“พรอสเพค รีท” (PROSPECT REIT) ประกาศความพร้อมครั้งสำคัญ เปิดให้นักลงทุนทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและประชาชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าของหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม ระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม 2568 นี้ กำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 7.2 บาทต่อหน่วย หวังระดมทุนไม่เกิน 3,350 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการลงทุนครั้งที่ 3 ในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูปคุณภาพสูง บนทำเลศักยภาพโซนบางนา-ตราด และเทพารักษ์ รวม 3 โครงการหลัก มั่นใจดันประมาณการผลตอบแทนปีแรกให้ผู้ถือหน่วยเพิ่มขึ้นเป็น 0.87 บาทต่อหน่วย ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง อวดอัตราการเช่าพื้นที่ทรัพย์สินเฉลี่ยสูงกว่า 96% ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ
กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์ชั้นนำที่มุ่งลงทุนในทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์คุณภาพสูง กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการสร้างรายได้และผลตอบแทนที่เติบโตอย่างยั่งยืนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ทุกท่าน การระดมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินใหม่ที่มีคุณภาพโดดเด่นถึง 3 โครงการหลัก ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ
นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ PROSPECT REIT เปิดเผยถึงรายละเอียดของการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ว่า “PROSPECT REIT มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ การลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 นี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเราในการขยายพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพ โดยเราได้คัดเลือกทรัพย์สินใหม่ที่มีศักยภาพสูงเข้ามาเสริมทัพ ประกอบด้วย โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 (BFTZ 1) บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.23 ซึ่งจะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและสิทธิการเช่าอาคาร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 158,315 ตารางเมตร โครงการที่สองคือ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 (BFTZ 2) ถนนเทพารักษ์ โดยจะลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดินเป็นระยะเวลาไม่เกิน 26 ปี และลงทุนในกรรมสิทธิ์อาคาร มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 12,481 ตารางเมตร และโครงการสุดท้ายคือ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 (BFTZ 3) ถนนบางนา-ตราด กม.9 ซึ่งเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารของโครงการทั้งหมด มีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 50,882 ตารางเมตร”
จุดเด่นสำคัญของทรัพย์สินใหม่ทั้ง 3 โครงการนี้ คือ ทำเลที่ตั้งซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 ที่มีพื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าอย่างเต็มที่ เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ นอกจากนี้ การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในฐานะสปอนเซอร์หลักของกองทรัสต์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนมายาวนานกว่า 15 ปี สร้างความเชื่อมั่นในด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับสถานะล่าสุดของทรัพย์สินใหม่ทั้ง 3 โครงการ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 พบว่ามีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 มีอัตราการเช่าพื้นที่ 96.9% โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 มีอัตราการเช่าพื้นที่ 96.9% และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 100.0% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเช่าพื้นที่ในทำเลดังกล่าวและความน่าสนใจของตัวทรัพย์สินเป็นอย่างดี
“ภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนในปีแรกของ PROSPECT REIT เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 0.72 บาทต่อหน่วย เป็น 0.87 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์ทุกท่าน นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวยังจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ของกองทรัสต์ฯ จากปัจจุบันที่ 29.2% ของมูลค่าประเมินทรัพย์สินรวม เป็น 31.4% ซึ่งจะส่งผลให้กระแสรายได้ของกองทรัสต์ฯ มีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในระยะยาว” นางสาวอรอนงค์ กล่าวเสริม
ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินปัจจุบันที่ PROSPECT REIT ลงทุนอยู่แล้วจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1, โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2, โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 และโครงการ X44 ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในย่านบางนา-ตราด และเทพารักษ์ มีทั้งในรูปแบบของกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้า โรงงานสำเร็จรูป และอาคารแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-suit) โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 292,332 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 294 ไร่ ทำเลที่ตั้งเหล่านี้ถือเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศไทย สามารถเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง และทางด่วนสายหลักได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2568 ของ PROSPECT REIT ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจมีความผันผวน โดยกองทรัสต์ฯ มีรายได้รวม 143 ล้านบาท และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 76 ล้านบาท สิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราการเช่าพื้นที่ทรัพย์สินเฉลี่ยยังคงสูงถึง 96% และมีอัตราการต่อสัญญาเช่าสูงถึง 100% ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของทรัพย์สินที่กองทรัสต์ฯ ลงทุน รวมถึงความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูปคุณภาพสูงที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนประเด็นเรื่องที่สหรัฐอเมริกาประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรกับหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยนั้น นางสาวอรอนงค์ ให้ความเห็นว่า “ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เราได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจากการประเมินในปัจจุบัน PROSPECT REIT ยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากผู้เช่าพื้นที่ของกองทรัสต์ฯ ที่มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักนั้น มีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับพื้นที่เช่าทั้งหมดของกองทรัสต์ฯ ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงดำเนินกิจการได้ตามปกติ และยังไม่มีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น เนื่องจากหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีในครั้งนี้เช่นกัน ประกอบกับการย้ายฐานการผลิตนั้นมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ผู้เช่าส่วนใหญ่ได้ประเมินว่ามาตรการภาษีครั้งนี้อาจส่งผลกระทบในระยะสั้น จึงได้มีการปรับตัวด้วยการมองหาตลาดส่งออกอื่นๆ ทดแทน เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น”
ด้านนายคมกฤต รักษากุลเกียรติ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเสริมว่า “PROSPECT REITถือเป็นกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและสามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ฯ ขึ้นเมื่อปี 2563 การลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ของ PROSPECT REITในครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์ใหม่จำนวนไม่เกิน 310 ล้านหน่วย ควบคู่ไปกับการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในวงเงินไม่เกิน 1,450 ล้านบาท ขณะนี้เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Record Date) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และนักลงทุนประชาชนทั่วไป สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมได้พร้อมกันระหว่างวันที่ 19 – 23 พฤษภาคม 2568 นี้ ในราคาเสนอขายสุดท้ายที่หน่วยละ 7.2 บาท”
สำหรับการจัดสรรสิทธิในการจองซื้อนั้น กำหนดอัตราส่วนการใช้สิทธิอยู่ที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.6648 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่ได้รับสิทธิ สามารถดำเนินการจองซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://www.tiscosec.com หรือติดต่อด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในครั้งนี้ ส่วนนักลงทุนทั่วไปที่สนใจ สามารถติดต่อจองซื้อได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ทั้งนี้ คาดว่าหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมของ PROSPECT REITจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยทรัสต์ และเพิ่มความน่าสนใจให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันมากยิ่งขึ้น
การเพิ่มทุนในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ด้วยจุดเด่นของทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการโดยทีมงานมืออาชีพ และแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศไทย PROSPECT REITจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม
*** การลงทุนในหลักทรัพย์และหน่วยทรัสต์มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง ***
#PROSPECTREIT #ทรัสต์อุตสาหกรรม #ลงทุนอสังหา #กองรีท #บางกอกฟรีเทรดโซน #BFTZ #บางนาตราด #เทพารักษ์ #คลังสินค้าให้เช่า #โรงงานสำเร็จรูป #ผลตอบแทนมั่นคง #ลงทุนระยะยาว #ข่าวเศรษฐกิจ