ผู้เชี่ยวชาญด้าน PDPA ชี้ กรณีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สั่งลบชื่อ “ผู้ทิ้งงาน” ออกจากเว็บไซต์ อปท. เป็นแนวทางที่เหมาะสม แม้เหตุผลอ้างอิง PDPA อาจยังคลาดเคลื่อน แนะหน่วยงานรัฐทำความเข้าใจ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ควบคู่ PDPA เพื่อความโปร่งใสและคุ้มครองสิทธิประชาชนอย่างสมดุล
ประเด็นร้อนในแวดวงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เมื่อกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ออกหนังสือเวียนขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ลบข้อมูล ผู้ทิ้งงาน ออกจากเว็บไซต์ สร้างคำถามถึงการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร ผู้เชี่ยวชาญ PDPA และซีอีโอ บริษัท ดีบีซี กรุ๊ป จำกัด ให้ทรรศนะเชิงลึก ชี้การดำเนินการดังกล่าวมีความเหมาะสมในยุคดิจิทัล แต่การอ้างอิงกฎหมายอาจยังสับสน แนะหน่วยงานรัฐพิจารณา พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ เป็นหลัก พร้อมเสนอแนวทางสร้างสมดุลระหว่างความโปร่งใสและการคุ้มครองข้อมูล
เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ และนับเป็นเวลา 6 ปีนับตั้งแต่มีการประกาศกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีบีซี กรุ๊ป จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ชี้ให้เห็นว่ายังคงมีบุคคลและหน่วยงานของรัฐจำนวนไม่น้อยที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ประเด็นล่าสุดที่สะท้อนภาพดังกล่าว คือกรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ได้ออกหนังสือเวียนแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการลบรายชื่อผู้ทิ้งงานออกจากเว็บไซต์ของหน่วยงาน โดยอ้างถึงข้อห่วงใยด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ดร.อุดมธิปก ได้ให้ทรรศนะต่อกรณีดังกล่าวผ่านบทความวิเคราะห์ โดยเริ่มต้นจากการอธิบายถึงความหมายและผลกระทบของ “ผู้ทิ้งงาน” ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐว่า โดยทั่วไป “ผู้ทิ้งงาน” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ทำให้ผู้ว่าจ้างได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้ว่าจ้างย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาได้ หากเป็นกรณีของภาคเอกชน การจัดการกับผู้ทิ้งงานก็เป็นเรื่องภายในระหว่างคู่สัญญา แต่เมื่อผู้ว่าจ้างคือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งใช้เงินงบประมาณอันเป็นภาษีของประชาชน การทิ้งงานของผู้รับจ้างจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อประโยชน์สาธารณะและสร้างความเสียหายให้แก่รัฐ
ด้วยเหตุนี้ กรมบัญชีกลาง ในฐานะหน่วยงานกลางที่กำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จึงได้วางระบบและออกหนังสือเวียนเพื่อให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ ได้รับทราบข้อมูลของผู้รับจ้างที่ทิ้งงาน เพื่อป้องกันมิให้ผู้รับจ้างดังกล่าวไปสร้างความเสียหายกับหน่วยงานรัฐอื่นอีก สาเหตุของการทิ้งงานมีหลากหลายปัจจัย อาทิ การเสนอราคาต่ำเกินไปเพื่อให้ได้งานแต่ไม่สามารถดำเนินการได้จริง, การขาดประสบการณ์ทำให้ประเมินงานผิดพลาด, สถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เช่น ต้นทุนวัสดุสูงขึ้นจนไม่คุ้มทุน, หรือปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของผู้รับจ้างเอง
กระบวนการเมื่อเกิดการทิ้งงาน หน่วยงานผู้ว่าจ้างจะต้องแจ้งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อชี้แจงเหตุผลและความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างใหม่หรือการจ่ายเงินเพิ่ม และต้องชี้แจงต่อสำนักงบประมาณด้วย (ตามแนวทางการแจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงานตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109)
