เอสซีจี ผู้นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์อาเซียน ประกาศความพร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน INTERCEM Asia 2025 ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร ตอกย้ำศักยภาพผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างและโซลูชันยั่งยืน ชูแนวคิด “Inclusive Green Growth” ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ รับมือความท้าทายระดับโลก ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำ หวังยกระดับมาตรฐานความยั่งยืนในเวทีสากล
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่ทวีความสำคัญขึ้นทั่วโลก เอสซีจี ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคอาเซียน ได้ประกาศความพร้อมในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน “INTERCEM Asia 2025” ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสำคัญของผู้ผลิตและผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ระดับโลก งานดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ กรุงเทพมหานคร
การเป็นเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของเอสซีจีเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างและโซลูชันที่ยั่งยืน โดยมุ่งจุดพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ด้วยนวัตกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืนให้ทัดเทียมสากล พร้อมกันนี้ยังเป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะตลาดสำคัญและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในภูมิภาคเอเชีย
การประชุมINTERCEM Asia 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เอสซีจีใช้ปักธงประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก โดยชูพลังขับเคลื่อนภายใต้พันธกิจและนวัตกรรมสีเขียว หรือ “Inclusive Green Growth” ซึ่งหมายถึงการเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวคิดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ของวงการอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่จะต้องก้าวข้ามความท้าทายเดิมๆ ไปสู่อนาคตของการเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านการก่อสร้าง แต่ยังต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับโลกอย่างจริงจัง
ในยุคปัจจุบันที่ “นวัตกรรมกรีน” ไม่ได้เป็นเพียง “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่กลายเป็น “ทางรอด” ที่สำคัญยิ่งสำหรับความอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจทุกภาคส่วน รวมถึงอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง คิดเป็นสัดส่วนถึง 7-8% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก งาน INTERCEM Asia 2025 จึงเปรียบเสมือนเวทีสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมจะได้มาร่วมหารือถึงประเด็นเร่งด่วนที่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทั่วโลกจำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ความท้าทายไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่แรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการทางการค้าใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับประเด็นคาร์บอน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ซึ่งจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนจากสินค้านำเข้าที่มีการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสูง รวมถึงมาตรการภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ โดยเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของผู้ผลิต มาตรการเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน รวมถึงโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายที่ถาโถมเข้ามา เอสซีจีไม่ได้มองว่าเป็นอุปสรรค แต่กลับมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและยกระดับอุตสาหกรรม บริษัทฯ ได้วางรากฐานและทุ่มเทงบประมาณในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนลงทุนในนวัตกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน ความสำเร็จนี้เกิดจากการเตรียมความพร้อมในหลากหลายมิติ ทั้งด้านกลยุทธ์ที่ชัดเจน การวิจัยและพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง การนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมาปรับใช้ และการมองการณ์ไกลถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์โลกและทิศทางของอนาคตแห่งการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน
ภายในงานINTERCEM Asia 2025 เอสซีจีเตรียมนำเสนอนวัตกรรมที่โดดเด่นและเป็นรายแรกในตลาด (First-to-Market) หลายรายการ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย:
- SCG LC3 Structural Cement: ปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้างสูตรคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นต้นแบบของประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นจากองค์ความรู้เฉพาะทางของเอสซีจี นวัตกรรมนี้มีความโดดเด่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้มากถึง 38% เมื่อเปรียบเทียบกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 ที่ใช้ในงานโครงสร้างทั่วไป โดยยังคงคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแรงทนทานตามมาตรฐาน และยังสามารถประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งได้อย่างสวยงามลงตัว เอสซีจียังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้ถึง 50% ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในระดับภูมิภาคอาเซียน
- SCG 3D Printing: เทคโนโลยีการพิมพ์ขึ้นรูปสามมิติด้วยวัสดุปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ที่กำลังจะเข้ามาปฏิวัติวงการก่อสร้าง ด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์โครงสร้างที่มีรูปทรงซับซ้อนได้อย่างอิสระ ตั้งแต่การออกแบบเส้นสาย ลวดลาย ความโค้งมน ไปจนถึงการก่อสร้างอาคารหลายชั้น ตอบสนองจินตนาการของสถาปนิกและนักออกแบบในยุคใหม่ได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถประยุกต์ใช้ในงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยเทียมสำหรับสัตว์ทะเล เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล นับเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยในเวทีโลก
- TORA S-ONE: นวัตกรรมเครื่องพ่นฉาบปูนระบบดีเซล ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในไซต์ก่อสร้างได้อย่างก้าวกระโดด โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการฉาบผนังปูนซีเมนต์ได้มากถึง 40% เมื่อเทียบกับการฉาบด้วยมือแบบดั้งเดิม ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้วัสดุให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ลดการสูญเสีย นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างของไทยสู่ความเป็นเลิศ แต่ยังเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานทักษะฝีมือในภาคก่อสร้างได้เป็นอย่างดี
