ไทย ชูธงนำภูมิภาค! เสนอตั้ง ศูนย์ธรรมาภิบาล AI (AIGPC) ในเวทีโลก

ไทย ชูธงนำภูมิภาค! เสนอตั้ง ศูนย์ธรรมาภิบาล AI (AIGPC) ในเวทีโลก

ประเทศไทยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเวทีโลก ประกาศศักยภาพและความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับภูมิภาค เสนอตัวจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AIGPC)” เพื่อเป็นฮับกลางในการแลกเปลี่ยนนโยบาย สร้างบุคลากร และขับเคลื่อนการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม หวังดึงดูดการลงทุน ยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ประเทศไทยได้แสดงบทบาทสำคัญในเวทีระดับนานาชาติอีกครั้ง เมื่อนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่ประธานร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรี “Ministerial session: Dialogue on International Cooperation on AI” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้กรอบการประชุม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีนางลิเดีย อาร์เธอร์ บริโต ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่แห่งองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เป็นประธานร่วม

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกว่า 20 ประเทศสมาชิกยูเนสโก เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในประเด็นที่โลกกำลังจับตามอง นั่นคือการพัฒนาและการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทชี้ชะตาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

ไทยประกาศวิสัยทัศน์ เสนอตั้งศูนย์ AIGPC แห่งแรกในภูมิภาค

ไฮไลท์สำคัญที่สุดของการประชุมครั้งนี้ คือการที่คณะผู้แทนจากประเทศไทย ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรีประเสริฐ จันทรรวงทอง พร้อมด้วยศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีเอส, นางปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงฯ และ ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้นำเสนอวิสัยทัศน์และข้อเสนอเชิงรุกต่อที่ประชุม ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์ปฏิบัติการด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Practice Center – AIGPC)”

ข้อเสนอดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความพร้อมของประเทศไทย แต่ยังเป็นการปักหมุดหมายสำคัญเพื่อก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำด้านธรรมาภิบาล AI” ในระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก โดยศูนย์ AIGPC ที่นำเสนอนี้ จะมีบทบาทหลัก 3 ประการ คือ:

  1. เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนนโยบายและแนวปฏิบัติ (Policy Exchange Hub): ทำหน้าที่เป็นเวทีกลางให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ นโยบาย และแนวทางการกำกับดูแลการใช้ AI ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างมาตรฐานกลางที่ยอมรับร่วมกัน
  2. เป็นศูนย์สร้างและพัฒนาศักยภาพกำลังคน (Capacity Building Center): มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความรู้ความเข้าใจด้าน AI และจริยธรรม AI ให้แก่บุคลากรทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้กำหนดนโยบาย นักพัฒนา ไปจนถึงผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง
  3. เป็นศูนย์ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม (Ethical Tech Advancement Hub): สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบ ปลอดภัย โปร่งใส และคำนึงถึงมิติทางสังคมและสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ

การเสนอจัดตั้งศูนย์ AIGPC นี้สอดรับกับวัตถุประสงค์หลักของการประชุม ที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ที่มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม และครอบคลุมทุกภาคส่วน (Responsible, Ethical, and Inclusive AI)

AIGPC

ถอดรหัสนัยยะทางเศรษฐกิจ: AIGPC ประตูสู่ฮับเศรษฐกิจดิจิทัล

การผลักดันให้ไทยเป็นที่ตั้งของศูนย์ AIGPC มีนัยยะสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในหลายมิติ การมีศูนย์กลางด้านธรรมาภิบาล AI ระดับภูมิภาคตั้งอยู่ในประเทศ จะส่งผลดีทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้

  • สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุน (Boosting Investor Confidence): ในยุคที่ข้อมูลคือขุมทรัพย์ และ AI คือเครื่องมือสำคัญในการสร้างมูลค่า นักลงทุนทั่วโลกต่างมองหาประเทศที่มีกรอบการกำกับดูแล AI ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ การมีศูนย์ AIGPC จะเป็นเครื่องการันตีว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะ AI, Data Center และ Cloud Computing ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานที่มีทักษะสูงและเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
  • ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (Enhancing National Competitiveness): ธรรมาภิบาล AI ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถนำ AI ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ภาคการผลิต (Smart Factory) ภาคการเกษตร (Smart Farming) ไปจนถึงภาคบริการที่สำคัญอย่างการเงิน (FinTech) และสาธารณสุข (HealthTech) ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก
  • สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม (Fostering Innovation Ecosystem): ศูนย์AIGPC จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำด้าน AI จากทั่วโลกให้เข้ามาในประเทศไทย ก่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี การร่วมมือวิจัยและพัฒนา และการเติบโตของสตาร์ทอัพด้าน AI ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
  • พัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development): การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรด้าน AI จะช่วยเร่งกระบวนการ Upskill และ Reskill แรงงานไทยให้พร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกยุคใหม่ สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างยิ่ง

ความท้าทายบนเส้นทางสู่ผู้นำ AI

ที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายถึงความท้าทายที่ทุกประเทศต้องเผชิญร่วมกันในการเดินทางสู่ยุค AI นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่าง “การพัฒนาและขับเคลื่อน AI” (AI Development) กับ “การกำกับดูแลและจริยธรรม” (AI Governance & Ethics)

การพัฒนานวัตกรรม AI จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมหาศาลและความรวดเร็วในการทดลอง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีกรอบกำกับดูแลที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ เช่น ปัญหาอคติใน AI (AI Bias), การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การนำไปใช้ในทางที่ผิด และผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยและประชาคมโลกต้องหาคำตอบร่วมกันต่อไป

การที่รองนายกรัฐมนตรีประเสริฐได้ร่วมเป็นประธานในเวทีสำคัญระดับโลก และนำเสนอโครงการจัดตั้งศูนย์AIGPC ในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวที่กล้าหาญและแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยในการไม่เพียงแต่จะเป็น “ผู้ใช้” เทคโนโลยี แต่ต้องการก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้กำหนดทิศทาง” และสร้างมาตรฐานการใช้ AI ที่ดีงามและเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนในระยะยาว

#AI #ปัญญาประดิษฐ์ #AIGovernance #ธรรมาภิบาลAI #เศรษฐกิจดิจิทัล #UNESCO #กระทรวงดีอีเอส #ประเสริฐจันทรรวงทอง #ประเทศไทย #ศูนย์AIGPC #นวัตกรรม #ETDA #Thailand40 #DigitalEconomy

Related Posts