ในอดีต การแจ้งเวียนรายชื่อผู้ทิ้งงานจะทำในรูปแบบเอกสาร โดยระบุรายละเอียดของนิติบุคคล ที่อยู่ รวมถึงข้อมูลของกรรมการผู้มีอำนาจ เช่น เลขที่บัตรประชาชน เนื่องจากกรรมการต้องรับผิดชอบแทนนิติบุคคล และเพื่อป้องกันการไปจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขึ้นบัญชีดำ ส่วนกรณีบุคคลธรรมดา ก็จะระบุชื่อ สกุล เลขบัตรประชาชน และที่อยู่เช่นกัน ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบออนไลน์ (https://pdpathailand.info/Irresponsible) เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ทิ้งงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และเมื่อผู้ทิ้งงานพ้นจากสถานะดังกล่าว ก็จะมีการออกหนังสือเวียนเพิกถอนรายชื่อ เพื่อให้สามารถกลับมารับงานจากภาครัฐได้อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันการแจ้งเวียนเหล่านี้ก็ใช้ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ทำให้รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย
ประเด็นร้อน: หนังสือเวียน สถ. กับการลบชื่อผู้ทิ้งงาน
ดร.อุดมธิปก ได้อ้างอิงถึงข่าวจากสื่อมวลชน (เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 4 เมษายน 2568 และโพสต์ของคุณมานะ นิมิตรมงคล วันที่ 20 พฤษภาคม 2568) เกี่ยวกับหนังสือเวียนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยตั้งข้อสังเกตในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้:
ประเด็นแรก: ที่มาของหนังสือเวียน สถ. หนังสือเวียนดังกล่าวมีต้นเรื่องมาจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงาน ซึ่งแจ้งว่ามีผู้ประกอบการร้องขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนเป็นผู้ทิ้งงานออกจากระบบ โดยให้เหตุผลว่าข้อมูลที่ปรากฏ (เช่น เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน) อาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลดังกล่าวยังคงปรากฏบนเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงมีการขอให้ สถ. ดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าว ดร.อุดมธิปกเน้นย้ำว่า “จะเห็นว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานไม่มีการอ้างอิงข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างไร” ในการแจ้งเรื่องมายัง สถ.
ประเด็นที่สอง: การอ้างอิง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ถูกต้องหรือไม่? ดร.อุดมธิปก ตั้งคำถามถึงความถูกต้องในการที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และ อปท. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ อ้างอิง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้ โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 หรือ มาตรา 26” และวรรคสอง มาเป็นเหตุผลหลักในการลบข้อมูล
ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ชี้ว่า ก่อนที่จะพิจารณา PDPA หน่วยงานรัฐควรพิจารณา พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เป็นลำดับแรก เพื่อวินิจฉัยว่าประกาศและหนังสือเวียนเรื่องผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงานนั้น ถือเป็น “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” ที่ต้องเปิดเผยตามมาตรา 7, 9 หรือ 11 หรือไม่ “ส่วนตัวผมคิดว่าประกาศและหนังสือเวียนเรื่องการเป็นผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนการมีรายชื่อเป็นผู้ทิ้งงานนั้นเข้าข่ายเอกสารที่เป็นข้อมูลข่าวสารของราชการจึงสามารถที่จะเปิดเผยได้ตาม มาตรา 9” ดร.อุดมธิปกกล่าว
นอกจากนี้ แม้จะพิจารณาภายใต้ PDPA ก็ตาม มาตรา 24 (4) ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ยังกำหนดข้อยกเว้นให้หน่วยงานรัฐสามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หาก “เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” ซึ่งการประกาศรายชื่อผู้ทิ้งงานเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะและป้องกันความเสียหายต่อรัฐ ย่อมเข้าข่ายข้อยกเว้นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้อำนาจตามข้อยกเว้นนี้จะต้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย มีความจำเป็น พอสมควร และคำนึงถึงผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต
“หน่วยงานรัฐส่วนใหญ่จะสับสนเรื่องการ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562” ดร.อุดมธิปก กล่าวเสริม
ประเด็นที่สาม: ควรเอารายชื่อผู้ทิ้งงานออกจากเว็บไซต์ อปท. หรือไม่? แม้จะเห็นว่าการอ้างเหตุผลด้าน PDPA ของ สถ. อาจยังไม่ชัดเจนนัก แต่ ดร.อุดมธิปก กลับเห็นด้วยกับการ “ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบและลบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงานและการเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงานออกจากเว็บไซต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดยให้เหตุผลสนับสนุนดังนี้:
- ความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็น: ปัจจุบัน หน่วยงานรัฐสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ทิ้งงานได้จากระบบกลางของกรมบัญชีกลาง (https://pdpathailand.info/Irresponsible) อยู่แล้ว การที่แต่ละ อปท. จะประกาศรายชื่อซ้ำบนเว็บไซต์ของตนเองจึงอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
- ประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างมีน้อย: การที่ อปท. แต่ละแห่ง โพสต์รายชื่อผู้ทิ้งงานและผู้ถูกเพิกถอนบนเว็บไซต์ของตนเอง อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะในวงกว้างเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับการมีฐานข้อมูลกลางที่เชื่อถือได้
- ความโปร่งใสและการเข้าถึงข้อมูล: หากต้องการให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของ อปท. เพื่อความโปร่งใส หน่วยงานสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยอาจจำกัดการแสดงข้อมูลบางส่วน เช่น กรณีนิติบุคคล อาจเปิดเผยเพียงชื่อนิติบุคคลและรายชื่อกรรมการผู้มีอำนาจ ส่วนกรณีบุคคลธรรมดา อาจเปิดเผยเพียงชื่อ-สกุลเท่านั้น
- ความคงอยู่ของข้อมูลบนโลกออนไลน์ (Data Persistence): “ประเด็นที่สำคัญหากตัดสินใจดำเนินการตามข้อ 4 (การเปิดเผยข้อมูลบางส่วนบนเว็บไซต์) สิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องตระหนักคือ ข้อมูลบนเว็บไซต์ หากไม่มีการลบ จะอยู่บนเว็บไซต์ตลอดไป และแม้ว่าลบแล้ว อาจจะสามารถค้นหาพบได้บนระบบสืบค้นข้อความหรือเว็บไซต์ออนไลน์ และในอนาคตอาจจะสืบค้นได้จาก ระบบของ AI” ดร.อุดมธิปกเตือนถึงผลกระทบระยะยาวของการเผยแพร่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
- ช่องทางการเข้าถึงข้อมูลอื่น: แม้จะไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ทิ้งงานบนเว็บไซต์ ประชาชนยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 9 โดยติดต่อขอข้อมูลโดยตรง ณ ที่ทำการของหน่วยงานนั้นๆ
สรุปและข้อเสนอแนะ
ดร.อุดมธิปก ไพรเกษตร สรุปว่า การที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือเวียนให้ อปท. ลบรายชื่อผู้ทิ้งงานออกจากเว็บไซต์นั้น โดยภาพรวมถือเป็นแนวทางที่ “ชอบแล้วด้วยเหตุผล” ในเชิงปฏิบัติและสอดคล้องกับการบริหารจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีระบบฐานข้อมูลกลางของกรมบัญชีกลางที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่หน่วยงานรัฐควรตระหนักคือการทำความเข้าใจและการอ้างอิงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการฯ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เพื่อให้การปฏิบัติงานของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และในขณะเดียวกันก็เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนอย่างแท้จริง
การสร้างสมดุลระหว่างการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
#PDPA #พรบคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล #ผู้ทิ้งงาน #จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ #กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น #อปท #กรมบัญชีกลาง #พรบข้อมูลข่าวสารราชการ #OIA #คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล #ธรรมาภิบาลข้อมูล #DataGovernance #DBCGroup #อุดมธิปกไพรเกษตร