สหฟาร์ม ผู้นำอุตสาหกรรมไก่ไทย ประกาศศักดาในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ตั้งเป้าการเติบโตระดับสองหลักในปี 2568 ท่ามกลางโอกาสทองของ “ไก่ไทย” ในตลาดโลก เปิดตัวแคมเปญ “Halal With Heart – ฮาลาลด้วยหัวใจ” ตอกย้ำมาตรฐานที่เหนือกว่าใบรับรอง พร้อมเดินหน้าโครงการ GO Green ลดคาร์บอน 30,000 ตันต่อปี มุ่งสู่ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (Saha Farms) หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของอุตสาหกรรมไก่ไทยและผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้งในเวทีแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับภูมิภาคเอเชีย THAIFEX – ANUGA ASIA 2025: Beyond Food Experience ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568 ณ บูธ 2-U29 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี การเข้าร่วมงานครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการแสดงศักยภาพผลิตภัณฑ์ไก่สด ไก่แปรรูป และปลาดุกคุณภาพระดับโลกที่บริษัทภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นการตอกย้ำความพร้อมขององค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระดับ “สองหลัก” (Double-digit growth) ภายในปี 2568 ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มตลาดโลกที่เอื้ออำนวยและความแข็งแกร่งด้านการผลิตที่บริษัทได้สั่งสมมาอย่างยาวนาน
“ไก่ไทย” ผงาดในตลาดโลก สหฟาร์มคว้าโอกาสทองจากความเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันได้เปิดประตูแห่งโอกาสครั้งสำคัญให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเนื้อไก่ ดร.จารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายการตลาดต่างประเทศ บัญชี และการเงิน บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ได้ให้ทัศนะต่อประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยชี้ว่า การที่ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ของโลก กำลังประสบปัญหาด้านการส่งออก ได้ส่งผลให้เกิดช่องว่างในตลาด และเป็นปัจจัยบวกโดยตรงที่ทำให้ความต้องการสินค้า “ไก่ไทย” โดยรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้สหฟาร์มสามารถปิดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ได้รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้รายได้ของบริษัทมีการเติบโตที่ชัดเจน” ดร.จารุวรรณ กล่าว “เราพร้อมที่จะเดินหน้าขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันเรายังไม่มีความเสี่ยงจากประเด็นเรื่องภาษีส่งออก แต่บริษัทฯ ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกได้”
ความได้เปรียบของไก่ไทยไม่ได้อยู่เพียงแค่สถานการณ์ภายนอกที่เอื้ออำนวย แต่ยังรวมถึงคุณภาพมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งในด้านรสชาติ ความปลอดภัย และกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งสหฟาร์มเองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้มาโดยตลอด การคว้าโอกาสทองในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มยอดขาย แต่ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นใน “ไก่ไทย” ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะยาว
เปิดตัวแคมเปญ “Halal With Heart – ฮาลาลด้วยหัวใจ” ตอกย้ำมาตรฐานที่มากกว่า “ใบรับรอง”
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่สหฟาร์มนำมาเปิดตัวและเน้นย้ำเป็นพิเศษภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 คือแคมเปญใหม่ล่าสุด “Halal With Heart – ฮาลาลด้วยหัวใจ” แคมเปญนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้ที่มา แต่เป็นผลพวงและแรงบันดาลใจสำคัญหลังจากที่สหฟาร์มประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ Prime Minister’s Export Award 2024 ในสาขา Best Halal ซึ่งถือเป็นเครื่องการันตีถึงความเป็นเลิศในกระบวนการผลิตสินค้าฮาลาล
ดร.จารุวรรณ ขยายความถึงแนวคิดหลักของแคมเปญนี้ว่า “เราต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศว่า ‘ฮาลาล’ ของสหฟาร์มนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน หรือการได้รับใบรับรองต่างๆ เท่านั้น แต่หัวใจสำคัญของมันคือระบบการผลิตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักศรัทธา ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคชาวมุสลิมอย่างแท้จริง”
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของสหฟาร์มเป็นไปตามหลักการฮาลาลอย่างเคร่งครัด บริษัทจึงได้จัดให้มีทีมงานชาวมุสลิมผู้มีความรู้ความเข้าใจในหลักศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี คอยดูแลและควบคุมทุกขั้นตอนการผลิตอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การเชือด กระบวนการแปรรูป ไปจนถึงการบรรจุและขนส่ง เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค
