AIS ผนึกรัฐ-กสทช. คุมเข้มสัญญาณชายแดนสระแก้ว สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

AIS ผนึกรัฐ-กสทช. คุมเข้มสัญญาณชายแดนสระแก้ว สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

AIS จับมือภาครัฐและ กสทช. ลงพื้นที่ชายแดนสระแก้ว โชว์มาตรการคุมเข้มสัญญาณมือถือสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากากรรมออนไลน์ ตอกย้ำภารกิจความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมแผนดูแลลูกค้าในพื้นที่ไม่ให้รับผลกระทบ สะท้อนบทบาทองค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทย

สถานการณ์อาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ ได้ทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศไทยเป็นมูลค่ามหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้เกิดปัญหาดังกล่าว คือการใช้สัญญาณโทรคมนาคมจากฝั่งไทยในการก่ออาชญากรรมจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การควบคุมคุณภาพและทิศทางของสัญญาณในพื้นที่ชายแดนกลายเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ล่าสุด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือAIS ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลชั้นนำของประเทศ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการร่วมสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของภาครัฐอย่างเต็มกำลัง โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ทีมผู้บริหารและวิศวกรภูมิภาคของAIS ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลงพื้นที่ชายแดนอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญติดกับชายแดนประเทศกัมพูชา การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้เป็นไปตามมาตรฐานความมั่นคง

ความพิเศษของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ คือการได้รับเกียรติจาก

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้ร่วมเดินทางมาติดตามการปฏิบัติงานและมอบนโยบายด้วยตนเอง สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามแดน และมองว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในการตัดวงจรของกลุ่มมิจฉาชีพ

เจาะลึกมาตรการ AIS คุมเข้มสัญญาณชายแดน

AISได้ชี้แจงถึงการดำเนินงานที่สอดรับกับมาตรการของ กสทช. อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยรั่วไหลข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม โดยมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนและครอบคลุมในหลายมิติ ดังนี้

  1. การควบคุมทิศทางและกำลังส่งสัญญาณ (Antenna Control): AIS ได้ใช้เทคโนโลยีในการควบคุมทิศทางการแพร่กระจายของสัญญาณ (Beam Forming) จากเสาส่งสัญญาณในพื้นที่ชายแดนให้พุ่งตรงเข้ามาในเขตประเทศไทยเท่านั้น พร้อมกันนี้ยังมีการปรับลดระดับความสูงและกำลังส่งของสายอากาศ (Antenna Tilting & Power Reduction) เพื่อจำกัดขอบเขตของสัญญาณไม่ให้ล้ำแดนออกไป ซึ่งเป็นมาตรการทางเทคนิคที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  2. การควบคุมการเชื่อมต่อข้ามประเทศ (Cross-Border Connectivity): การเชื่อมต่อสัญญาณข้ามแดนทุกรูปแบบจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น เพื่อปิดช่องโหว่การลักลอบใช้งานในลักษณะโรมมิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์
  3. ความเข้มงวดในการลงทะเบียนซิม (SIM Registration Scrutiny): AISได้เพิ่มกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองการลงทะเบียนซิมการ์ดใหม่ในพื้นที่เสี่ยงให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการซื้อซิมการ์ดจำนวนมากในนามบุคคลอื่น (ซิมม้า) แล้วนำไปส่งต่อให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้งาน ซึ่งถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของขบวนการ

เดินหน้าพัฒนาเครือข่าย ควบคู่การดูแลลูกค้าในพื้นที่

แม้จะมีมาตรการควบคุมสัญญาณที่เข้มข้น แต่AIS ตระหนักดีถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและลูกค้าที่อาศัยและประกอบธุรกิจในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้การสื่อสารของคนไทยในพื้นที่ยังคงมีประสิทธิภาพและไม่สะดุด AIS ได้เตรียมแผนรองรับผลกระทบไว้อย่างรอบด้าน

  • เสริมศักยภาพเครือข่ายเพื่อความมั่นคง: AISได้ดำเนินการขยายสัญญาณ 4G และ 5G ในพื้นที่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการสื่อสารให้การปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตรวจสอบ และเฝ้าระวังเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
  • ติดตั้งสถานีฐานขนาดเล็ก (Small Cell): ในบริเวณที่อาจเป็นจุดอับสัญญาณอันเนื่องมาจากการปรับลดกำลังส่งของเสาหลัก AISจะทำการติดตั้งสถานีฐานขนาดเล็ก หรือ Small Cell เพื่อเติมเต็มสัญญาณและสร้างความมั่นใจว่าประชาชนจะยังสามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง
  • จัดรถสถานีฐานเคลื่อนที่ (Mobile Base Station): ในกรณีที่ต้องการเสริมสัญญาณเฉพาะจุดหรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน AISได้เตรียมรถสถานีฐานเคลื่อนที่ (Cell on Wheels) เพื่อเข้าไปให้บริการ ทำให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างไม่ขาดตอน

จากความมั่นคงชายแดน สู่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัล

การดำเนินการของAIS ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสนองตอบนโยบายภาครัฐในมิติของความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรในการมุ่งสู่การเป็น องค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Cognitive Tech-Co) ที่มองเห็นภาพใหญ่ของประเทศเป็นสำคัญ

การสร้างเกราะป้องกันทางไซเบอร์ตั้งแต่แนวชายแดน คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศโดยรวม เมื่อประชาชนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของโครงข่ายการสื่อสาร ย่อมส่งผลให้เกิดความกล้าที่จะทำธุรกรรมออนไลน์ ใช้บริการดิจิทัลต่างๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่างAIS, ภาครัฐ และ กสทช. ในครั้งนี้ จึงเป็นต้นแบบที่สำคัญของการบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ โดยใช้เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ผลประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่กับประชาชนและประเทศไทยในการก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและปลอดภัย

ทั้งนี้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือAIS เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลชั้นนำของไทย มีฐานลูกค้ารวมกว่า 50.8 ล้านราย (ข้อมูล ณ มีนาคม 2568) แบ่งเป็นธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครือข่าย 5G ที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดในไทย รวม 1460 MHz จำนวน 45.7 ล้านเลขหมาย, ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง AIS 3BB FIBRE3 จำนวน 5.1 ล้านราย, ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร และธุรกิจบริการดิจิทัล

#AIS #AIS5G #กสทช #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #สระแก้ว #อรัญประเทศ #สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เศรษฐกิจดิจิทัล #CognitiveTechCo #แพทองธารชินวัตร

Related Posts