ดีอี โชว์ผลปราบโจรออนไลน์ ความเสียหายลดฮวบ เล็งคุมพนันออนไลน์เข้าระบบ

ดีอี โชว์ผลปราบโจรออนไลน์ ความเสียหายลดฮวบ เล็งคุมพนันออนไลน์เข้าระบบ

รองนายกฯ และ รมว.ดีอี เผยความสำเร็จปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ความเสียหายจากภัยออนไลน์ลดลงจากวันละ 100 ล้านบาท เหลือ 30-40 ล้านบาทต่อวัน เตรียมเสนอกฎหมายคุมพนันออนไลน์เข้าระบบรัฐ พร้อมดันร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา เป็นแผนแม่บทจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงผลงานรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง โชว์สถิติความเสียหายลดลงอย่างชัดเจนเหลือเพียง 30-40 ล้านบาทต่อวัน จากเดิมที่เคยสูงถึงวันละกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนงานสำคัญในการเสนอร่างพระราชบัญญัติหลายฉบับ ทั้งแนวคิดการดึงพนันออนไลน์เข้ามาอยู่ในระบบการควบคุมของรัฐเพื่อสร้างรายได้ และการผลักดันร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา ให้เป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ชี้แจงต่อข้อซักถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของรัฐบาล โดยยืนยันถึงความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ โดยกระทรวงดีอีมีการรายงานผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือน

นายประเสริฐกล่าวว่า กระทรวงดีอีได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคาร, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานอื่นๆ โดยมีการประชุมร่วมกันทุกเดือนเพื่อติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด

ผลสำเร็จรูปธรรมจากการบูรณาการปราบปราม “โจรออนไลน์”

รองนายกฯ และ รมว.ดีอี ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานที่สำคัญในการต่อสู้กับภัยออนไลน์ ดังนี้:

  1. ศูนย์ AOC 1441 กลไกหลักสกัดภัยคว้ารางวัลระดับโลก: การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) ผ่านสายด่วน 1441 และยกระดับเป็นศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการรับแจ้งเหตุ รับคำร้องทุกข์ สั่งระงับธุรกรรมทางการเงิน ประสานงานวิเคราะห์ข้อมูล และดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วและครบวงจร ประสิทธิภาพของศูนย์ AOC 1441 ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้รับรางวัล WSIS Prize 2025 จากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ในฐานะ Champion Project ประเภท Category 5: Building confidence and security in the use of ICTs ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

  2. เสริมเกราะกฎหมายใหม่ ปิดช่องโหว่อาชญากร: มีการผลักดันกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 กฎหมายทั้งสองฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมยุคดิจิทัลให้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพ

  3. สถิติการจับกุมและระงับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง:

    • การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี: ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึง เมษายน 2568 มีการจับกุมผู้กระทำผิดรวมทุกประเภททั้งสิ้น 59,279 ราย โดยในเดือนเมษายน 2568 เพียงเดือนเดียวมีการจับกุมถึง 1,965 ราย
    • การจับกุมคดีพนันออนไลน์: ในช่วงเวลาเดียวกัน (ตุลาคม 2566 – เมษายน 2568) สามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับคดีพนันออนไลน์ได้ 25,519 ราย และเฉพาะเดือนเมษายน 2568 มีการจับกุม 823 ราย
    • การจัดการบัญชีม้าและซิมม้า: ปัญหาบัญชีม้าและซิมม้าซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของแก๊งมิจฉาชีพ ได้รับการแก้ไขอย่างเข้มข้น โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึง เมษายน 2568 มีการจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 6,386 ราย และในเดือนเมษายน 2568 จับกุมได้ 277 ราย
    • การปิดกั้นช่องทางผิดกฎหมาย: ในปีงบประมาณ 2568 (ข้อมูลตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 – 30 เม.ย. 68) กระทรวงดีอีได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปแล้ว 52,106 URLs, เว็บไซต์หลอกลวงออนไลน์ 1,167 URLs และเว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ อีก 39,657 URLs รวมทั้งสิ้น 92,930 URLs นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อขอปิดกั้นเนื้อหาหลอกลวงออนไลน์ โดยมีคำสั่งศาลจำนวน 10,148 URLs และไม่มีคำสั่งศาล (ในส่วนของกระทรวงดีอี) จำนวน 29,526 URLs
    • การอายัดบัญชีม้า ตัดเส้นทางเงิน: มาตรการสกัดกั้นเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยศูนย์ AOC ได้สั่งระงับบัญชีต้องสงสัยชั่วคราวไปแล้ว 383,552 บัญชี (ข้อมูลถึง 30 เม.ย. 68) ขณะที่ ปปง. ได้ดำเนินการอายัดบัญชีไปแล้วจำนวน 767,755 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 68)
    • แก้ไขปัญหาซิมม้าและ SMS หลอกลวง: มีการออกมาตรการเฉพาะเพื่อจัดการกับปัญหาซิมผีหรือซิมม้า รวมถึงการส่งข้อความสั้น (SMS) ที่แนบลิงก์อันตราย

จากความพยายามทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ลดลงเฉลี่ยเหลือประมาณ 30-40 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งนับว่าลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีตที่เคยมีความเสียหายสูงถึงวันละกว่า 100 ล้านบาท นายประเสริฐย้ำว่า การดำเนินการปราบปรามจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และจะมีการออกกฎกระทรวงและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 10 ฉบับ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น

ข้อเสนอ “คุมพนันออนไลน์เข้าระบบ” ลดผลกระทบ สร้างรายได้รัฐ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการพนันออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อบุคคล ครอบครัว และมีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

“ด้านการปราบปรามการพนันออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยกระทรวงดีอี ได้จัดทำข้อเสนอแนะให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดีอี ร่วมกันออกกฎหมายฉบับรอง เพื่อควบคุมการพนันออนไลน์ให้อยู่ในการดูแลของรัฐเท่านั้น ป้องกันเด็ก และเยาวชนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพนันออนไลน์ โดยรัฐบาลสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ และสามารถจัดเก็บรายได้จากการพนันออนไลน์ที่อยู่นอกระบบให้กลับมาอยู่ในระบบการควบคุมและจัดเก็บรายได้ของรัฐตามกฎหมาย เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์เศรษฐกิจและสังคมต่อไป โดยขอเน้นย้ำว่าเป็นเพียงการเสนอแนวคิดในการควบคุมการพนันออนไลน์ที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย และจะมีการดำเนินการหารือเรื่องออกกฎหมายระดับรอง เพื่อการดำเนินการต่อไป” รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าว

แนวคิดดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบทางสังคมจากการพนันที่ผิดกฎหมาย ควบคุมการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน และในขณะเดียวกันก็สามารถนำรายได้จากกิจกรรมเหล่านี้ที่เคยอยู่นอกระบบ กลับเข้ามาสู่ระบบภาษีของรัฐ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ดีอี

เตรียมดัน “ร่าง พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา” เป็นแผนแม่บทรับมือภัยพิบัติ

นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแล้ว รองนายกฯ ประเสริฐ ยังได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันกรมอุตุนิยมวิทยาใช้เครื่องมือตรวจวัดแผ่นดินไหวชนิดแบบคาบยาวซึ่งใช้งานมากว่า 10 ปีแล้ว และกำลังจะมีการจัดหาเครื่องมือใหม่ทดแทนของเดิมที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังแผ่นดินไหวทั้งภายในและนอกประเทศ

ที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงกระบวนการและมาตรฐานการปฏิบัติงาน รวมถึงเกณฑ์การตรวจเฝ้าระวัง เพื่อลดระยะเวลาการแจ้งเตือนภัยให้สามารถสิ้นสุดกระบวนการได้ภายในไม่เกิน 20 นาที ยิ่งไปกว่านั้น กระทรวงดีอีเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติอุตุนิยมวิทยาฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นร่างแรกที่จัดทำขึ้น และคาดว่าจะกลายเป็นแผนแม่บทสำคัญในการกำกับดูแลและบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งหมดของประเทศอย่างเป็นระบบ

ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ควบคู่ไปกับการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการภัยพิบัติ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเศรษฐกิจที่มั่นคง เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม การดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังในทั้งสองมิตินี้ จึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน

#โจรออนไลน์ #ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ #พนันออนไลน์ #กระทรวงดีอี #เศรษฐกิจดิจิทัล #AOC1441 #ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #กฎหมายดิจิทัล #บัญชีม้า #ซิมม้า #ภัยพิบัติ #พรบอุตุนิยมวิทยา #ประเสริฐจันทรรวงทอง

Related Posts