- SCG International: หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำด้านโซลูชันห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) แบบครบวงจร ที่พร้อมสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจในการลดการปล่อยคาร์บอนและยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ด้วยบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End Solutions) ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การบริหารจัดการคลังสินค้า การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
- Saraburi Sandbox: โครงการต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ณ จังหวัดสระบุรี ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวต่างๆ ของเอสซีจีมาประยุกต์ใช้จริงในบริบทของเมืองและชุมชน โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ทดลองและพัฒนานวัตกรรม แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงสังคม ชุมชน ในการร่วมกันขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
นอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศแล้ว เอสซีจียังให้ความสำคัญและลงทุนอย่างต่อเนื่องในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass Fuel) อาทิ แกลบ ฟางข้าว และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอื่นๆ ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการเผาปูนซีเมนต์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลสูงถึงกว่า 45% พร้อมกันนี้ ยังมุ่งมั่นเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) ให้สูงถึง 40% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในโรงงาน และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์จากลมร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต (Waste Heat Recovery) กลับมาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในโรงงานอีกด้วย ความพยายามทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของเอสซีจีในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)
เอสซีจีเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไม่ใช่เพียงแค่การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างการยอมรับในระดับสากล และเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันที่ยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ มองว่านี่คือโอกาสเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่จะยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และก่อสร้าง ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ยังรวมถึงในระดับภูมิภาคอาเซียนและเวทีโลก พร้อมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และการก่อสร้างอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
อีกหนึ่งความพิเศษที่น่าสนใจภายในงานINTERCEM Asia 2025 คือ ของที่ระลึกสุดพิเศษที่เอสซีจีเตรียมมอบให้กับผู้ร่วมบรรยาย นั่นคือ “ช้างปูนปั้น” ที่ผลิตขึ้นอย่างประณีตจากปูนซีเมนต์ต้นแบบ “ปูนเอสซีจี LC3” ซึ่งเป็นนวัตกรรมคาร์บอนต่ำของบริษัท ของที่ระลึกชิ้นนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมของเอสซีจี แต่ยังเป็นการสื่อสารถึง Soft Power ของประเทศไทยผ่าน “ช้าง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีอันล้ำสมัยกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติไทย
ภายในงานประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทิศทางและแนวโน้มล่าสุดของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในระดับโลก จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจากเอสซีจี โดย คุณมนสิช สาริกะภูติ Chief Innovation & Technology Officer ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ จะนำเสนอในหัวข้อ “SCG’s Inclusive Green Growth” ซึ่งจะฉายภาพมุมมองเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมไปสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นความยั่งยืนและนวัตกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ คุณเจริญชัย เฉลียวเกรียงไกร Bio-Circular Business Director ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี จะนำเสนอในหัวข้อ “Saraburi Sandbox” ซึ่งจะเจาะลึกถึงรายละเอียดของโครงการต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ และแสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมกรีนของเอสซีจีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในบริบทจริง
คุณสุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ ได้ให้ภาพรวมและความสำคัญของการจัดงานครั้งนี้ว่า “INTERCEM Asia 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการเริ่มต้นสร้างการยอมรับและร่วมกันกำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในด้านการพัฒนาสูตรมาตรฐานของปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำที่เหมาะสมกับบริบทของภูมิภาค การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศ รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพชั้นนำ ในการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน หรือ CCUS (Carbon Capture, Utilization & Storage) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero”
คุณสุรชัย กล่าวเสริมว่า “ในฐานะที่เอสซีจีเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่มีฐานการผลิตครอบคลุมในระดับภูมิภาคและมีเครือข่ายการส่งออกไปยังทั่วโลก เราตระหนักดีว่าการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำนั้น ไม่ใช่เพียงความท้าทายที่เราต้องเผชิญ แต่ยังเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในเวทีโลกอย่างยั่งยืน การที่เอสซีจีได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน INTERCEM Asia 2025 ในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ วิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเอสซีจีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยและอาเซียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมโลก”
การจัดงาน INTERCEM Asia 2025 ที่กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การประชุมระดับนานาชาติ แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยและเอสซีจีในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนวาระสำคัญของโลกด้านความยั่งยืน และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่ยุคคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง
#SCG #เอสซีจี #INTERCEMAsia2025 #ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ #LowCarbonCement #นวัตกรรมกรีน #GreenInnovation #ความยั่งยืน #Sustainability #InclusiveGreenGrowth #NetZero #CBAM #SaraburiSandbox #ปูนSCGLC3 #SCG3DPrinting #ToraSone #SCGInternational #อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ #เศรษฐกิจไทย #อาเซียน