การเดินทางเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใน “วาระที่สอง” ของการดำรงตำแหน่ง ได้จุดชนวนข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการลงทุนมูลค่ามหาศาลระหว่างสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวที Saudi-US Investment Forum ที่กรุงริยาด ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี และการสนับสนุนแผนปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ “Vision 2030” ของซาอุดีอาระเบีย ที่ต้องการพลิกโฉมประเทศให้หลุดพ้นจากการพึ่งพาน้ำมัน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภูมิภาค ข้อตกลงที่เกิดขึ้นครอบคลุมทั้งด้านการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ตอกย้ำทิศทางการลงทุนที่เปลี่ยนไปของชาติอ่าวอาหรับที่มั่งคั่งแห่งนี้
การเยือนตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในฐานะโอกาสสำคัญในการสร้างข้อตกลงทางธุรกิจ ได้แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งสำคัญครั้งแรกในวาระที่สองของการดำรงตำแหน่ง และได้เริ่มต้นด้วยการหลั่งไหลของเม็ดเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ต่างตบเท้าเข้าทำข้อตกลงกับชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซาอุดีอาระเบีย
บรรยากาศของการลงทุนและการทำข้อตกลงเป็นไปอย่างคึกคักในงาน Saudi-US Investment Forum ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยมีการประกาศความร่วมมือทางธุรกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความกระตือรือร้นของทั้งสองฝ่ายในการผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม ทรัมป์ได้ประกาศว่าซาอุดีอาระเบียได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสี่ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความพยายามของทั้งสองประเทศในการสร้างสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
ภายใต้การนำของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและผู้นำโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย ประเทศได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจให้พ้นจากการพึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก ผ่านแผนยุทธศาสตร์ชาติ “Vision 2030” ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงเดินหน้าเชื้อเชิญผู้นำทางธุรกิจจากสหรัฐฯ อย่างแข็งขัน เห็นได้จากการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญในแวดวงเทคโนโลยีและการเงินระดับโลก เช่น อีลอน มัสก์, แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI และลาร์รี ฟิงก์ จาก BlackRock ในงาน Investment Forum ครั้งนี้ ซึ่งล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความน่าสนใจของซาอุดีอาระเบียในฐานะหมุดหมายการลงทุนแห่งใหม่ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย
เปิดแฟ้มข้อตกลงประวัติศาสตร์: จากยุทโธปกรณ์สู่ชิป AI และดาต้าเซ็นเตอร์
ท่ามกลางความสนใจของประชาคมโลก ข้อตกลงสำคัญหลายฉบับได้ถูกเปิดเผยออกมาในระหว่างการเยือนของทรัมป์ ซึ่งแต่ละโครงการล้วนมีมูลค่ามหาศาลและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทิศทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ดังนี้:
1. ข้อตกลงอาวุธมูลค่า 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ: ตอกย้ำความมั่นคง
ประเดิมวันแรกของการเยือนตะวันออกกลาง ทรัมป์ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย คิดเป็นมูลค่าเกือบ 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำเนียบขาวได้ยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็น “ข้อตกลงซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐฯ จะจัดส่งยุทโธปกรณ์และบริการทางการทหารที่ล้ำสมัยจากบริษัทผู้ผลิตด้านการป้องกันประเทศชั้นนำของสหรัฐฯ กว่าสิบแห่งให้แก่ซาอุดีอาระเบีย
รัฐบาลของทรัมป์ระบุเพิ่มเติมว่า บริการเหล่านี้จะครอบคลุมการเสริมสร้างศักยภาพทางการทหารของซาอุดีอาระเบียในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากองทัพอากาศ ขีดความสามารถด้านอวกาศ การป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ ความมั่นคงทางทะเลและชายฝั่ง ความมั่นคงชายแดน รวมถึงการยกระดับระบบข้อมูลและการสื่อสาร ข้อตกลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการกระชับความร่วมมือทางทหาร แต่ยังสะท้อนถึงความไว้วางใจและความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค
2. Nvidia บุกตลาดซาอุฯ: ปูทางสู่การเป็นฮับ AI ด้วยชิป Blackwell
แผนการอันยิ่งใหญ่ของซาอุดีอาระเบียในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น จำเป็นต้องอาศัยการเข้าถึงชิปประมวลผลขั้นสูงจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ในการฝึกฝนและประมวลผลโมเดล AI ชั้นนำ และนี่คือจุดที่ Nvidia ยักษ์ใหญ่ด้านชิปจากสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทสำคัญ
Nvidia เตรียมที่จะจัดส่งชิป Blackwell GPUs ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดและทรงพลังที่สุดของบริษัท อย่างน้อย 18,000 หน่วยให้กับซาอุดีอาระเบีย ในระยะแรกของการติดตั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับ Humain บริษัทลูกด้าน AI ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่โดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Public Investment Fund – PIF) เป้าหมายของ Humain คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “โรงงาน AI” (AI factories) เพื่อขับเคลื่อนความทะเยอทะยานด้าน AI ของประเทศ โดยมีแผนที่จะใช้ “GPUs ที่ล้ำสมัยที่สุดของ Nvidia หลายแสนหน่วย” ในอีกห้าปีข้างหน้า การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีขุมพลังการประมวลผลที่แข็งแกร่ง สำหรับการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในหลากหลายอุตสาหกรรม
3. AMD ไม่น้อยหน้า: จับมือ Humain ทุ่ม 10,000 ล้านดอลลาร์ สร้างเครือข่าย AI
