พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ทุ่ม 6,500 ล้าน ปั้นนิคมฯ บางปะกง

พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ทุ่ม 6,500 ล้าน ปั้นนิคมฯ บางปะกง

พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ กางแผนปี 2568 “2025 Transformative Growth Mission” ทุ่มงบลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท ผุดนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ 1,000 ไร่ ในเขต EEC ต่อยอดความสำเร็จโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนที่ปัจจุบันมี 9 โครงการ พร้อมเตรียมขายทรัพย์สินเข้ากอง PROSPECT REIT มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งด้านรายได้ประจำ ย้ำบทบาทเรือธงสำคัญขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เครือมั่นคงเคหะการ หลังโชว์ผลงานปี 2567 มีรายได้รวม 898 ล้านบาท และกำไร (GP) คิดเป็น 54% ของกลุ่ม MK

บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) ในเครือบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาและบริหารโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (Bangkok Free Trade Zone: BFTZ) ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 15 ปี ประกาศเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญภายใต้ชื่อ ‘2025 Transformative Growth Mission…พันธกิจพลิกเกมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนระยะยาว’ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนความมุ่งมั่นในการนำพาอาณาจักร ‘มั่นคงเคหะการ’ ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น” มากว่า 60 ปี ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยทุ่มงบลงทุนมหาศาลกว่า 6,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (BPk) บนที่ดินขนาดใหญ่รวม 1,000 ไร่ ในทำเลทองเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (Recurring Income) และเสริมความแข็งแกร่งของรายได้ทั้งในส่วนของการเช่าพื้นที่และการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการสร้างรายได้แบบ “Dual Engine” นอกจากนี้ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ยังมีแผนที่จะขายทรัพย์สินเข้าสู่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT REIT) มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

การปรับทัพครั้งนี้เป็นการตอกย้ำบทบาทของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ในฐานะกลไกหลักในการสร้างรายได้ประจำให้กับกลุ่มมั่นคงเคหะการ ภายหลังการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดย MK ได้วางทิศทางการดำเนินงานใหม่ที่มุ่งเน้นธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Property) เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งเห็นได้จากผลประกอบการในปี 2567 ที่พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นถึง 47% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม และสร้างสัดส่วนกำไรขั้นต้น (GP) สูงถึง 54% ของกลุ่ม MK สอดรับกับทิศทางการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเช่าและบริการของกลุ่ม MK ที่เติบโตจาก 20% ในปี 2565 เป็น 35% ในปี 2567

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำคัญของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ว่า “พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ คือ เรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ประจำของกลุ่ม MK โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยแนวราบเผชิญความท้าทาย การปรับโครงสร้างบริษัทจึงเป็นการวางรากฐานใหม่ เพื่อให้กลุ่ม MK สามารถเติบโตมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่สามารถต่อยอดศักยภาพท่ามกลางการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

พรอสเพค

ผลงานของ PD พิสูจน์ให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นเสาหลักที่สร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการครองความเป็นผู้นำธุรกิจคลังสินค้า-โรงงานให้เช่า พื้นที่ Free Zone ของไทย และล่าสุดกับการขยายสู่ธุรกิจใหม่นิคมอุตสาหกรรม” หลังจากที่ FNS เข้าลงทุนใน MK เมื่อปี 2558 และได้ปักธง Mission แรกในการสร้าง New S-Curve ด้วยการเสริมธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าผ่านโครงการ Bangkok Free Trade Zone เพื่อสร้าง Recurring Income และจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง โดยเน้นพื้นที่ Free Zone

การขยายปีกสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเพียงแค่การพัฒนาพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมเพื่อให้เช่าเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการพัฒนาพื้นที่เชิงอุตสาหกรรมในหลากหลายรูปแบบ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งปัจจุบันมีถึง 9 โครงการ พัฒนาแล้ว 7 โครงการ และมีพื้นที่เช่ารวมที่พัฒนาแล้วเสร็จทะลุ 1 ล้านตารางเมตรตามเป้าหมายในปี 2568 และได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมชั้นนำกว่า 170 ราย มาอย่างต่อเนื่อง การยกระดับสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมจึงเป็นการตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ เปิดเผยถึงก้าวสำคัญนี้ว่า “การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง นับเป็นก้าวสำคัญของ PD ในการต่อยอดศักยภาพ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจและการลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่กำลังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก เราจะดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่มหลัก เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร, อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมเบา (อัญมณี, เวชภัณฑ์, รองเท้า, กีฬา), เครื่องจักรกล โลหะและวัสดุ, ระบบอัตโนมัติ, เคมีภัณฑ์ พลาสติก กระดาษ และการบริการและสาธารณูปโภค รวมถึงอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่าง ดาต้า เซ็นเตอร์, เทคโนโลยีคลาวด์”

สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง (BPk) ซึ่งพัฒนาโดย บริษัท บางปะกงอินดัสเทรียล เอสเตท จำกัด (กิจการร่วมค้ารของ PD) ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี บนทำเลรอยต่อระหว่างชลบุรีและฉะเชิงเทรา และใกล้กับโครงการ BFTZ 4 บางปะกง จะได้รับการพัฒนาในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Estate) ซึ่งไม่เพียงแต่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมุ่งสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

ออกแบบพื้นที่ให้ยั่งยืนด้วยระบบน้ำ พลังงาน และพื้นที่สีเขียว ควบคู่ไปกับการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและบริการครบวงจร พร้อมดูแลความปลอดภัยและผลกระทบต่อชุมชน ปัจจุบัน โครงการนี้ได้รับการอนุมัติในหลักการจาก กนอ. ให้จัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในช่วงปี 2569-2570 และสามารถเปิดดำเนินการได้ประมาณปี 2570 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินในนิคมฯ ปีแรกไว้ที่ประมาณ 680 ไร่

นางสาวรัชนี กล่าวเสริมถึงภาพรวมการลงทุนและศักยภาพของพื้นที่ว่า “ปี 2567 ภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดถึง 573,066 ล้านบาท และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติกว่า 24,234 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของเงินลงทุนทั้งหมด สำหรับพื้นที่ของเราที่โครงการ BFTZ 4 บางปะกง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ มีพื้นที่พัฒนาแล้วเสร็จ 110,000 ตร.ม. และมีผู้เช่าเต็ม 100% แม้พื้นที่บางส่วนยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา นั่นแสดงให้เห็นถึงดีมานด์ที่ชัดเจนในโลเคชันยุทธศาสตร์นี้ โดยผู้เช่าส่วนใหญ่เป็น Supplier ที่ย้ายฐานการผลิตมาอยู่ใกล้กัน (Clustering Effect) แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความไม่แน่นอนจากสงครามทางการค้า (Trade War) ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่มองการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป

โดยไทยยังมีความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งในด้านระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม ระบบโลจิสติกส์ การมีสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน (BOI/Free Zone) แรงงานมีศักยภาพ และการเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเป็นทำเลกระจายความเสี่ยงจากจีนได้ดี (China+1) อย่างไรก็ตาม การมองหาโอกาสใหม่ จาก FTA และการวางนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อได้” จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้เช่า พบว่าส่วนใหญ่เป็นอาคารโรงงานที่ลงทุนกับเครื่องจักร การย้ายฐานการผลิตมีต้นทุนสูงและต้องใช้เวลา และปัจจุบันยังไม่พบสัญญาณการถอนตัวหรือย้ายออก

สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ มีรายได้รวมอยู่ที่ 898 ล้านบาท และมีกำไร EBITDA 579 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการเช่าและบริการ 485 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้จากการเช่ามีการเติบโตสูงถึง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่ดีนี้ บริษัทฯ จึงเร่งพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่อยู่ในแผนงาน (Pipeline) ให้แล้วเสร็จ ซึ่งรวมถึงโครงการ BFTZ 4 บางปะกง ที่สร้างเสร็จแล้ว 110,000 ตร.ม. และกำลังพัฒนาเพิ่มเติมอีก 80,000 ตร.ม. และโครงการ BFTZ 6 ถนนบางนา-ตราด กม.19 ที่สร้างเสร็จแล้ว 50,000 ตร.ม. และกำลังพัฒนาเพิ่มเติมอีก 30,000 ตร.ม.

โดยตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2568 ที่จะรักษาอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เฉลี่ยของทุกโครงการให้สูงกว่า 90% (ณ สิ้นปี 2567 มีอัตราการเช่าเฉลี่ยรวม 93% และรักษา Renewal Rate สูงกว่า 90% ) และสามารถเซ็นสัญญาผู้เช่าใหม่ได้อีกกว่า 200,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ โครงการ BFTZ มีความหลากหลายของประเภทพื้นที่ โดยเป็นโรงงาน 88% คลังสินค้า 8% และบริการอื่นๆ 4% และแบ่งเป็นเขต Free Zone 68% และ General Zone 32% มีการกระจายตัวของผู้เช่าที่ดี ไม่เกิน 20% ต่ออุตสาหกรรม โดยมีสัดส่วนผู้เช่าหลักมาจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม 18% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 17% และเครื่องจักร/อุปกรณ์ทางการแพทย์ 7% โดยมีสัญชาติผู้เช่าหลักคือ จีน ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย และไต้หวัน นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงการ BFTZ 8 เทพารักษ์ (งบประมาณ 450 ล้านบาท) และ BFTZ 9 วังน้อย (งบประมาณ 500-600 ล้านบาท)

