AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครือข่าย ประกาศเปิดให้บริการ “AIS 5G+” เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC (3 Component Carrier Aggregation) สุดล้ำ ที่ผสาน 3 คลื่นความถี่ 5G เข้าไว้ด้วยกัน สร้างมาตรฐานใหม่ของความเร็วและความเสถียร รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมปูพรมขยายเครือข่าย 5G SA เต็มรูปแบบ และเปิดตัวบริการ VoNR ยกระดับประสบการณ์การสื่อสารไปอีกขั้น
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการโทรคมนาคมไทยและภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีเครือข่ายอัจฉริยะ “AIS 5G+” ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม 5G 3CC (3 Component Carrier Aggregation) ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีการรวมคลื่นความถี่ 3 ย่านมาใช้งานพร้อมกันเป็นครั้งแรก นับเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการอัปเกรดทางเทคนิค แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ AIS ในการนำนวัตกรรมระดับโลกมาสู่ผู้บริโภคชาวไทย โดยเริ่มนำร่องให้บริการแล้วในย่านสาทร ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่มีการใช้งานดาต้าหนาแน่นที่สุดของกรุงเทพมหานคร ก่อนมีแผนจะขยายไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการสูงทั่วประเทศต่อไป
เจาะลึก 5G 3CC เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกการสื่อสาร
หัวใจสำคัญของการเปิดตัว AIS 5G+ ในครั้งนี้ คือเทคโนโลยี 5G 3CC ซึ่งเปรียบเสมือนการขยายช่องจราจรบนถนนดิจิทัลให้กว้างขึ้นหลายเท่าตัว โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำการผสานคลื่นความถี่ 5G ที่ AIS ถือครองอยู่ 3 ย่าน ได้แก่ คลื่น 2600 MHz, 2100 MHz และ 700 MHz เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
การรวมคลื่นความถี่ทั้งสามย่านนี้ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อผู้ใช้งาน โดยคุณสมบัติเด่นของแต่ละคลื่นจะถูกนำมาเสริมซึ่งกันและกัน คลื่น 2600 MHz มีจุดเด่นด้านความจุกว้าง (Bandwidth) สูง ทำให้สามารถทำความเร็วได้อย่างเต็มที่ ขณะที่คลื่น 700 MHz มีคุณสมบัติด้านการครอบคลุมพื้นที่ได้ไกลและทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ดี เมื่อนำมารวมกันผ่านเทคโนโลยี 3CC จึงส่งผลให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลของ AIS ระบุว่าเทคโนโลยี 5G 3CC สามารถ เพิ่มความเร็วเฉลี่ยในการใช้งาน (Average Speed) ได้มากกว่า 16% และรองรับปริมาณการใช้งาน (Capacity) ได้เพิ่มขึ้นถึง 23% ตัวเลขดังกล่าวมีความหมายอย่างยิ่งในเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น เช่น ย่านสาทร สีลม หรือศูนย์การค้าต่างๆ ซึ่งผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งวิดีโอความละเอียดสูง การประชุมทางไกล การเล่นเกมออนไลน์ หรือการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ที่จะลื่นไหลและรวดเร็วยิ่งขึ้น แม้ในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “AIS ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ให้ก้าวล้ำอยู่เสมอ เราเดินหน้าเสริมศักยภาพเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลา วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการเปิดตัว 5G+ ด้วยเทคโนโลยี 5G 3CC ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนที่รองรับสามารถเชื่อมต่อกับหลายคลื่นความถี่ได้พร้อมกัน ทำให้ผู้ใช้งานสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งความเร็ว แรง และเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่ย่านสีลม และสาทร เป็นจุดแรก เนื่องจากพบว่าเป็นย่านที่มีการใช้งาน 5G สูง ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป”
ปูพรม 5G SA และ VoNR สู่ “True 5G” เต็มรูปแบบ
