ศึกซูเปอร์คาร์พันล้าน “GT World Challenge Asia” สนามประเทศไทย ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่และสุดมันส์ เมื่อ “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” แห่งรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย จับคู่ทีมเมทชาวอังกฤษ “เบน กรีน” โชว์ฟอร์มระดับโลก ควบรถแข่งเชฟโรเลต คอร์เวทท์ ซีโอ6 จีที3 อาร์ หมายเลข 99 จากสังกัด ยะโฮร์ มอเตอร์สปอร์ต เรซซิ่ง เจเอ็มอาร์ ผงาดคว้าแชมป์ในเรซที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 ท่ามกลางการจับตามองของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างคับคั่ง ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงส่งท้ายสนามประเทศไทยอย่างน่าประทับใจ แต่ยังส่งผลให้ทั้งคู่ทะยานขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมแชมเปียนชิพอีกด้วย นับเป็นข่าวดีที่ช่วยกระตุ้นทั้งวงการกีฬาและเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย
การแข่งขัน “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025” ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์การแข่งขันรถยนต์ประเภทจีทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการจัดการแข่งขันครอบคลุมถึง 4 ทวีป ได้แก่ อเมริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชีย สำหรับในทวีปเอเชียนั้น มีสนามแข่งขันในหลายประเทศที่เป็นหมุดหมายสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ต อาทิ ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, จีน และประเทศไทย การที่ประเทศไทย โดยเฉพาะสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสังเวียนการแข่งขัน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับอีเวนต์กีฬาระดับโลก ซึ่งส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจในหลากหลายมิติ
ความเข้มข้นเรซส่งท้าย และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ
สุดสัปดาห์ของการแข่งขัน จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ณ บุรีรัมย์ กลายเป็นไฮไลต์ที่ดึงดูดความสนใจอย่างล้นหลาม ด้วยทัพนักแข่งกว่า 60 ชีวิตจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมด้วยรถแข่งซูเปอร์คาร์สุดล้ำค่าในคลาส จีที3 จำนวนมากถึง 30 คัน มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท ตบเท้าเข้าประลองความเร็ว การแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะในสนามประเทศไทย และมีผลต่อคะแนนสะสมเพื่อชิงแชมป์ประจำปี
บรรยากาศภายในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เต็มไปด้วยความคึกคัก แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาร่วมชมการแข่งขันถึงขอบสนาม สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับธุรกิจในจังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ขณะเดียวกัน การถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านหลากหลายแพลตฟอร์มไปยังผู้ชมทั่วโลก ก็มีส่วนสำคัญในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และสนามช้างฯ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาในระยะยาว
เกมการแข่งขันในเรซที่ 2 ดำเนินไปอย่างดุเดือดตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม บวกอีก 1 รอบสนาม โดยกริดสตาร์ตในตำแหน่งโพลโพซิชันเป็นของรถแข่ง เชฟโรเลต คอร์เวทท์ ซีโอ6 จีที3 อาร์ หมายเลข 99 สังกัด ยะโฮร์ มอเตอร์สปอร์ต เรซซิ่ง เจเอ็มอาร์ ซึ่งขับโดย “เบน กรีน” ยอดนักขับมากประสบการณ์จากสหราชอาณาจักร และ “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” แห่งยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ขนาบข้างในกริดที่สองด้วยรถแข่ง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม4 จีที3 อีโว หมายเลข 89 จาก ทีม เคอาร์ซี โดยมี “มักซีม ออสเตน” นักขับชาวดัตช์ และทีมเมทชาวจีน “หร่วน ชุ่น ฟั่น” เป็นผู้ขับ
จุดเปลี่ยนสำคัญของเรซเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ต เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถแข่งหลายคันปะทะกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้รถแข่งตัวเต็งถึง 3 คันต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กรรมการต้องส่งรถยนต์นำขบวน (Safety Car) ออกมาวิ่งเพื่อเคลียร์สภาพสนามและดูแลความปลอดภัย ซึ่งกินเวลานานกว่า 10 นาที สถานการณ์เช่นนี้มักสร้างความตื่นเต้นและท้าทายให้กับทีมแข่งในการวางกลยุทธ์ใหม่
