ไทยพลิกโฉมเศรษฐกิจดิจิทัล! “สุรพงษ์” ชู Soft Power เกม ปั้นคนโกอินเตอร์

ไทยพลิกโฉมเศรษฐกิจดิจิทัล! “สุรพงษ์” ชู Soft Power เกม ปั้นคนโกอินเตอร์

TheReporterAsia – ท่ามกลางภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยความท้าทาย ประเทศไทยกำลังเดินหน้าปรับกระบวนทัพครั้งสำคัญ โดยมุ่งเน้นการใช้ “ซอฟต์พาวเวอร์” และ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนประเทศสู่เวทีสากล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์นี้อย่างชัดเจนในงานเปิดตัวโครงการ “depa Thai Digital Content Go Global” ชี้ให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกม ควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ครั้งใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่คนไทย พร้อมนำพาประเทศก้าวข้ามความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ในโลกยุคปัจจุบันที่ถูกนิยามด้วยคำว่า BANI (เปราะบาง, น่ากังวล, ไม่เป็นเส้นตรง, และไม่สามารถเข้าใจได้) ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนและความไม่แน่นอนที่มากกว่ายุค VUCA (ผันผวน, ไม่แน่นอน, ซับซ้อน, คลุมเครือ) ที่เคยคุ้นชิน นพ.สุรพงษ์ ได้ชี้ว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องละทิ้งความยึดติดกับความสำเร็จหรือจุดแข็งในอดีต และมองหาเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “เราอยู่ในโลกที่มีความผันผวนชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” นพ.สุรพงษ์กล่าว “หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยมั่นใจ…มาวันนี้อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นแล้ว สิ่งที่เราสามารถจะพอคาดหวังได้ ต้องกลับมาสู่ที่เป็นจุดแข็งของจริงของเรา” ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ทักษะที่สร้างสรรค์” อันเป็นแกนกลางของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์

นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลชุดปัจจุบันจึงไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวสวยหรู แต่เป็นยุทธศาสตร์ชาติที่ถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจและสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ๆให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งรวมถึงเกม แอนิเมชัน และอีสปอร์ต ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้อย่างกว้างขวาง โครงการ “depa Thai Digital Content Go Global” ที่เปิดตัวในครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนยานยนต์สำคัญที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จะเข้ามามีบทบาทในการผลักดันผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพและแข่งขันในระดับนานาชาติได้

ชูอุตสาหกรรมเกม หัวหอกดิจิทัลคอนเทนต์ไทย

นพ.สุรพงษ์ ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมเกม โดยระบุว่ามีขนาดตลาดที่ใหญ่มากถึง 34,000 ล้านบาทในประเทศไทย และเมื่อเทียบกับประเทศผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์อย่างเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมเกมของเกาหลีใต้มีขนาดใหญ่กว่าอุตสาหกรรมดนตรีและภาพยนตร์รวมกันเสียอีก “อุตสาหกรรมเกมเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจะท้าทายแล้วก็มองข้ามไม่ได้” นพ.สุรพงษ์ย้ำ “เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมเกม ซึ่งวันนี้เราเป็นเพียงแค่ผู้ซื้อ ทำยังไงที่เราสามารถจะมาเป็นผู้สร้างสรรค์ได้” นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ภาครัฐต้องการปลดล็อกศักยภาพของคนไทย จากเดิมที่เป็นเพียงผู้บริโภคหรือผู้ซื้อเทคโนโลยีและคอนเทนต์จากต่างชาติ ให้กลายเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกคอนเทนต์คุณภาพสูงสู่ตลาดโลก

การเปลี่ยนผ่านจาก “ผู้ซื้อ” สู่ “ผู้สร้าง” ในอุตสาหกรรมเกมและดิจิทัลคอนเทนต์อื่นๆ จำเป็นต้องอาศัยการลงทุนและการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร การส่งเสริมการลงทุน การสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวย และการเปิดตลาดในต่างประเทศ รัฐบาลจึงได้วางแนวทางการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

“หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์” (OFOS) ปฏิวัติการพัฒนาคน สร้างรายได้ 2 แสนบาทต่อปี

หัวใจสำคัญของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ คือ “คน” นพ.สุรพงษ์เน้นย้ำว่า “ถ้าเราจะใช้ Soft Power ในการขับเคลื่อนประเทศ สิ่งที่สำคัญก็คือต้องทำให้ทุกๆ คนได้รับโอกาสให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าหากเราบอกว่าเราจะทำให้ GDP ประเทศเติบโต แต่ GDP ประเทศเติบโตเนี่ย แถวคนที่รับประโยชน์เป็นเพียงแค่คนกลุ่มนึง หลักแสนหลักล้าน ตรงนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าหากคนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์นั้น”

ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเป็นโครงการพัฒนาทักษะครั้งใหญ่ หรือการ Upskill/Reskill ครอบคลุม 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายของซอฟต์พาวเวอร์ (แม้ในคำกล่าวจะระบุถึง 14 อุตสาหกรรมที่อยู่ในความสนใจและมีเพิ่มเติมรอคิว) โดยมีเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่งภายใต้นโยบาย “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์” (OFOS) คือการสร้างคนที่มีทักษะสูงจำนวน 20 ล้านคน จาก 20 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ หรืออย่างน้อยครัวเรือนละ 1 คน ให้สามารถมีทักษะในแขนงใดแขนงหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นนักสร้างเกม นักออกแบบ นักทำอาหาร ศิลปิน นักกีฬา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“เราตั้งเป้าหมายที่ท้าทายมาก บอกว่าจะทำให้ อย่างน้อย 1 ครอบครัว มีอย่างน้อย 1 คนในครอบครัวนั้น ได้มีโอกาสที่จะมีทักษะแขนงใดแขนงหนึ่งก็ได้…เราอยากจะให้คน 20 ล้านคน จาก 20 ล้านครอบครัว ได้มีการฝึกอะไรสักอย่างหนึ่ง ทำให้เขาสามารถที่จะมีสกิล มีรายได้ที่จะเลี้ยงดูครอบครัว” นพ.สุรพงษ์กล่าว

โดยตั้งเป้าหมายรายได้เฉลี่ยต่อคนที่ผ่านการพัฒนาทักษะไว้ที่ 200,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งหากทำได้สำเร็จ จะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมหาศาล และช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพ แต่ยังเป็นการปลดปล่อยศักยภาพและความฝันของคนไทยจำนวนมากที่อาจไม่เคยมีโอกาสมาก่อน ให้สามารถทำในสิ่งที่รักและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับตนเองและประเทศชาติ

สุรพงษ์

สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง: จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เพื่อ “Go Global”

การจะผลักดันให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์และซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น จำเป็นต้องมีการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่งและเชื่อมโยงกันทั้งระบบ นพ.สุรพงษ์ได้อธิบายถึงการพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ดังนี้:

  • ต้นน้ำ (Upstream): คือการพัฒนาคน การฝึกอบรมทักษะ (Upskill/Reskill) ในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการ OFOS จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ หรือ “นักรบ Soft Power” ที่พร้อมจะเข้าสู่อุตสาหกรรม
  • กลางน้ำ (Midstream): คือการสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงาน การพัฒนาสตูดิโอ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบให้เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม เช่น การผลักดัน พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ที่ นพ.สุรพงษ์กล่าวถึงว่ากำลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและสภา ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม และเชื่อว่าจะช่วยยกระดับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเกมและดิจิทัลคอนเทนต์โดยรวม
  • ปลายน้ำ (Downstream): คือการตลาด การโปรโมท และการผลักดันผลงานของคนไทยออกสู่ตลาดโลก หรือ “Go Global” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ “depa Thai Digital Content Go Global” ในส่วนนี้ นพ.สุรพงษ์เน้นว่า “การโปรโมทจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นเราก็จะมีแค่คนพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ขายไม่ได้ งั้นการขายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก”

