รองนายกฯ ประเสริฐ ลุยตั้งอนุกรรมการฯ แก้ปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก

รองนายกฯ ประเสริฐ ลุยตั้งอนุกรรมการฯ แก้ปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก

ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดินด้วยตนเอง ลุย แก้ปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกด่วน 27 พ.ค.นี้ เร่งบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ชี้กระทบเศรษฐกิจภาคเกษตร ท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่อย่างรุนแรง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะคุณภาพแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ กำลังเป็นวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ล่าสุด นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าครั้งสำคัญในการ แก้ปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตประชาชนและระบบเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย โดยได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน” อย่างเป็นทางการ สะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังและครบวงจร

นายประเสริฐ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา โดยระบุว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับต้น” การที่ตนเองเข้ารับตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ด้วยตนเอง ก็เพื่อเป็นหลักประกันในการเร่งรัด ติดตาม และผลักดันการดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

โครงสร้างและภารกิจคณะอนุกรรมการฯ ชุดใหม่

คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหลายภาคส่วน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งรองประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ ซึ่งจะทำให้การบูรณาการความร่วมมือเป็นไปอย่างเข้มแข็งและรอบด้าน

ภารกิจหลักของคณะอนุกรรมการฯ ครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์สถานการณ์ สภาพปัญหา และสาเหตุที่แท้จริงที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกและแหล่งน้ำผิวดินอื่นๆ การกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน การฟื้นฟูระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อน การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำกกในการอุปโภคบริโภคและการประกอบอาชีพ ไปจนถึงการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาแหล่งกำเนิดมลพิษที่อาจมาจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเมียนมา ซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดกับต้นน้ำของแม่น้ำกก

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่มองข้ามไม่ได้

ปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกก โดยเฉพาะการตรวจพบสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรงเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ

  1. ภาคเกษตรกรรม: แม่น้ำกกเป็นเส้นเลือดใหญ่ของภาคเกษตรกรรมในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย น้ำที่ปนเปื้อนสารพิษย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร อาจทำให้ผลผลิตลดลง ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภค และอาจถูกปฏิเสธจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ กระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจในพื้นที่
  2. ภาคประมง: สัตว์น้ำในแม่น้ำกกที่ปนเปื้อนสารพิษ ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค แต่ยังทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลง ชาวประมงพื้นบ้านขาดรายได้ และอาจต้องละทิ้งอาชีพดั้งเดิมไปในที่สุด
  3. ภาคการท่องเที่ยว: จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมเป็นจุดขายสำคัญ หากแม่น้ำกกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทัศนียภาพที่สวยงามต้องเสื่อมโทรมลงจากปัญหาการปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง และรายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ต้องหดหายไป
  4. คุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ: ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกกและใช้น้ำในการดำรงชีวิตประจำวัน มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากสารปนเปื้อน นำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทั้งในระดับครัวเรือนและภาครัฐ นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของน้ำยังบั่นทอนคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชนอีกด้วย
  5. ต้นทุนการฟื้นฟู: การปล่อยให้ปัญหาการปนเปื้อนยืดเยื้อ จะยิ่งทำให้ต้นทุนในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศของแม่น้ำกกสูงขึ้นในระยะยาว การดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนในวันนี้ จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การดำเนินงานที่ผ่านมาและแผนการในอนาคต

นายประเสริฐ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกกอย่างสม่ำเสมอ การเฝ้าระวังการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ และการประเมินการสะสมของสารพิษในร่างกายมนุษย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดมาตรการป้องกัน

นอกจากนี้ ยังมีการนำนวัตกรรมสมัยใหม่ เช่น ดาวเทียมและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มาใช้ในการวิเคราะห์และบ่งชี้แหล่งที่มาของมลพิษ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและที่ต้นเหตุ ขณะเดียวกัน กลไกความร่วมมือทางการทูตและการทหารผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ระหว่างไทยกับประเทศเมียนมา ก็ถูกนำมาใช้เพื่อประสานความร่วมมือในการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษที่อาจมาจากนอกประเทศ

สำหรับก้าวต่อไป คณะอนุกรรมการฯ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ จะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีวาระสำคัญคือการรับฟังรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์ล่าสุดและกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาแนวทางการจัดทำระบบดักตะกอนในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการลดปริมาณการปนเปื้อนของสารหนูในน้ำก่อนที่จะกระจายไปในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการเตรียมการหารือกับรัฐบาลประเทศเมียนมาในประเด็นปัญหาการปนเปื้อนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อหาทางออกร่วมกันในระดับนโยบาย

ความคาดหวังและเสียงสะท้อนจากประชาชน

การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ นับเป็นสัญญาณบวกที่สร้างความหวังให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ที่ต่างเฝ้ารอคอยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกอย่างจริงจังและยั่งยืน การดำเนินการที่โปร่งใส รวดเร็ว และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้กับคนไทยทุกคน

การแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ไม่ใช่เพียงแค่การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่น สร้างความมั่นคงทางอาหาร ปกป้องสุขภาพของประชาชน และรักษาฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ การดำเนินการอย่างบูรณาการของคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ จึงเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด และคาดหวังว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างแท้จริงในเร็ววัน

#แม่น้ำกก #สารปนเปื้อน #คุณภาพน้ำ #ประเสริฐจันทรรวงทอง #คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ #เชียงใหม่ #เชียงราย #แก้ไขปัญหาน้ำเสีย #ผลกระทบเศรษฐกิจ #เกษตรกรรม #ท่องเที่ยวภาคเหนือ #สิ่งแวดล้อม #รัฐบาลใส่ใจ

Related Posts