โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อพันธกิจพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เปิด “ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7” ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี มุ่งส่งต่อองค์ความรู้ “TSI Way” หรือ “วิถีชุมชนพัฒน์” อันเป็นเอกลักษณ์สู่ผู้ประกอบการในภาคตะวันออก หวังยกระดับศักยภาพธุรกิจชุมชนให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศโดยรวม
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เมื่อเร็วๆ นี้ บรรยากาศ ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เต็มไปด้วยความคึกคัก โดยได้รับเกียรติจาก นายสมพร กาญจน์นิรันดร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด “ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7” ร่วมด้วย นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, นางสาวจริยจันทร์ จันทศาศวัต ผู้บริหาร บริษัท โตโยต้าจันทบุรี (1972) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด และ นางวรรณี บุญสวัสดิ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน
โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ถือเป็นหนึ่งในโครงการหลักด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของโตโยต้า ที่ริเริ่มขึ้นจากความตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของธุรกิจชุมชนในฐานะกลไกหลักและเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ทุ่มเทความพยายามในการเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทยอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพิ่มพูนผลกำไร และที่สำคัญที่สุดคือสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยโครงการนี้ได้มอบความสำเร็จให้กับธุรกิจชุมชนมาแล้วกว่า 39 แห่งทั่วประเทศ สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระดับท้องถิ่นและภาพรวม
สำหรับ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งล่าสุดนี้ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนคุณภาพ โดยมีผลิตภัณฑ์เด่นคือทุเรียนทอดภายใต้แบรนด์ “ป้าแกลบ” ซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ภายใต้การบริหารงานของ คุณวรรณี บุญสวัสดิ์ ประธานกลุ่มฯ ผู้มีความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น
ทางวิสาหกิจฯ แห่งนี้ได้เข้าร่วมกิจกรรมการปรับปรุงธุรกิจภายใต้โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งโตโยต้าได้เข้าไปมีบทบาทเสมือน “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” (Business Coach) นำเสนอแนวทางการพัฒนาที่ผสมผสานหลักการ “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” (Toyota Social Innovation Way) ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่สั่งสมมาจากการดำเนินธุรกิจของโตโยต้า เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นและความรู้ดั้งเดิมของชุมชน เพื่อประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทและความพร้อมของวิสาหกิจฯ มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นอย่างเป็นระบบ
กระบวนการพัฒนาเริ่มต้นจากการที่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของโตโยต้าได้ลงพื้นที่ศึกษาและสังเกตการณ์กระบวนการทำงานจริงของวิสาหกิจฯ อย่างละเอียด เพื่อค้นหา “ความสูญเปล่า” (Muda) หรือกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในการดำเนินงาน จากนั้นจึงร่วมปรึกษาหารือกับสมาชิกกลุ่มเพื่อหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาร่วมกัน โดยโตโยต้าได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตที่เป็นเลิศของตนเอง (Toyota Production System – TPS) พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างมาตรฐานการทำงานเพื่อควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้มีความสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใน 5 ด้านหลัก ได้แก่
- ผลิตภาพ (Productivity): การเพิ่มผลผลิตต่อหน่วยเวลาหรือต่อบุคลากร
- คุณภาพ (Quality): การสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าและลดของเสีย
- การส่งมอบสินค้าที่ตรงเวลา (Delivery): การบริหารจัดการเพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด
- การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory): การควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- ต้นทุนในกระบวนการ (Work in Process): การลดต้นทุนที่แฝงอยู่ระหว่างกระบวนการผลิต
จากการนำหลักการดังกล่าวมาปรับใช้ ส่งผลให้การดำเนินงานของวิสาหกิจฯ มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มผลิตภาพในการทำงาน และสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้วิสาหกิจฯ สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดและพัฒนาธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืน
เจาะลึก 5 แนวทางการปรับปรุง สู่ความสำเร็จของทุเรียนทอด “ป้าแกลบ”
“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” ได้นำแนวคิด “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ของโตโยต้ามาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงการดำเนินงานในธุรกิจทุเรียนทอดของตนเองอย่างน่าสนใจ ดังนี้
-
ปรับปรุงกระบวนการคัดแยกเกรดและผ่าแยกเปลือกทุเรียนดิบ:
- ปัญหาเดิม: ทุเรียนดิบที่รับซื้อมามีปริมาณมากและหลากหลายเกรด เมื่อนำมากองรวมกัน ทำให้พนักงานประสบปัญหาในการคัดแยกและจัดลำดับความสุกเพื่อนำไปผ่าก่อน-หลังได้ยาก ส่งผลให้มีทุเรียนจำนวนหนึ่งตกค้างและสุกเกินกว่าจะนำไปแปรรูปเป็นทุเรียนทอดได้ทัน ก่อให้เกิดความสูญเปล่าด้านวัตถุดิบ (Waste of Raw Material) ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญ
- การปรับปรุงโดยโตโยต้า: แนะนำการนำระบบ “การมองเห็น” (Visualization) มาใช้ โดยการนำเข่งพลาสติกแยกสีมาใช้สำหรับใส่ทุเรียนตามเกรดต่างๆ พร้อมทั้งกำหนดจุดวางเข่งแต่ละสีให้ชัดเจน พนักงานสามารถแยกแยะและหยิบทุเรียนไปผ่าได้ตามลำดับความสุกที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วขึ้นตามสีของเข่ง ทำให้ทราบว่าทุเรียนชุดไหนควรนำไปผ่าก่อนหรือหลัง
- ผลลัพธ์: สามารถลดและป้องกันการตกค้างของทุเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานทำงานได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถลดปริมาณของเสีย (ทุเรียนที่สุกเกินไป) ลงได้ถึง 70% และช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้มากถึง 480,000 บาทต่อปี
-
ปรับปรุงกระบวนการผ่าแยกทุเรียนไปจนถึงกระบวนการสไลซ์แผ่นทุเรียน:
- ปัญหาเดิม: การขนย้ายเข่งทุเรียนจากจุดคัดแยกไปยังจุดผ่า และต่อไปยังจุดสไลซ์เป็นแผ่น ต้องใช้พนักงานยกและเดิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 นาทีต่อเข่ง เมื่อรวมเวลาที่สูญเสียไปกับการขนย้ายในแต่ละวัน คิดเป็นเวลากว่า 160 นาทีต่อวัน ถือเป็นความสูญเปล่าด้านการเคลื่อนย้าย (Waste of Transportation/Motion)
- การปรับปรุงโดยโตโยต้า: นำแนวคิด “การผลิตแบบทันเวลาพอดี” (Just in Time) มาปรับใช้ โดยการออกแบบผังการทำงาน (Layout) ใหม่ ให้แต่ละขั้นตอนมีความต่อเนื่องกันมากขึ้น (Continuous Flow) ลดระยะทางการเคลื่อนย้าย และที่สำคัญคือการนำกลไก “คาราคุริ” (KARAKURI Kaizen) ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติอย่างง่ายที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหรือใช้พลังงานน้อยมาก ในรูปแบบของรางเลื่อน มาช่วยทุ่นแรงในการขนย้ายเข่งทุเรียน แทนการที่พนักงานต้องยกและเดินด้วยตนเอง
- ผลลัพธ์: สามารถลดเวลาที่พนักงานต้องใช้ในการเดินขนย้ายเข่งลงได้ถึง 100% พนักงานทำงานได้สะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้า และส่งผลให้ประสิทธิผล (Productivity) ในกระบวนการนี้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 49% จากเดิม 68 กิโลกรัมต่อคนต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 102 กิโลกรัมต่อคนต่อชั่วโมง
-
ปรับปรุงกระบวนการคัดเกรดทุเรียนหลังการทอด:
- ปัญหาเดิม: กระบวนการร่อนเพื่อคัดเกรดทุเรียนทอดแล้ว ซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน (เช่น ชิ้นใหญ่ ชิ้นเล็ก ป่น) เป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากมีหลายขั้นตอน อุปกรณ์ที่ใช้ร่อนแบบเดิมทำได้ในปริมาณน้อย และต้องใช้กำลังคนถึง 3-4 คนในการทำงานส่วนนี้ ทำให้เกิดปัญหาคอขวด (Bottleneck) ในกระบวนการผลิตโดยรวม
- การปรับปรุงโดยโตโยต้า: ทีมงานโตโยต้าได้ร่วมออกแบบและสร้างเครื่องร่อนคัดเกรดทุเรียนแบบใหม่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนกำลังคน โดยได้ทำการทดลองติดตั้งและใช้งานจริงในกระบวนการผลิตของวิสาหกิจฯ
- ผลลัพธ์: เครื่องร่อนใหม่สามารถช่วยร่อนคัดเกรดทุเรียนได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับวิธีการเดิม ลดระยะเวลาการทำงานในส่วนนี้ลงได้อย่างมาก และลดจำนวนคนที่ต้องใช้ในกระบวนการนี้ ทำให้สามารถโยกย้ายพนักงานไปทำงานในส่วนอื่นที่สำคัญกว่าได้
-
ปรับปรุงกระบวนการสต็อกทุเรียนก่อนและหลังการอบ:
- ปัญหาเดิม: ทุเรียนที่ผ่านการทอดแล้วและรอการอบไล่น้ำมัน รวมถึงทุเรียนที่อบแล้วรอการบรรจุ มีหลายเกรดวางปะปนกันในพื้นที่จัดเก็บสต็อก พนักงานไม่สามารถทราบจำนวนที่แน่นอนของทุเรียนแต่ละเกรดในสต็อก ทำให้ไม่รู้ว่าจะใช้หมดเมื่อใด และจำเป็นต้องเติมสต็อกอีกเมื่อใด ส่งผลให้เสียเวลาอย่างมากในการค้นหาเพื่อนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป
- การปรับปรุงโดยโตโยต้า: แนะนำการปรับปรุงผังการจัดวางสต็อกสินค้าใหม่ (Layout Improvement) โดยกำหนดจุดวางที่ชัดเจนและทำป้ายกำกับที่มองเห็นได้ง่าย (Visualization) พร้อมทั้งนำแนวคิด Just in Time มาประยุกต์ใช้ในการปรับจำนวนสต็อกให้สอดคล้องกับปริมาณการขายจริงในแต่ละเดือน รวมถึงกำหนดมาตรฐานการนำเข้าและเบิกจ่ายทุเรียนในสต็อกตามหลักการ “เข้าก่อน-ออกก่อน” (FIFO – First In, First Out) เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าเก่าจะถูกนำไปใช้ก่อนเสมอ
