SAMART ประกาศผลงาน Q1/2568 รายได้โต กำไรพุ่ง สวนกระแสเศรษฐกิจ

SAMART ประกาศผลงาน Q1/2568 รายได้โต กำไรพุ่ง สวนกระแสเศรษฐกิจ

กลุ่มบริษัทสามารถ (SAMART) โชว์ผลงานไตรมาสแรกปี 2568 เติบโตแข็งแกร่ง กวาดรายได้รวม 2,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% กำไรจากการดำเนินธุรกิจ 185 ล้านบาท ทะยาน 237% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทุกสายธุรกิจในเครือมีทิศทางบวก ผู้บริหารมั่นใจสร้างผลงานตามเป้าหมายปี 2568 แม้ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากคดีความ ย้ำเดินหน้าลงทุนธุรกิจศักยภาพ พร้อมปรับองค์กรรับมือความท้าทายใหม่

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – กลุ่มบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2568 สร้างความโดดเด่นด้วยตัวเลขรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,897 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจรวม 185 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 130 ล้านบาท หรือคิดเป็น 237% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่องของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ นับเป็นการเริ่มต้นปี 2568 ได้อย่างสวยงาม

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “รายได้รวมของกลุ่มสามารถในไตรมาส 1 ปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” แม้ว่าในไตรมาสนี้ บริษัทจะต้องรับรู้ผลขาดทุนจากประมาณการทางบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีข้อพิพาทสัญญาจ้างบริหารจัดการขยะในพื้นที่บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา โดยเมื่อคำนวณตามสัดส่วนงานตามสัญญา บริษัทต้องร่วมรับผิดชำระค่าปรับและค่าเสียหายสุทธิ 4 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย (หลังหักเงินค่าบริการที่ยังไม่ได้รับชำระและเงินตามภาระหนังสือค้ำประกันที่ชำระไปแล้ว) ทำให้บริษัทมีการรับรู้ผลขาดทุนจากประมาณการทางบัญชีรวม 129 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินธุรกิจปรับลดลงเหลือ 56 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์

นายวัฒน์ชัยยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า “ถึงแม้เราจะต้องรับรู้ผลขาดทุนจากประมาณการทางบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกับคดีความ แต่กลุ่มสามารถจะยังคงสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2568 อย่างแน่นอน เพราะจากผลงานของทุกสายธุรกิจมีโครงการที่ช่วยส่งเสริมให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น” ความมั่นใจนี้ได้รับการสนับสนุนจากการที่กลุ่มบริษัทสามารถมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่เฉพาะในไตรมาสแรกไปแล้วกว่า 1,360 ล้านบาท นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ทริสเรทติ้ง (TRIS Rating) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ SAMART และ SAMTEL จาก BBB (Positive Outlook) เป็น BBB+ (Stable Outlook) ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของบริษัท

เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในแต่ละสายธุรกิจ พบว่าทุกกลุ่มธุรกิจหลักมีการเติบโตที่น่าพอใจ:

สายธุรกิจ Digital ICT Solution บริหารงานโดย บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL สร้างรายได้รวม 1,339 ล้านบาท และมีกำไร 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 240% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการเซ็นสัญญาและชนะงานโครงการใหม่ในไตรมาสแรกของปีรวมกว่า 4,000 ล้านบาท จากเป้าหมายมูลค่างานที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาในปีนี้รวม 9,500 ล้านบาท โครงการสำคัญที่ได้ดำเนินการ อาทิ โครงการกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งผลให้ปัจจุบัน SAMTEL มีมูลค่างานในมือรอการรับรู้ (Backlog) ประมาณ 7,900 ล้านบาท

สายธุรกิจ Digital Communications ดำเนินการโดย บริษัท สามารถดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC มีรายได้รวม 141 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 18 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน การเติบโตนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจ Digital Trunked Radio ซึ่งมีการส่งมอบอุปกรณ์วิทยุสื่อสารให้แก่องค์กรผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทยอยรับรู้รายได้ประจำจากค่าบริการ Air Time เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้ใช้งานระบบ DTRS (Digital Trunked Radio System) อยู่ในมือและใช้บริการอยู่แล้วประมาณ 79,000 เครื่อง และคาดว่าในไตรมาสที่ 2 จะเพิ่มขึ้นอีก 500 – 1,000 เครื่อง ทำให้มีมูลค่างานในมือสะสมรวม 829 ล้านบาท

สายธุรกิจ Utilities & Transportations สร้างรายได้รวม 1,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนกว่า 29% ผลประกอบการที่โดดเด่นมาจากธุรกิจด้านวิทยุการบินของ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ซึ่งในไตรมาสแรกปี 2568 มีรายได้ถึง 500 ล้านบาท และมีกำไรมากถึง 142 ล้านบาท แม้จะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) ก็ยังสามารถทำรายได้และกำไรสุทธิเป็นสถิติสูงที่สุดหลังยุคโควิด-19 จากจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการรวมทุกประเภทที่มีจำนวนถึง 30,819 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6,685 เที่ยวบิน หรือ 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทคาดการณ์ว่าหลังจากการเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ หรือสนามบินนานาชาติเตโช ในช่วงกลางปีนี้ จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชาให้คึกคักยิ่งขึ้น และคาดว่าจำนวนเที่ยวบินขึ้นลงตลอดทั้งปีจะแตะระดับ 130,000 เที่ยวบิน ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

นอกจากธุรกิจวิทยุการบินแล้ว สายธุรกิจนี้ยังมีรายได้ประจำที่ทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่องจากโครงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตด้วยระบบ Direct Coding ซึ่งมีอายุสัญญานานถึง 7 ปี โดยมีรายได้ในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกัน ธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจรก็ยังสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้ในไตรมาสแรกปี 2568 อยู่ที่ 543 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 39% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงทิศทางของกลุ่มบริษัทสามารถว่า “ภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคง และเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เรามองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากร เพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ภายใต้ความตั้งใจของเราที่ต้องการนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า และมอบบริการหลังการขายที่ดีที่สุดด้วย

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทสามารถในไตรมาสแรกของปี 2568 ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทาย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพขององค์กร การมุ่งเน้นพัฒนาในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ และการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและบุคลากร จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กลุ่มสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกลุ่มบริษัทสามารถได้เป็นอย่างดี

#SAMART #สามารถคอร์ปอเรชั่น #ผลประกอบการ #ไตรมาส1ปี2568 #หุ้นSAMART #ข่าวเศรษฐกิจ #ธุรกิจICT #ธุรกิจดิจิทัล #ธุรกิจสาธารณูปโภค #SAV #SAMTEL #SDC #เติบโตแข็งแกร่ง #กำไรพุ่ง #ข่าวหุ้น #การลงทุน

Related Posts