ซีพีแรม ตอกย้ำ 12 ปี ปลูกป่า สร้างเศรษฐกิจสีเขียวขอนแก่น

ซีพีแรม ตอกย้ำ 12 ปี ปลูกป่า สร้างเศรษฐกิจสีเขียวขอนแก่น

ซีพีแรม (CPRAM) เดินหน้าโครงการ “CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ปักหมุดจังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่ล่าสุดในการสร้างปราการสีเขียว สะท้อนวิสัยทัศน์ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารที่ไม่ได้มองเพียงกำไร แต่มุ่งสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการปลูกและแจกต้นกล้ากว่า 2,000 ต้น พร้อมชูโมเดลความร่วมมือระหว่างรัฐ-เอกชน-ชุมชน เป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค

ในยุคที่กระแสความยั่งยืน (Sustainability) และหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) ไม่ใช่เป็นเพียงทางเลือก แต่กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทานของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง ผ่านการจัดกิจกรรม “CPRAM GREEN LIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน (ปลูก รักษ์ เพื่อชุมชน)” ซึ่งนับเป็นปีที่ 12 ของการดำเนินโครงการอย่างไม่หยุดยั้ง โดยครั้งนี้ได้เลือกพื้นที่โรงเรียนบ้านดอนแดงดอนน้อยวิทยา จังหวัดขอนแก่น เป็นหมุดหมายสำคัญในการขยายพื้นที่สีเขียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของเศรษฐกิจชุมชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยได้รับเกียรติจากนายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิด สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและความร่วมมืออันดีจากภาครัฐในการขับเคลื่อนวาระแห่งความยั่งยืนร่วมกัน

เจาะลึก “ปลูก รักษ์ เพื่อชุมชน” ที่ขอนแก่น: มากกว่าการปลูก คือการสร้างคุณค่า

การกลับมาของโครงการในปีที่ 12 นี้ ซีพีแรมได้ทำการปลูกและแจกจ่ายกล้าไม้จำนวนกว่า 2,000 ต้น ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่การคัดเลือกพันธุ์ไม้ที่ผสมผสานระหว่าง “ไม้เศรษฐกิจ” และ “ไม้พื้นถิ่น” การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อระบบนิเวศและบริบทของชุมชน

  • ไม้เศรษฐกิจ: เป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นจากการใช้เนื้อไม้ ผลผลิต หรือส่วนต่างๆ ของต้นไม้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและชุมชน ช่วยลดปัญหาความยากจนและส่งเสริมให้คนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้จากทรัพยากรที่ร่วมกันปลูก
  • ไม้พื้นถิ่น: มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศในท้องถิ่น เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ทนทานต่อโรคและแมลง ช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและอาหารของสิ่งมีชีวิตในพื้นที่

ดังนั้น การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มจำนวนต้นไม้ แต่เป็นการ “ปลูก” รากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการ “รักษ์” ษาสมดุลของระบบนิเวศ เพื่อประโยชน์สุขของ “ชุมชน” อย่างแท้จริง

ซีพีแรมเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืนนั้นไม่สามารถวัดได้จากตัวเลขผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสะท้อนผ่านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบคุณค่าทางโภชนาการ ความอร่อย และความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคและสังคมโดยรวม การมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานจึงดำเนินไปพร้อมกับการใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

12 ปีแห่งความมุ่งมั่น: สถิติที่สะท้อนความสำเร็จและผลกระทบเชิงบวก

ความต่อเนื่องคือบทพิสูจน์ของความจริงใจ โครงการ “CPRAM GREEN LIFE” ที่ดำเนินมาครบ 12 ปี ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกที่สามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรม จากข้อมูลที่ซีพีแรมเปิดเผย โครงการนี้ได้ทำการปลูกต้นไม้ไปแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า 53,712 ต้น บนพื้นที่ป่ากว่า 220 ไร่ทั่วประเทศ

หากประเมินในเชิงสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ 1 ต้นโดยเฉลี่ยสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 22 กิโลกรัมต่อปี นั่นหมายความว่าต้นไม้ที่ซีพีแรมปลูกไปแล้วกว่า 50,000 ต้น จะสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 1,180 ตันต่อปี ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและสร้างสมดุลให้กับโลก

นอกจากการปลูกแล้ว ซีพีแรมยังได้แจกจ่ายต้นกล้าไม้ให้กับชุมชนและผู้ที่สนใจไปแล้วสะสมรวมกว่า 86,349 ต้น ตัวเลขนี้มีความหมายมากกว่าแค่จำนวนต้นกล้า แต่มันคือการกระจายโอกาสในการสร้างพื้นที่สีเขียวออกไปในวงกว้าง สร้าง “ทูตสิ่งแวดล้อม” ในระดับครัวเรือนและชุมชนนับแสนรายทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น

ซีพีแรม

พลังแห่งความร่วมมือ: โมเดลรัฐ-เอกชน-ชุมชน สู่เป้าหมายร่วมกัน

ความสำเร็จของกิจกรรมที่จังหวัดขอนแก่นในครั้งนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นได้จากซีพีแรมเพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจากพลังแห่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้แก่

  • ภาครัฐ: จังหวัดขอนแก่น และกรมป่าไม้ ที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านนโยบาย องค์ความรู้ทางวิชาการ และการประสานงานในพื้นที่
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: องค์การบริหารส่วนตำบลดอนหัน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด ช่วยให้การดำเนินงานสอดคล้องกับความต้องการและบริบทของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง
  • สถาบันการศึกษาและชุมชน: โรงเรียนบ้านดอนแดงดอนน้อยวิทยา ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของเยาวชน การจัดกิจกรรมในโรงเรียนไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับคนรุ่นใหม่โดยตรง

โมเดลความร่วมมือนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้โครงการเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน เพราะไม่ใช่เป็นการที่ภาคเอกชนเข้าไปทำกิจกรรมแล้วจบไป แต่เป็นการสร้างเครือข่ายที่ทุกฝ่ายรู้สึกเป็นเจ้าของและพร้อมที่จะดูแลรักษาต้นไม้เหล่านี้ให้เติบโตต่อไปในอนาคต

จากโรงงานสู่ผืนป่า: วิสัยทัศน์ผู้นำที่เชื่อมโยงธุรกิจอาหารกับความยั่งยืนของโลก

ในฐานะองค์กรธุรกิจชั้นนำด้านอาหาร ซีพีแรมได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าการผลิตและจำหน่ายสินค้า การลงทุนในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของตนเองในระยะยาว เพราะความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สมดุล ย่อมส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและความมั่นคงของวัตถุดิบทางการเกษตร ซึ่งเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมอาหาร

กิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงบทบาทของซีพีแรมในการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน บริษัทไม่ได้วางรากฐานเพื่อการเติบโตของธุรกิจในวันนี้เท่านั้น แต่กำลังวางรากฐานของสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต

การเดินทางบนเส้นทางสีเขียวกว่าทศวรรษของซีพีแรมได้พิสูจน์แล้วว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจขององค์กรสามารถดำเนินควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกใบนี้ได้อย่างงดงาม และเป็นแรงบันดาลใจให้องค์กรอื่นๆ หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความมั่งคงของสังคมและประเทศชาติต่อไป

#ซีพีแรม #CPRAM #CPRAMGREENLIFE #ปลูกเพื่อโลกยั่งยืน #ปลูกรักษ์เพื่อชุมชน #ความยั่งยืน #ESG #เพิ่มพื้นที่สีเขียว #ข่าวเศรษฐกิจ #CSR #ซีพีแรมขอนแก่น #ปลูกป่า #โลกร้อน #สิ่งแวดล้อม

Related Posts