การจะ “ขายได้” ในตลาดโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องมีการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละตลาดอย่างลึกซึ้ง การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม “จะรู้ได้ยังไงว่าพฤติกรรมของคนต้องการอะไร จะรู้ได้ยังไงว่าทำให้เกมเนี้ยสามารถที่พอขายมาแล้วเนี่ย คนมีความรู้สึกว่าเขาอยากจะซื้อ อยากจะเล่น อยากจะใช้ นั่นเป็นจุดที่ท้าทาย” นพ.สุรพงษ์ตั้งข้อสังเกต ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในความซับซ้อนของการแข่งขันในตลาดสากล

ถอดบทเรียนความสำเร็จ: กรณีศึกษา “Home Sweet Home” และ “Kingdoms Reborn”

ในการผลักดันอุตสาหกรรมเกมไทยสู่สากล นพ.สุรพงษ์ได้ยกตัวอย่างเกมไทยที่ประสบความสำเร็จและสามารถเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ได้ เช่น “Home Sweet Home” เกมแนวสยองขวัญที่สร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ และ “Kingdoms Reborn” เกมแนวสร้างเมืองที่ได้รับการยอมรับในด้านการออกแบบและการศึกษาตลาดอย่างดีเยี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักพัฒนาไทยมีศักยภาพสูง หากได้รับการสนับสนุนและมีกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการทำความเข้าใจตลาดและการโปรโมทที่มีประสิทธิภาพ

กรณีศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยเมื่อผสมผสานกับความเข้าใจในตลาดสากล และการสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวย สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในระดับโลกได้จริง ซึ่งโครงการ “depa Thai Digital Content Go Global” มุ่งหวังที่จะสร้างความสำเร็จเช่นนี้ให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการไทยรายอื่นๆ มากขึ้น

ความท้าทายและก้าวต่อไปของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

แม้ว่าวิสัยทัศน์และแผนงานที่ นพ.สุรพงษ์ นำเสนอจะเต็มไปด้วยความหวังและโอกาส แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การจะสร้างคน 20 ล้านคนให้มีทักษะซอฟต์พาวเวอร์และมีรายได้ตามเป้าหมายนั้นต้องอาศัยความมุ่งมั่น ทรัพยากร และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม

การปรับเปลี่ยนกรอบความคิดของคนในสังคมให้เห็นคุณค่าของเศรษฐกิจสร้างสรรค์และอาชีพในสายงานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย รวมถึงการสร้างความต่อเนื่องของนโยบายและการสนับสนุนในระยะยาว เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืน

นพ.สุรพงษ์ ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ดีป้า สมาคมต่างๆ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่ได้ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ “วันนี้ผมถึงรู้สึกยินดีที่ทางหน่วยงานต่างๆ ทางสมาคม ทางภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมจะผลักดันเรื่องนี้ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น” และแสดงความเชื่อมั่นว่า “เราจะทำให้ประเทศไทยได้สามารถยืนหยัดขึ้นมาในโลกซับซ้อน โลกที่ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ เราสามารถที่จะเล่นเกมของเราเอง ทำให้เราสามารถยืนหยัดในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ และทำให้คนไทยพ้นจากความยากจนครับ”

โดยสรุป สุนทรพจน์ของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในงานเปิดตัวโครงการ “depa Thai Digital Content Go Global” ไม่เพียงแต่เป็นการประกาศทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย แต่ยังเป็นการจุดประกายความหวังและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ ให้เห็นถึงศักยภาพของตนเองและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นผ่านพลังของซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ท่ามกลางความท้าทายของโลกยุคใหม่ ประเทศไทยกำลังเดิมพันครั้งสำคัญกับการพัฒนา “คน” เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างชาติที่เข้มแข็งและยั่งยืนบนเวทีโลก

#SoftPower #ซอฟต์พาวเวอร์ #เศรษฐกิจสร้างสรรค์ #DigitalContent #อุตสาหกรรมเกม #ThaiGames #depa #GoGlobal #OFOS #หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ #สุรพงษ์สืบวงศ์ลี #นโยบายเศรษฐกิจ #พัฒนาคน #Upskill #Reskill #เศรษฐกิจไทย

Related Posts