ศึกชิงคลื่น 4.1 หมื่นล้าน! AIS – TRUE ทุ่มทุนเสริมทัพ สรุปใครมีอะไร

ศึกชิงคลื่น 4.1 หมื่นล้าน! AIS – TRUE ทุ่มทุนเสริมทัพ สรุปใครมีอะไร

ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับการประมูลคลื่นความถี่ครั้งสำคัญของประเทศไทยในปี 2568 ด้วยเม็ดเงินสะพัดกว่า 41,273 ล้านบาท กสทช. เคาะรับรองผลในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ โดยมีเพียงสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมอย่าง AIS และ TRUE ที่เข้าร่วมชิงชัยและคว้าชัยในย่านความถี่สำคัญไปครอง การทุ่มทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่าย 5G ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันที่ดุเดือดในอนาคต พร้อมปรับภูมิทัศน์การถือครองคลื่นความถี่ของผู้ให้บริการแต่ละรายอย่างมีนัยสำคัญ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำโดย ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่ในย่าน 850 MHz, 1500 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz ซึ่งถือเป็นคลื่นยุทธศาสตร์ที่มีผลต่อคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือโดยตรง การประมูลที่ใช้เวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ 09.30 น. ถึง 10.48 น. ได้ผู้ชนะที่ยอมทุ่มเม็ดเงินมหาศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการให้บริการ

ผลการประมูลสะท้อนภาพการแข่งขันที่ชัดเจนระหว่างสองผู้เล่นหลัก โดย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AIS คว้าชัยในย่าน 2100 MHz จำนวน 3 ชุดคลื่นความถี่ ในช่วง 1965-1980 MHz คู่กับ 2155-2170 MHz (ขนาดแบนด์วิดท์รวม 2×15 = 30 MHz) ด้วยราคาที่เคาะสุดท้ายสูงถึง 14,850,000,010 บาท การได้มาซึ่งคลื่นย่านนี้เพิ่มเติม ถือเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของ AIS ใน “ย่านความถี่ทองคำ” ที่มีความสมดุลทั้งในด้านความครอบคลุม (Coverage) และความจุ (Capacity) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการให้บริการในพื้นที่เมืองที่มีความหนาแน่นสูง

ในขณะที่ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TRUE แสดงความต้องการคลื่นอย่างชัดเจนด้วยการทุ่มทุนคว้าชัยใน 2 ย่านความถี่สำคัญ รวมมูลค่ากว่า 26,424 ล้านบาท โดยสามารถชนะการประมูลในย่าน 2300 MHz ซึ่งเป็นคลื่นย่านกลางที่มีความจุมหาศาล (TDD) ได้ไปถึง 7 ชุดคลื่นความถี่ ในช่วง 2300-2370 MHz (ขนาดแบนด์วิดท์รวม 70 MHz) ด้วยราคาสูงที่สุดในการประมูลครั้งนี้ที่ 21,770,000,168 บาท นอกจากนี้ TRUE ยังชนะการประมูลย่าน 1500 MHz ซึ่งเป็นคลื่นสำหรับเสริมการดาวน์โหลด (Supplementary Downlink: SDL) ไปอีก 4 ชุดคลื่นความถี่ ในช่วง 1452-1472 MHz (ขนาดแบนด์วิดท์รวม 20 MHz) ด้วยราคา 4,653,960,168 บาท

ที่น่าสนใจคือ คลื่นความถี่กลุ่มที่ 1 ย่าน 850 MHz ซึ่งเป็นคลื่นย่านความถี่ต่ำที่โดดเด่นด้านความครอบคลุม กลับไม่มีผู้ให้บริการรายใดเข้าร่วมการประมูลเลยแม้แต่รายเดียว สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการอาจมองว่าคลื่นย่านความถี่ต่ำที่ตนเองมีอยู่ ทั้งย่าน 700 MHz และ 900 MHz นั้นเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรืออาจมองว่าการลงทุนในคลื่นย่านกลางและย่านสูงมีความคุ้มค่ามากกว่าในเชิงยุทธศาสตร์การให้บริการ 5G ในปัจจุบัน

AIS

อัพเดทขุมกำลังคลื่นในมือ: ใครมีเท่าไหร่หลังประมูล?

ผลจากการประมูลครั้งประวัติศาสตร์นี้ ทำให้จำนวนคลื่นความถี่ในมือของผู้ให้บริการแต่ละรายเปลี่ยนแปลงไป และนี่คือภาพรวมขุมกำลังล่าสุดที่จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพบริการและความได้เปรียบทางการแข่งขันในอีกหลายปีข้างหน้า

AIS: เสริมทัพย่าน 2100 MHz รวมคลื่นในมือมากที่สุดที่ 1490 MHz

AIS ยังคงสถานะเป็นผู้ถือครองคลื่นความถี่รวมมากที่สุดในอุตสาหกรรม การชนะประมูลคลื่น 2100 MHz เพิ่มเติมอีก 30 MHz (2×15 MHz) ทำให้พอร์ตโฟลิโอคลื่นของ AIS มีความสมบูรณ์และแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก

  • 700 MHz: 2×20 = 40 MHz (คลื่นย่านต่ำ ครอบคลุมทั่วประเทศ)
  • 900 MHz: 2×10 = 20 MHz (คลื่นย่านต่ำ เสริมความครอบคลุม)
  • 1800 MHz: 2×20 = 40 MHz (คลื่นย่านกลาง สมดุลระหว่างความเร็วและความครอบคลุม)
  • 2100 MHz: 2×45 = 90 MHz (จากเดิม 60 MHz + ประมูลใหม่ 30 MHz) (คลื่นย่านกลาง ความจุสูง)
  • 2600 MHz (TDD): 100 MHz (คลื่น 5G หลัก ความเร็วสูง ความจุมหาศาล)
  • 26 GHz (mmWave): 1200 MHz (คลื่นย่านสูงมาก รองรับการใช้งานหนาแน่นเฉพาะจุด)
  • รวมคลื่นความถี่ทั้งหมด: 1490 MHz