- ผลลัพธ์: ช่วยลดเวลาการทำงานและค้นหาสินค้าในสต็อกของพนักงานลงได้ 7% ทำให้การจัดการสต็อกมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อน และมั่นใจได้ว่ามีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตและบรรจุ
-
ปรับปรุงการวางแผนการบรรจุและการส่งมอบ:
- ปัญหาเดิม: มักประสบปัญหาออเดอร์ตกค้างและการบรรจุสินค้าล่าช้า เนื่องจากมีใบสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากลูกค้าที่ฝ่ายขายส่งเข้ามาเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยใบออเดอร์เหล่านี้มักจะถูกนำมาวางรวมกัน ไม่มีการจัดลำดับออเดอร์ก่อน-หลังที่ชัดเจน ทำให้ขาดการวางแผนการบรรจุที่ดี อาจเกิดการหลงลืมหรือทำออเดอร์สลับกันได้
- การปรับปรุงโดยโตโยต้า: แนะนำการนำระบบ “การควบคุมผ่านการมองเห็น” (Visual Control Board) มาใช้ โดยจัดทำเป็นบอร์ดวางแผนการบรรจุสินค้าที่พนักงานทุกคนสามารถมองเห็นและเข้าใจได้ง่าย ใบออเดอร์จากฝ่ายขายทุกใบจะถูกนำมาเรียงลำดับความสำคัญในกล่องที่จัดเตรียมไว้บนบอร์ดวางแผนการบรรจุ
- ผลลัพธ์: ช่วยให้ไม่เกิดปัญหาสินค้าตกค้างจากออเดอร์ที่ตกหล่นหรือถูกหลงลืม พนักงานสามารถทราบยอดออเดอร์ที่ต้องทำและการส่งมอบในแต่ละวันได้อย่างชัดเจน สามารถสื่อสารและติดตามความคืบหน้าของงานในกระบวนการของแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการติดตามงานเพิ่มขึ้น และสามารถส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงเวลาถึง 100% สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเป็นอย่างมาก
จากความสำเร็จสู่การเป็นต้นแบบและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภายหลังการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้นลงเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2565 โตโยต้าได้ส่งมอบโครงการให้กับ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” พร้อมทั้งมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมว่า ทางวิสาหกิจฯ ยังคงรักษาและปลูกฝังวัฒนธรรมการปรับปรุงและพัฒนาด้วยตนเองตามหลัก “วิถีชุมชนพัฒน์” (Continuous Improvement Culture) ได้อย่างสม่ำเสมอ มีการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถบริหารการดำเนินงานในภาพรวมได้อย่างมืออาชีพ ส่งผลให้ยังคงรักษามาตรฐานการส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา 100%
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จและความมุ่งมั่นในการพัฒนาของวิสาหกิจฯ ยังได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภายนอก โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการปรับปรุงพื้นที่สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน และการติดตั้งเครื่องร่อนคัดเกรดทุเรียนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานและรองรับการเติบโตในอนาคต
ด้วยศักยภาพและความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมดังกล่าว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงเห็นชอบในการจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี” แห่งนี้ ให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7” อย่างเป็นทางการ ต่อจากศูนย์การเรียนรู้ฯ อีก 6 แห่งที่ได้เปิดดำเนินการไปแล้วทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, จังหวัดขอนแก่น, จังหวัดเชียงราย, จังหวัดสงขลา, จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสระบุรี โดยศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์การปรับปรุงธุรกิจตามแนวทางของโตโยต้า ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนอื่นๆ ที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนาธุรกิจของตนเองต่อไป
นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของโตโยต้าว่า “โตโยต้ามุ่งหวังให้ศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดในการปรับปรุงธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชนทั่วประเทศ สามารถนำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป”
การเปิดศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7 ที่จังหวัดจันทบุรีในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของโตโยต้าในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมไทยให้เข้มแข็ง ผ่านการเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน.
#โตโยต้า #ธุรกิจชุมชนพัฒน์ #TSIWay #ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า #จันทบุรี #ทุเรียนป้าแกลบ #พัฒนาผู้ประกอบการ #เศรษฐกิจฐานราก #Toyota #CSR #การพัฒนาที่ยั่งยืน #นวัตกรรมชุมชน #วิสาหกิจชุมชน #ภาคตะวันออก