นอกจากการพัฒนาโครงการใหม่แล้ว พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก (Sponsor) และผู้บริหารทรัพย์สินของกองทรัสต์ PROSPECT REIT ยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านรายได้ด้วยการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 (2nd Capital Increase) ในทรัพย์สินบางส่วนจาก PD มูลค่ารวมไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายหน่วยทรัสต์ไม่เกิน 310 ล้านหน่วย และอาจมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินไม่เกิน 1,450 ล้านบาท โดยพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 221,678 ตารางเมตร

นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนของกองทรัสต์ว่า “PROSPECT REIT เตรียมเพิ่มทุนครั้งที่ 2 และเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินจาก PD มูลค่าไม่เกิน 3,350 ล้านบาท กำหนดการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหน่วยเดิมและนักลงทุนใหม่ระหว่างวันที่ 19 – 23 พ.ค. 2568 ในราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 7.20 บาทต่อหน่วย ขณะเดียวกัน ทางผู้จัดการกองทรัสต์กำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการอื่น ๆ อีกหลายโครงการที่พัฒนาโดย PD เช่น โครงการ BFTZ ที่มีพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 500,000 ตร.ม.

ซึ่งจุดแข็งด้านคุณภาพทรัพย์สินตลอดจนความเชี่ยวชาญของ Sponsor หลัก สนับสนุนให้อัตราการต่อสัญญา และอัตราการเช่าโครงการอยู่ในระดับที่สูงมาโดยตลอด โดย PROSPECT REIT ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 มีอัตราการเช่าเฉลี่ยมากกว่า 92% อย่างต่อเนื่อง หลังจากการเพิ่มทุนในปี 2568 นี้ คาดว่าพื้นที่เช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 514,010 ตร.ม. และมูลค่าทรัพย์สินรวม (TAV) จะอยู่ที่ประมาณ 8,700 ล้านบาท PROSPECT REIT ยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ กระจายความเสี่ยง และรัดกุมในทุกด้าน พร้อมส่งต่อผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วย คาดว่าจะขยายมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2569”

แผนการดำเนินงานทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความพร้อมของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ในการก้าวขึ้นเป็น ‘เรือธง’ ที่แข็งแกร่งของเครือมั่นคงเคหะการ และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) ดำเนินธุรกิจพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า และบริหารจัดการทรัพย์สินภายใต้โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (Bangkok Free Trade Zone : BFTZ) มากว่า 15 ปี พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ทั้งแบบสำเร็จรูปและสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) โดยมุ่งมั่นส่งมอบคลังสินค้าและโรงงานคุณภาพสูงให้แก่ผู้เช่า บนทำเลยุทธศาสตร์ พร้อมด้วยสาธารณูปโภคที่จำเป็นอย่างครบครัน

ประกอบด้วยโครงการต่างๆ เช่น BFTZ 1 ถนนบางนา-ตราด กม. 23 (พื้นที่เช่า 500,000 ตร.ม.), BFTZ 2 ถนนเทพารักษ์ (พื้นที่เช่า 30,000 ตร.ม.), BFTZ 3 ถนนบางนา-ตราด กม. 19 (พื้นที่เช่า 110,000 ตร.ม.), BFTZ 4 บางปะกง (พื้นที่เช่า 200,000 ตร.ม.), BFTZ 5 วังน้อย (พื้นที่เช่า 130,000 ตร.ม.), BFTZ 6 ถนนบางนา-ตราด กม. 19 (พื้นที่เช่า 81,000 ตร.ม.), BFTZ 7 ถนนบางนา-ตราด กม. 10 (พื้นที่เช่า 36,000 ตร.ม.), BFTZ 8 ถนนเทพารักษ์ (พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.) และ BFTZ 9 วังน้อย (พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.) สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.prospectd.com หรือ https://www.facebook.com/prospectd

#พรอสเพคดีเวลลอปเมนท์ #มั่นคงเคหะการ #นิคมอุตสาหกรรม #EEC #BFTZ #PROSPECTREIT #อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #บางปะกง #คลองตำหรุ #ชลบุรี #นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ #TransformativeGrowth

Related Posts