“เราต้องการให้ทุกคำที่ผู้บริโภครับประทานผลิตภัณฑ์ของสหฟาร์ม คือความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งในด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยของอาหารตามมาตรฐานสากล และที่สำคัญที่สุดคือความเคารพในหลักศาสนาและความถูกต้องตามบัญญัติอิสลาม” ดร.จารุวรรณ กล่าวเสริม แคมเปญ “Halal With Heart” จึงเป็นการยกระดับมาตรฐานฮาลาลของสหฟาร์มไปอีกขั้น จากเพียงสัญลักษณ์แห่งการอนุญาต สู่สัญลักษณ์แห่งความใส่ใจ ความศรัทธา และความรับผิดชอบที่ส่งตรงถึงหัวใจผู้บริโภค
สหฟาร์มก้าวสู่อนาคตสีเขียว เปิดตัวโครงการ “GO Green” ลดคาร์บอน 30,000 ตันต่อปี
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์และการตอบสนองความต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างตลาดฮาลาลแล้ว สหฟาร์มยังแสดงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญขององค์กรธุรกิจทั่วโลกในปัจจุบัน ภายในงาน THAIFEX ปีนี้ สหฟาร์มได้เปิดตัวโครงการ “GO Green” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดำเนินงานตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่บริษัทได้วางกรอบไว้อย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา สหฟาร์มได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ครบวงจร ในการดำเนินโครงการด้านพลังงานสะอาดรวมทั้งสิ้น 10 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) โครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) และโครงการโซลาร์ลอยน้ำ (Solar Floating) นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งและเตรียมความพร้อม ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน
“เมื่อโครงการพลังงานสะอาดทั้งหมดที่ได้วางแผนและดำเนินการร่วมกับ WHA Group แล้วเสร็จสมบูรณ์ คาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) ขององค์กรได้สูงถึงประมาณ 30,000 ตันต่อปี” ดร.จารุวรรณ เปิดเผยถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้การผลิตของเราเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นในระยะยาว ขณะนี้เรายังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินในโรงงานบางส่วน มาเป็นการใช้พลังงานชีวมวล (Biomass) ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนอีกประเภทหนึ่งที่มีศักยภาพ”
การลงทุนในโครงการ GO Green และการพิจารณาใช้พลังงานชีวมวล แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของสหฟาร์มที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
THAIFEX 2025: ก้าวสำคัญ ต่อยอดความสำเร็จ สู่เวทีการค้าโลก
การเข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ในปีนี้ นับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่สหฟาร์มกลับมาแสดงศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ การปรากฏตัวในงานเมื่อปี 2567 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย มีผู้เข้าเยี่ยมชมบูธของสหฟาร์มเป็นจำนวนมาก ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ และที่สำคัญคือได้นำไปสู่การเจรจาทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงกับพันธมิตรจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก สร้างเครือข่ายทางธุรกิจและเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ
ดร.จารุวรรณ โชติเทวัญ กล่าวทิ้งท้ายถึงความคาดหวังและเป้าหมายในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ว่า “สำหรับปีนี้ เรามุ่งมั่นที่จะต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เป้าหมายหลักคือการสานสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทางธุรกิจเดิมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการแสวงหาและขยายเครือข่ายพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า และที่สำคัญที่สุดคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นไก่สด ไก่แปรรูปหลากหลายชนิด หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ปลาดุกคุณภาพส่งออกที่เรามีความเชี่ยวชาญ สู่สายตาชาวโลกให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับในวงกว้างยิ่งขึ้น THAIFEX คือเวทีสำคัญที่เราจะได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสหฟาร์มและอุตสาหกรรมอาหารของไทย”
การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของสหฟาร์มในเวที THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 พร้อมด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนทั้งในด้านการตลาด การสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานฮาลาล และการมุ่งสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความพร้อมของบริษัทในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ไม่เพียงแต่ในตลาดประเทศไทย แต่ยังรวมถึงการขยายอิทธิพลในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
#สหฟาร์ม #SahaFarms #THAIFEXAnugaAsia2025 #THAIFEX2025 #ไก่ไทย #ส่งออกไก่ #อาหารฮาลาล #HalalWithHeart #ธุรกิจยั่งยืน #ESG #GOGreen #เศรษฐกิจไทย #อุตสาหกรรมอาหาร #ไก่แปรรูป #ปลาดุกส่งออก #พลังงานสะอาด