บอร์ดกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) มีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2567 พร้อมรับนโยบาย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ในการรวบรวมโครงการที่ประสบความสำเร็จ ถอดบทเรียนเป็นต้นแบบให้หน่วยงานรัฐนำไปต่อยอด ขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้าน สตง. รับรองรายงานการเงินโปร่งใส ขณะที่กองทุนฯ เตรียมรับความท้าทายใหม่ด้วยตัวชี้วัดปี 2568 ที่เข้มข้นขึ้น
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี และ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) พร้อมคณะกรรมการและผู้บริหารเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
วาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ คือการพิจารณาและรับทราบผลการดำเนินงานของกองทุนดีอีตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางรากฐานและขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลจำนวนมากของประเทศ
เห็นชอบผลงานปี 2567 พร้อมสั่งการสร้าง “โครงการต้นแบบ”
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานประจำปี 2567 ซึ่งสรุปภาพรวมการดำเนินงานของกองทุนฯ ได้อย่างครบถ้วน ทั้งในมิติของกรอบนโยบายการให้ทุนสนับสนุน และข้อมูลสรุปการอนุมัติโครงการตลอดทั้งปี
ยิ่งไปกว่านั้น นายประเสริฐได้มอบนโยบายที่ถือเป็นทิศทางสำคัญในการดำเนินงานต่อไป โดยสั่งการให้กองทุนฯ ดำเนินการรวบรวมโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนและประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้าง เพื่อนำมาจัดทำเป็น “โครงการต้นแบบ” (Model Projects)
“ผมได้มอบนโยบายให้กองทุนฯ ไปดำเนินการรวบรวมผลการดำเนินโครงการที่ผ่านการพิจารณา และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ แล้วประสบความสำเร็จในวงกว้าง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้มีต้นแบบและสามารถนำโครงการดังกล่าวไปปรับใช้ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะปัจจุบัน” นายประเสริฐกล่าว
แนวทางดังกล่าวสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้การลงทุนด้านดิจิทัลของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่การสนับสนุนเป็นรายโครงการแล้วสิ้นสุดไป แต่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ที่สามารถทำซ้ำและขยายผลได้ (Scalability and Replicability) เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของภาครัฐ เพิ่มประสิทธิภาพ และเร่งสปีดการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี
เจาะลึกความสำคัญของ “กองทุนดีอี” กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นแหล่งทุนสำหรับการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลฯ ภารกิจของกองทุนฯ ครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล, การพัฒนากำลังคนดิจิทัล, ไปจนถึงการสร้างสังคมคุณภาพที่เท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ที่ผ่านมา กองทุนดีอีได้สนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมากมาย ทั้งในภาคการเกษตร, สาธารณสุข, การศึกษา, และการยกระดับบริการภาครัฐ เช่น โครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม Big Data และ AI เพื่อการบริหารงานภาครัฐ, โครงการส่งเสริมทักษะแรงงานดิจิทัล, และโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งล้วนเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย “Thailand 4.0” ที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ดังนั้น การสร้าง “โครงการต้นแบบ” ตามนโยบายของนายประเสริฐ จึงเป็นการยกระดับการทำงานของกองทุนฯ ไปอีกขั้น จากผู้ให้ทุน (Funder) สู่การเป็นผู้สร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ (Ecosystem Builder) ให้กับหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ
สถานะการเงินมั่นคง “สตง.” รับรองความถูกต้อง โปร่งใส
ในมิติของความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารกองทุนสาธารณะ ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงผลการตรวจสอบรายงานการเงินของกองทุนฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
“สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้แสดงความเห็นของรายงานการเงินดังกล่าวนี้ ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐ และนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด” ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ กล่าว
การรับรองจาก สตง. ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงธรรมาภิบาล (Good Governance) และวินัยทางการเงินของกองทุนฯ สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนว่าเม็ดเงินที่ใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลของประเทศได้ถูกบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ โดยหลังจากนี้ รายงานดังกล่าวจะถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป
ก้าวสู่ปี 2568 กับ “KPI” ที่ท้าทายกว่าเดิม
นอกเหนือจากการสรุปผลงานในปีที่ผ่านมา ที่ประชุมยังได้มองไปข้างหน้าถึงการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะมาพร้อมกับกรอบการประเมินผลที่เข้มข้นและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการ สดช. ได้กล่าวถึงการจัดทำตัวชี้วัดผู้บริหารทุนหมุนเวียน (KPI) ประจำปีบัญชี 2568 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้กำหนดกรอบหลักเกณฑ์ขึ้นเพื่อให้การประเมินผลทุนหมุนเวียนทั่วประเทศมีมาตรฐานและเชื่อมโยงกับเป้าหมายระดับองค์กร
กรอบการประเมินผลดังกล่าวประกอบด้วย 4 มิติหลัก ได้แก่:
- ด้านการเงิน (Financial Perspective): วัดผลสำเร็จที่เป็นตัวเงิน เช่น ประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ, อัตราการเบิกจ่าย, หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการที่สร้างรายได้
- ด้านการปฏิบัติการ (Operational Perspective): วัดประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน เช่น ระยะเวลาในการอนุมัติโครงการ, คุณภาพในการติดตามและประเมินผล, และผลลัพธ์ (Outcome) ของโครงการที่สนับสนุน
- ด้านการสนองตอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Perspective): วัดระดับความพึงพอใจของผู้รับบริการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ขอรับทุนไปจนถึงประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ
- ด้านการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน (Fund Management Perspective): วัดขีดความสามารถในการบริหารองค์กร, การบริหารความเสี่ยง, และการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
นายเวทางค์ยอมรับว่า “ตัวชี้วัดเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายที่กองทุนจะต้องนำให้สำเร็จต่อไป” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานการทำงานของกองทุนดีอีให้ทัดเทียมสากลและสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของสังคมได้อย่างแท้จริง
โดยสรุป การประชุมบอร์ดกองทุนดีอีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับรองผลการดำเนินงานที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการวางเข็มทิศสำหรับอนาคตที่ชัดเจน ทั้งการสร้างองค์ความรู้ผ่านโครงการต้นแบบ การรักษามาตรฐานความโปร่งใสด้านการเงิน และการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่านเกณฑ์การประเมินผลที่ท้าทาย ซึ่งทั้งหมดนี้คือฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ “เศรษฐกิจดิจิทัล” ของประเทศไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
#กองทุนดีอี #กระทรวงดีอี #เศรษฐกิจดิจิทัล #ประเสริฐจันทรรวงทอง #ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #ThailandDigital #KPI #รัฐบาลดิจิทัล