็น 2 โจทย์หลักภายใต้ธีม “Building Trusted Payment Ecosystem” ได้แก่:
- Next-gen Payment Solutions for Financial Future: ปฏิวัติอนาคตการชำระเงินไทย เป็นการร่วมออกแบบนวัตกรรมการชำระเงินแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการทำธุรกรรมดิจิทัลไทยให้ก้าวล้ำนำสมัย ท้าทายให้ผู้เข้าแข่งขันพลิกโฉมระบบการเงินแบบเดิมสู่ประสบการณ์การชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
- Secured Payment Solutions: เสริมความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินไทย ผู้เข้าแข่งขันจะต้องนำเสนอนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่จะยกระดับความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไทย ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงประสิทธิภาพสูง กลไกการแจ้งเตือนและตอบโต้ธุรกรรมเสี่ยง หรือแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างองค์กรเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามทางการเงินรูปแบบใหม่

นายฉัตรชัยได้ขยายความถึงความคาดหวังที่มีต่อโครงการว่า “เราไม่ได้คาดหวังแค่ไอเดียเจ๋ง ๆ หรือทีมที่ชนะเลิศเท่านั้น แต่เราคาดหวังว่า Hackathon ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงน้อง ๆ คนเก่งกับภารกิจสำคัญระดับประเทศ เราหวังจะได้เห็นไอเดียที่กล้าท้าทายระบบการเงินเดิม กล้าใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโซลูชันใหม่ ๆ และที่สำคัญที่สุดเราต้องการสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้และการต่อยอดนวัตกรรมที่เติบโตไปพร้อมกับเยาวชนไทย”
จากผู้สมัครทั้งหมด จะมีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 15 ทีมสุดท้ายที่มีแนวคิดโดดเด่น เพื่อเข้าร่วมนำเสนอผลงานในกิจกรรม Pitching Day ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 กันยายน 2568 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับโอกาสทองในการทำงานใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจาก National ITMX และพันธมิตรชั้นนำตลอดโครงการ เพื่อพัฒนาแนวคิดให้เป็นต้นแบบนวัตกรรมที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้งานจริงในอุตสาหกรรมการเงินไทย
สำหรับรางวัลใหญ่ ทีมที่ชนะเลิศสูงสุดจะได้รับโอกาสพิเศษเข้าร่วมงาน Singapore Fintech Festival ระหว่างวันที่ 11–14 พฤศจิกายน 2568 ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมการเงินระดับโลก พร้อมการสนับสนุนค่าเดินทาง ที่พัก และค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ทีมผู้ชนะจากแต่ละโจทย์จำนวน 2 รางวัล จะได้รับเงินรางวัลมูลค่ารางวัลละ 10,000 บาท และทีมที่มีแนวคิดโดดเด่นจากแต่ละโจทย์จำนวน 2 รางวัล จะได้รับเงินรางวัล รางวัลละ 5,000 บาท
การต่อยอดจากความสำเร็จของซีซั่นแรก ซึ่ง NITMX ได้ค้นพบไอเดียสร้างสรรค์และบุคลากรที่มีศักยภาพจำนวนมาก สู่การยกระดับเป็นผู้สร้างคอมมูนิตี้และสะพานเชื่อม Tech Talent เข้าสู่อุตสาหกรรมในภาพรวม คือหัวใจสำคัญของซีซั่นนี้ “สิ่งที่เราเห็นครั้งที่แล้วคือเราเซอร์ไพรส์มากว่าน้อง ๆ เขาไม่รู้ไปเอามาจากไหน คือเขาทราบ เขาสามารถใช้คำศัพท์ที่วงการแบงค์ใช้อยู่ได้ถูกต้อง ซึ่งแปลว่าเขามีความสนใจอยู่แล้วที่จะเดินมาหาเรา” นายฉัตรชัยกล่าวถึงความประทับใจในตัวผู้เข้าแข่งขันซีซั่นก่อน
เขายังคงเน้นย้ำถึงการเปิดกว้างทางความคิด ไม่จำกัดกรอบอยู่เพียงการแก้ปัญหาเดิมๆ “เราเปิดกว้างว่าเราไม่ได้ fix ปัญหาของ ecosystem ที่มีอยู่ แต่น้อง ๆ สามารถไป build โซลูชั่นตัวใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับปัญหาเดิมเลยก็ได้” และกล่าวถึงความสำคัญของ PromptPay ที่เป็นตัวอย่างของการก้าวกระโดดทางนวัตกรรมในอดีต ซึ่งก็ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกในหลายมิติ เช่น การเชื่อมโยงกับ Cross Border Documentation หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมภาษี
“Hack to the Max Season 2 คือ โอกาสที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ เติบโต และได้สร้างสิ่งที่ “ใช้จริง” ในโลกแห่งการเงินดิจิทัล อย่าเพิ่งตัดสินตัวเองจากแค่ความกลัวหรือความไม่มั่นใจ เพราะบางทีไอเดียของเราอาจเป็นจุดเปลี่ยนของระบบทั้งระบบก็ได้ มาสร้างอนาคตของคุณ และของประเทศไทยไปพร้อมกับเรา National ITMX ยินดีต้อนรับทุกคน” นายฉัตรชัยกล่าวสรุป
โครงการนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมการเงินไทย สร้างภูมิคุ้มกันต่อภัยไซเบอร์ และบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ Tech Talent รุ่นใหม่ให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างยั่งยืน
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดโครงการและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://bit.ly/hacktothemax-ss2 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ของโครงการได้ทาง Facebook: National ITMX, LinkedIn: National ITMX, Website: https://www.nitmx-hacktothemax.com และ Email: [email protected]
ทั้งนี้ เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (National ITMX) ถูกจัดตั้งขึ้นจากความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศไทย โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ทั้งระบบการใช้บัตร ระบบไม่ใช้บัตร และการทำธุรกรรมตรงระหว่างบัญชีกับบัญชี ผลงานเด่นๆ ได้แก่ ระบบ PromptPay, บริการ Cross-Border QR Payment ซึ่งเป็นการชำระเงินข้ามประเทศผ่าน Mobile Banking, และระบบ Digital Supplychain Finance (PromptBiz) ที่ช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นผ่านโครงสร้างพื้นฐานใหม่
#NITMX #HacktotheMaxSeason2 #FinancialInnovation #Fintech #ความน่าเชื่อถือ #CyberSecurity #TechTalent #DigitalFinance #สร้างคอมมูนิตี้ฟินเทค #เศรษฐกิจดิจิทัล #นวัตกรรมการเงิน #NITMXHackathon #PromptPay #DigitalWallet #อนาคตการเงินไทย #BuildingTrustedPaymentEcosystem #Krungsri #ExpresSoNB #Techsauce #KMITL #KMUTT #Thammasat #ChulaEngineering #ChulaScience #KasetsartEngineering