นอกจากการเปิดตัว 5G+ 3CC แล้ว AIS ยังได้ประกาศเดินหน้าขยายการให้บริการเครือข่าย 5G SA (Standalone) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นโครงข่าย 5G ที่แท้จริง ไม่ต้องพึ่งพาสัญญาณ 4G (NSA – Non-Standalone) อีกต่อไป การเปลี่ยนผ่านสู่ SA เต็มรูปแบบนี้คือการปลดล็อกศักยภาพของ 5G ได้อย่างสมบูรณ์
โครงข่าย 5G SA มีจุดเด่นที่สำคัญคือ ค่าความหน่วงที่ต่ำมาก (Ultra-Low Latency) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (AR/VR), Cloud Gaming, ยานยนต์ไร้คนขับ และที่สำคัญคือเทคโนโลยี Network Slicing
Network Slicing คือความสามารถในการแบ่งเครือข่ายหลักออกเป็นเครือข่ายย่อย (Slice) สำหรับการใช้งานเฉพาะทาง ซึ่งแต่ละ Slice จะถูกการันตีทรัพยากรและคุณภาพของสัญญาณ (ความเร็ว, ความหน่วง, ความปลอดภัย) ตามความต้องการของแต่ละองค์กร เช่น การแบ่ง Slice สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อควบคุมหุ่นยนต์ในโรงงาน, Slice สำหรับโรงพยาบาลเพื่อการผ่าตัดทางไกล หรือ Slice สำหรับการถ่ายทอดสดอีเวนต์สำคัญ สิ่งนี้จะเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมหาศาล
ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่าย 5G SA ทาง AIS ยังได้เปิดให้บริการ VoNR (Voice over New Radio) หรือการโทรด้วยเสียงผ่านเครือข่าย 5G โดยตรงเป็นรายแรกในไทยอย่างสมบูรณ์ บริการนี้จะยกระดับการโทรศัพท์ไปอีกขั้น ด้วย คุณภาพเสียงคมชัดระดับ HD โทรติดเร็วขึ้น และที่สำคัญคือสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปพร้อมกับการโทรได้อย่างไม่มีสะดุด
นอกจากนี้ VoNR บนเครือข่าย 5G SA ยังมาพร้อมกับความสามารถ Dual SIM Dual Active (DSDA) ที่จะแก้ปัญหาสำคัญของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน 2 ซิม โดยทำให้สามารถรับสายจากซิมที่สองได้ทันที แม้กำลังใช้งานดาต้าจากซิมที่หนึ่งอยู่ก็ตาม การเชื่อมต่อจะไม่ถูกตัดขาดอีกต่อไป
ความพร้อมของ Ecosystem และวิสัยทัศน์ผู้นำ
ความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี 5G+ 3CC มาให้บริการได้จริงนั้น เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง AIS และพันธมิตรผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับเทคโนโลยีดังกล่าว โดยปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่รองรับแล้ว รวมกว่า 600,000 เครื่อง และมีสมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่สามารถแสดงสัญลักษณ์ “5G+” บนหน้าจอได้ทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ AIS อาทิ Samsung Galaxy S24 Series และรุ่นใหม่ๆ, HONOR, iQOO, OPPO, realme และ vivo รุ่นเรือธงต่างๆ
นายวสิษฐ์ กล่าวสรุปถึงทิศทางในอนาคตว่า “การเปิดตัว AIS 5G+ พร้อมทั้งการขยายเครือข่าย 5G SA และบริการ VoNR ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของ AIS ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่มุ่งยกระดับโครงข่ายสู่มาตรฐานใหม่ของประเทศ พร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารที่รวดเร็ว ทรงพลัง และครอบคลุมทุกพื้นที่การใช้งาน ด้วยแนวคิด ‘ทุกจุดที่มีคนใช้งาน ต้องมีสัญญาณคุณภาพให้บริการ’ โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุม ให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าในทุกมิติ”
การลงทุนและพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งของ AIS ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อผู้ใช้งานทั่วไปกว่า 45.7 ล้านเลขหมาย และลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านอีกกว่า 5.1 ล้านราย แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลต่อไป
#AIS5G #AIS5GPlus #5G3CC #5GSA #VoNR #เครือข่ายอัจฉริยะ #ผู้นำ5G #เศรษฐกิจดิจิทัล #วสิษฐ์วัฒนศัพท์ #เทคโนโลยี #ข่าวเศรษฐกิจ