AMD หนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญของ Nvidia ก็ไม่พลาดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับซาอุดีอาระเบียเช่นกัน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับ Humain เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผล AI มูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า
ตามแถลงการณ์ของบริษัท โครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นนี้จะเกี่ยวข้องกับ “เครือข่ายศูนย์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใช้เทคโนโลยีของ AMD ซึ่งจะเชื่อมโยงตั้งแต่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียไปจนถึงสหรัฐอเมริกา” การลงทุนของ AMD ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้าน AI ของซาอุฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายอิทธิพลของ AMD ในตลาดตะวันออกกลางที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นการแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia ในการเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI ชั้นนำ
4. Amazon Web Services (AWS) กับ “AI Zone” มูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์
Amazon Web Services (AWS) ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งระดับโลก ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพลิกโฉมภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย ด้วยแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “AI Zone” ในประเทศ
ตามข้อมูลจาก AWS พื้นที่ “AI Zone” นี้จะเป็น “แห่งแรกของโลก” ที่จะมอบพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนมหาศาล รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง มุ่งเน้นไปที่การ “ฝึกฝนและอนุมาน AI ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น” (faster AI training and inference) โครงการนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ AWS ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่าจะนำศูนย์ข้อมูล (data centers) มาตั้งในซาอุดีอาระเบียภายในปี 2026 และลงทุนมากกว่า 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจัดตั้ง AI Zone จึงเป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นของ AWS ในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบนิเวศ AI ในซาอุฯ
5. Google หนุนสตาร์ทอัพ AI ในซาอุฯ ผ่านกองทุน STV
การเดิมพันกับผู้มีความสามารถและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดของ STV บริษัทร่วมลงทุน (venture capital) ชั้นนำของซาอุดีอาระเบีย และล่าสุด STV กำลังจะได้รับการสนับสนุนครั้งสำคัญจาก Google ซึ่งได้ประกาศให้การสนับสนุนกองทุนเพื่อการลงทุนด้าน AI มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ STV
กองทุนดังกล่าวจะมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) Google ได้กล่าวในบล็อกโพสต์เมื่อวันอังคารว่า “การสนับสนุนกองทุน AI ของ STV ของเรา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งในการสนับสนุนระบบนิเวศ AI ในภูมิภาค MENA ซึ่งต่อยอดจากความพยายามในวงกว้างของเราในการมอบโอกาสในการเข้าถึง AI สำหรับทุกคน” ความร่วมมือนี้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของนวัตกรรมและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในภูมิภาค
6. Supermicro ปิดดีลข้อมูล 20,000 ล้านดอลลาร์กับ DataVolt
Supermicro บริษัทเทคโนโลยีในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ แม้อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับบริษัท Big Tech อื่นๆ ในซิลิคอนวัลเลย์ แต่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับซาอุดีอาระเบีย
ในสัปดาห์นี้ Supermicro ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับ DataVolt บริษัทศูนย์ข้อมูลของซาอุดีอาระเบียที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 ข้อตกลงนี้ครอบคลุมการดำเนินงานและการผลิตที่จะเกิดขึ้นทั้งในซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอเมริกา เป็นการส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสร้างงานในทั้งสองประเทศ และยังเป็นการตอกย้ำความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและ AI
บทสรุปและนัยยะสำคัญ
การหลั่งไหลของข้อตกลงมูลค่ามหาศาลเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จทางการทูตเชิงเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งสำคัญของเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียภายใต้วิสัยทัศน์ Vision 2030 การมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในเทคโนโลยี AI โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่าซาอุดีอาระเบียกำลังเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี
สำหรับสหรัฐอเมริกา ข้อตกลงเหล่านี้หมายถึงโอกาสทางธุรกิจและการส่งออกที่สำคัญ รวมถึงการเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ขณะที่สำหรับซาอุดีอาระเบีย นี่คือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของตนเอง ลดการพึ่งพาน้ำมัน และสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ความร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ และจะส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเวที AI และเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้อย่างไม่ต้องสงสัย การเยือนครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การลงนามในข้อตกลง แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่จะกำหนดอนาคตของทั้งสองประเทศและอาจรวมถึงภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า
#ทรัมป์ #ซาอุดีอาระเบีย #สหรัฐอเมริกา #เศรษฐกิจ #การลงทุน #AI #Vision2030 #Nvidia #AMD #Amazon #Google #Supermicro #ตะวันออกกลาง #ข่าวเศรษฐกิจ #SaudiUSInvestmentForum #ข้อตกลงประวัติศาสตร์