การมีคลื่น 2100 MHz ที่กว้างถึง 90 MHz ทำให้ AIS สามารถบริหารจัดการโครงข่ายในเขตเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความแออัด และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น ผนวกกับคลื่น 2600 MHz ที่มีอยู่เดิม 100 MHz ทำให้ AIS มีขุมกำลังคลื่นย่านกลางที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

TRUE: ทุ่มสุดตัวรักษาฐานที่มั่นสำคัญ รวมคลื่น 1350 MHz

แม้จำนวนคลื่นรวมของ TRUE จะอยู่ที่ 1350 MHz แต่การทุ่มเงินกว่า 2.6 หมื่นล้านบาทในครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการ “การันตี” สิทธิ์ในการใช้งานคลื่นความถี่ที่เคยเป็นลักษณะของการเช่าใช้หรือมีความไม่แน่นอน ให้กลายมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองอย่างสมบูรณ์

  • 700 MHz: 2×20 = 40 MHz
  • 900 MHz: 2×15 = 30 MHz
  • 1500 MHz (SDL): 20 MHz (ชนะประมูล)
  • 1800 MHz: 2×20 = 40 MHz
  • 2100 MHz: 2×30 = 60 MHz
  • 2300 MHz (TDD): 70 MHz (ชนะประมูล)
  • 2600 MHz (TDD): 90 MHz
  • 26 GHz (mmWave): 1000 MHz
  • รวมคลื่นความถี่ทั้งหมด: 1350 MHz

หัวใจสำคัญของการประมูลสำหรับ TRUE คือการได้สิทธิ์ในคลื่น 2300 MHz มาบริหารจัดการโดยตรง ซึ่งคลื่นผืนใหญ่นี้เป็นอาวุธหลักในการทำความเร็ว 4G/5G และรองรับการใช้งานดาต้าจำนวนมหาศาล ขณะที่การได้คลื่น 1500 MHz มาเสริมทัพ จะช่วยเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการปิดความเสี่ยงและสร้างเสถียรภาพให้กับโครงข่ายในระยะยาว

NT: อาจจะปรับบทบาท สู่ผู้ให้บริการโครงข่ายเฉพาะทาง

สำหรับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT สถานการณ์หลังวันที่ 3 สิงหาคม 2568 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยคลื่นที่เคยอยู่ในความดูแลและนำมาให้เอกชนร่วมใช้งาน จะสิ้นสุดลงและถูกนำกลับมาจัดสรรใหม่ในการประมูลครั้งนี้ ทำให้ NT จะเหลือคลื่นความถี่ในมือสำหรับให้บริการดังนี้

  • 700 MHz: 2×5 = 10 MHz
  • 26 GHz: 400 MHz
  • รวมคลื่นความถี่ทั้งหมด: 410 MHz

ด้วยจำนวนคลื่นที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะการขาดคลื่นย่านกลาง (Mid-band) ที่เป็นหัวใจของ 5G อาจจะทำให้บทบาทของ NT ในตลาดผู้บริโภคทั่วไปจะลดน้อยลง และมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่การเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายแก่หน่วยงานภาครัฐ (Wholesale) หรือบริการเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของหน่วยงานโทรคมนาคมของรัฐในหลายประเทศ

บทวิเคราะห์และผลกระทบต่ออนาคต

การทุ่มทุนกว่า 4.1 หมื่นล้านบาทในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า AIS และ TRUE มองว่า “คลื่นความถี่” คือหัวใจสำคัญและเป็นสินทรัพย์ที่ขาดไม่ได้ในการแข่งขันยุคดิจิทัล การลงทุนนี้จะส่งผลกระทบในหลายมิติ

  1. สำหรับผู้บริโภค: การแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างสองค่ายใหญ่ จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคจะได้สัมผัสประสบการณ์ 5G ที่เร็วขึ้น เสถียรขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น โปรโมชั่นด้านราคาและการเสนอบริการเสริมต่างๆ จะยังคงดุเดือดต่อไปเพื่อดึงดูดและรักษาฐานลูกค้า
  2. สำหรับอุตสาหกรรม: ภาพของตลาดโทรคมนาคมไทยที่มีผู้เล่นรายใหญ่สองราย (Duopoly) จะยิ่งชัดเจนและแข็งแกร่งขึ้น การลงทุนมหาศาลกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่ทำให้ผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นได้ยากมาก
  3. สำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล: โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งคือเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจดิจิทัล การมีโครงข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การแพทย์ การศึกษา และความบันเทิง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของประเทศในระยะยาว

การประมูลครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย สงครามชิงคลื่นความถี่จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะ “คลื่นย่าน 3500 MHz” ซึ่งถือเป็นคลื่น 5G มาตรฐานโลกที่หลายฝ่ายจับตามองว่าจะถูกนำมาประมูลเมื่อใด การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ กสทช. และผู้ประกอบการ จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่กำหนดอนาคตของวงการโทรคมนาคมไทยต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย

#กสทช #ประมูลคลื่น #AIS #TRUE #คลื่นความถี่ #5G #เศรษฐกิจดิจิทัล #NT #สรุปผลประมูลคลื่น

Related Posts