บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ชี้ ตลาดหุ้นไทย (SET) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเผชิญกับความผันผวน โดยดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ มีทั้งแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาเป็นระยะสลับกับแรงขายทำกำไร นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 (1Q68) ของบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่ม Real Sector ขณะที่การแถลงของธนาคารกลางจีน (PBOC) และทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในช่วงต้นสัปดาห์ SET Index ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรประเด็นการลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และความคืบหน้าของกองทุน ThaiESG X ที่ใกล้จะเริ่มซื้อขาย ส่งผลให้ดัชนีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเช้าทะลุระดับ 1200 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรในช่วงก่อนวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA ช่วยพยุงดัชนี ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง
ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจคือการแถลงของธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งตลาดคาดหวังถึงเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี การค้าภายในประเทศ และการบริโภค เพื่อชดเชยผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัว หลังจากที่ตลาดได้พักฐานมา 2 วัน จึงเริ่มมีโอกาสที่จะชะลอการปรับตัวลงหรือดีดกลับได้ในระยะสั้น โดย InnovestX ประเมินแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1180 และ 1175 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1195 และ 1205 จุด
อย่างไรก็ดี InnovestX มองว่า SET Index ยังคงเผชิญกับแรงขายอย่างต่อเนื่องหลังจากรับรู้ปัจจัยบวกไปมากแล้ว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างจากการตอบรับมติ กนง. ที่ลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด และแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ แต่ภาพรวมตลาดยังคงแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามและกลยุทธ์การลงทุน (โดย InnovestX)
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อม กลยุทธ์การลงทุนที่ InnovestX แนะนำยังคงเป็น “Selective Buy” หรือการเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ธีมหลัก และ 1 ธีมสำหรับการเก็งกำไร ดังนี้:
-
หุ้น Earnings Play: กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะมีโมเมนตัมกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ปี 2568 (1Q68-2Q68) ที่คาดว่ากำไรปกติจะเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ ได้แก่ ADVANC, TRUE, BTG, CPF, CPALL, และ OR
-
หุ้น Undervalued: กลุ่มหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน โดยปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER (Price-to-Earnings Ratio) และ PBV (Price-to-Book Value) ปี 2568 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1SD (Standard Deviation) ในขณะที่ผลประกอบการในปี 2568 ยังคงคาดว่าจะเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง หุ้นที่แนะนำในกลุ่มนี้คือ GULF, MTC, CBG, SPRC, และ GPSC
-
หุ้นเป้าหมาย ThaiESGX: กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX โดยมีคุณสมบัติสำคัญคือ คาดการณ์กำไรเติบโต YoY ในปี 2568, มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อย่างน้อยปีละ 3% หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม SET50 ได้แก่ ADVANC, BDMS, CPALL, และ PTT ส่วนในกลุ่ม SET100 ที่น่าสนใจคือ BCH, BTG, และ AP
-
Trading Idea (สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง): InnovestX แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าราคาหุ้นจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว (High Beta) หากสถานการณ์สงครามการค้ามีสัญญาณคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น หุ้นที่แนะนำในกลุ่มนี้ประกอบด้วย KTB, BBL, BCP, PTT, SCCC, FTREIT, และ AMATA
ปัจจัยเศรษฐกิจที่น่าจับตา (ตามมุมมอง SCBS)
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องมาตรการภาษีและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแล้ว InnovestX ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจและอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการลงทุน ได้แก่:
- การแถลงมาตรการการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC): ธนาคารกลางจีน (PBOC) ร่วมกับสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติ (NFRA) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีน (CSRC) มีกำหนดแถลงข่าว ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอาจมีการประกาศมาตรการทางการเงินใหม่ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐฯ: นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวต่อสภาคองเกรสว่า รัฐบาลทรัมป์อาจประกาศข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
- อัตราเงินเฟ้อไทย: กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายน ติดลบ 0.22% YoY ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน โดยมีปัจจัยกดดันหลักมาจากการปรับลดลงของราคาในกลุ่มพลังงานและอาหารบางรายการ เช่น ผักสดและไข่ไก่ คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมจะใกล้เคียงกับเดือนเมษายน
- โครงการดิจิทัลวอลเล็ต: การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมายังไม่มีการพิจารณาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสาม
- มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว: โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” มีการปรับปรุงใหม่ โดยลดจำนวนสิทธิเหลือไม่ถึง 1 ล้านสิทธิ และมีการแบ่งงบประมาณบางส่วนไปใช้ในการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 35.5 ล้านคน เท่ากับปีก่อน
- ค่าไฟฟ้า: ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติตรึงค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 ไว้ที่ราคา 3.99 บาทต่อหน่วย พร้อมทั้งสั่งชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนที่ยังไม่ดำเนินการ 1,488.5 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือจากการรับซื้ออีก 2,180 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังได้รับทราบความคืบหน้าของโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติใหม่
- ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน: ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยให้ปรับขึ้นการจัดเก็บภาษีจากน้ำมันสำเร็จรูป ทั้งประเภทเบนซินและดีเซล ประมาณ 0.80-1.00 บาทต่อลิตร
หุ้นเด่นที่น่าสนใจในมุมมอง InnovestX
- PTT: InnovestX มองว่าราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว และคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) มาอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (Fx) ที่ลดลง นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่คาดว่าจะประกาศออกมา และยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SETESG Ratings อยู่ในระดับ “AAA”
- KTB: InnovestX มองว่าราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโอกาสในการฟื้นตัวตามภาพรวมของตลาด และเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR coverage (อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ) ในระดับสูง และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่น่าสนใจในระดับ 7.7% นอกจากนี้ยังคาดว่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SETESG Ratings อยู่ในระดับ “AAA”
สรุปและแนวโน้ม (จาก InnovestX)
โดยสรุป ในช่วงสั้น InnovestX มองว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัวในลักษณะ Sideways เนื่องจากตลาดกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ และติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ของหุ้นในกลุ่ม Real Sector ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนมากนัก เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อย่างไรก็ตาม InnovestX มองว่าความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจะยังคงเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 (2Q68) ทำให้บรรยากาศการลงทุนยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง และส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1215-1235 จุด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงยังคงแนะนำให้ “Selective Buy” เน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะข้างหน้า
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
#หุ้นไทย #SETIndex #เศรษฐกิจไทย #ลงทุน #กลยุทธ์ลงทุน #ผลประกอบการ #สงครามการค้า #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ #ThaiESGX #PTT #KTB #InnovestX #บทวิเคราะห์หลักทรัพย์