หลังจากช่วง Safety Car สิ้นสุดลง การแข่งขันกลับมาดวลกันอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 45 นาทีที่เหลือ ท่ามกลางความกดดันและการขับเคี่ยวอย่างหนักหน่วงในทุกอันดับ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้นำยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดย “เบน กรีน” สามารถรักษาตำแหน่งหัวแถวไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับ “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” ในช่วงพิตสต็อปตามกฎการแข่งขัน ซึ่งเจ้าชายแห่งยะโฮร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สานต่อผลงานอันยอดเยี่ยม ควบรถแข่งเชฟโรเลตคู่ใจเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 56.990 วินาที คว้าแชมป์เรซที่ 2 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ เป็นการปิดท้ายการแข่งขันสนามที่ 3 ของฤดูกาล 2025 ที่บุรีรัมย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ชัยชนะของเจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม และเบน กรีน ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของทีม ยะโฮร์ มอเตอร์สปอร์ต เรซซิ่ง เจเอ็มอาร์ และรถแข่งเชฟโรเลต คอร์เวทท์ ในสมรภูมิซูเปอร์คาร์ระดับทวีป
ผลการแข่งขันและสถานการณ์ลุ้นแชมป์
สำหรับอันดับรองลงมานั้น อันดับที่ 2 ตกเป็นของ “หร่วน ชุ่น ฟั่น” นักแข่งชาวจีน จาก ทีม เคอาร์ซี ที่รับช่วงต่อจาก “มักซีม ออสเตน” ด้วยรถแข่ง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม4 จีที3 อีโว หมายเลข 89 โดยตามหลังผู้ชนะเพียง 0.350 วินาที ถือเป็นการขับเคี่ยวที่สูสีจนถึงวินาทีสุดท้าย ส่วนอันดับที่ 3 ได้แก่ “ไมค์ โจ” นักแข่งชาวจีน และ “ราฟ อารอน” ทีมเมทชาวสแปนิช จากสังกัด ไคลแม็กซ์ เรซซิ่ง ในรถแข่ง เมอร์เซเดส เอเอ็มจี จีที3 อีโว ตามหลังผู้ชนะ 1.223 วินาที
อันดับที่ 4 เป็นของ “ฉี เกา” นักแข่งจีน และ “แดเนียล โมรัด” ทีมเมทชาวแคนาดา จาก คราฟท์ แบมบู เรซซิ่ง ในรถแข่ง เมอร์เซเดส เอเอ็มจี จีที3 อีโว หมายเลข 31 ตามหลัง 2.642 วินาที และอันดับที่ 5 ได้แก่ “แอนโทนี หลิว” นักแข่งจีน และ “โดเรียง บอคโคลาชชี” นักขับชาวฝรั่งเศส ในรถแข่ง ปอร์เช่ 911 จีที3อาร์ (992) หมายเลข 37 จากทีม แฟนธอม โกลบอล เรซซิ่ง ตามหลังผู้ชนะ 6.119 วินาที
ภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน 6 เรซ จาก 3 สนามแรกของฤดูกาล 2025 (โดยทั่วไปแต่ละสนามจะมีการแข่งขัน 2 เรซ) สถานการณ์บนตารางคะแนนสะสมแชมเปียนชิพมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ผลงานอันยอดเยี่ยมในสนามประเทศไทย โดยเฉพาะการคว้าชัยในเรซล่าสุด ทำให้ “เจ้าชายเจฟรี อิบราฮิม” และ “เบน กรีน” ขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูง โดยมีคะแนนรวมทั้งสิ้น 93 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 อย่าง “แอนโทนี หลิว” และ “โดเรียง บอคโคลาชชี” อยู่ 10 คะแนน การลุ้นแชมป์ประจำปียิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น และต้องติดตามกันต่อไปในสนามที่เหลือ
อนาคตและสนามถัดไป
ความสำเร็จของการจัดการแข่งขัน “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย” สนามประเทศไทย ย้ำให้เห็นถึงความพร้อมของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพอีเวนต์มอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิงให้กับแฟนกีฬา แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในเวทีโลก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐและเอกชน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถดึงดูดรายการแข่งขันระดับโลกอื่นๆ เข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับศึก จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2025 สนามถัดไปจะยกทัพนักแข่งและทีมงานไปดวลความเร็วกันที่ สนาม ฟูจิ อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสนามระดับตำนานของโลก โดยมีกำหนดการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม นี้ แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและผลการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางต่างๆ ของผู้จัดการแข่งขัน
การแข่งขันที่บุรีรัมย์ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันรถยนต์ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่ผสมผสานความเป็นเลิศทางกีฬา เทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ และพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
#GTWorldChallengeAsia #Buriram #ChangInternationalCircuit #JefriIbrahim #BenGreen #Motorsport #Supercar #ThailandMotorsport #EconomicImpact #กีฬาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ #ซูเปอร์คาร์พันล้าน #เจ้าชายยะโฮร์ #ยะโฮร์มอเตอร์สปอร์ตเรซซิ่ง #ChevroletCorvetteGT3