Huawei ICT Competition ปั้นอัจฉริยะไอที พลิกโฉมการศึกษารับโลกดิจิทัล

Huawei ICT Competition ปั้นอัจฉริยะไอที พลิกโฉมการศึกษารับโลกดิจิทัล

การแข่งขัน Huawei ICT Competition รอบชิงชนะเลิศระดับโลก ประจำปี 2024–2025 ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ทั่วโลก การแข่งขันปีที่ 9 นี้ ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้ดึงดูดนักศึกษาและอาจารย์กว่า 210,000 คน จากสถาบันการศึกษากว่า 2,000 แห่ง ในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ก่อนที่ผู้เข้าแข่งขัน 179 ทีม จาก 48 ประเทศ จะฝ่าฟันสู่รอบชิงชนะเลิศระดับโลก เพื่อพิสูจน์ความเป็นเลิศทางด้าน ICT สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศสำหรับบุคลากร ICT ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

การแข่งขัน Huawei ICT Competition ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 9 ได้กลายเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของคนหนุ่มสาวในแวดวง ICT ปีนี้มีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนกว่า 210,000 คน จากกว่า 2,000 สถาบันการศึกษา ในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง หลังจากการแข่งขันระดับประเทศและระดับภูมิภาคอย่างเข้มข้น ทีมผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 179 ทีม จาก 48 ประเทศ ได้เดินทางมายังเมืองเซินเจิ้น ศูนย์กลางนวัตกรรมของจีน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลก พวกเขาได้ประชันความรู้ความสามารถใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ การแข่งขันภาคปฏิบัติ (Practice Track), การแข่งขันนวัตกรรม (Innovation Track), และการแข่งขันการเขียนโปรแกรม (Programming Track)

สุดยอดอัจฉริยะไอทีจากทั่วโลกคว้าชัย

หลังจากการแข่งขันอันดุเดือดและเข้มข้นตลอดหลายวัน ในที่สุดคณะกรรมการก็ได้ประกาศรายชื่อทีมผู้ชนะเลิศรางวัลใหญ่ (Grand Prize) ทั้งสิ้น 18 ทีม จาก 9 ประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของบุคลากร ICT คุณภาพสูงทั่วโลก ประเทศที่คว้าชัยชนะประกอบด้วย จีน, แอลจีเรีย, บราซิล, ฟิลิปปินส์, โมร็อกโก, ไนจีเรีย, เซอร์เบีย, แทนซาเนีย และสิงคโปร์

สำหรับรางวัลใหญ่ประเภทนวัตกรรม (Innovation Track Grand Prize) ซึ่งมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ICT เพื่อแก้ไขปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ตกเป็นของทีมจากสถาบันชั้นนำดังนี้:

  • มหาวิทยาลัยแห่งรัฐบูลากัน (Bulacan State University) ประเทศฟิลิปปินส์
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing University of Technology) ประเทศจีน
  • คณะวิทยาศาสตร์และเทคนิคแห่งเมืองชาชัก มหาวิทยาลัยครากูเยวัค (Faculty of Technical Sciences Čačak, University of Kragujevac) สาธารณรัฐเซอร์เบีย
  • คณะวิทยาศาสตร์และเทคนิค มหาวิทยาลัยมูเลย์ อิสมาอิล เมืองเอร์ราชิเดีย (Faculty of Sciences and Techniques, Moulay Ismail University of Errachidia) ราชอาณาจักรโมร็อกโก

ในส่วนของการแข่งขันภาคปฏิบัติ – สาขาเครือข่าย (Practice Track – Network Grand Prize) ซึ่งทดสอบทักษะการออกแบบ การติดตั้ง และการจัดการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน ทีมที่ได้รับรางวัลใหญ่ ได้แก่:

  • สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศเซินเจิ้น (Shenzhen Institute of Information Technology) ประเทศจีน
  • สถาบันเทคโนโลยีรัฐบาลโตแคนตินส์ (Instituto Federal de Educação, Ciência e Tecnologia do Tocantins) ประเทศบราซิล
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรัฐบาลมินนา (Federal University of Technology, Minna) ประเทศไนจีเรีย
  • ทีมร่วมจากสถาบันเทคโนโลยีดาร์เอสซาลาม (Dar es Salaam Institute of Technology), มหาวิทยาลัยดาร์เอสซาลาม (University of Dar es Salaam), และมหาวิทยาลัยโดโดมา (University of Dodoma) ประเทศแทนซาเนีย

ด้านการแข่งขันภาคปฏิบัติ – สาขาคลาวด์ (Practice Track – Cloud Grand Prize) ที่เน้นทักษะด้านเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง การจัดเก็บข้อมูล และการบริการบนคลาวด์ รางวัลใหญ่เป็นของทีมจาก:

  • สถาบัน iACADEMY ประเทศฟิลิปปินส์
  • มหาวิทยาลัยบัตนา 2 (University of Batna 2) และโรงเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์แห่งชาติแอลเจียร์ (National Higher School of Computer Science – Algiers) ประเทศแอลจีเรีย
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการศึกษาเทียนจิน (Tianjin University of Technology and Education) ประเทศจีน
  • มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สังคม (Singapore University of Social Sciences) ประเทศสิงคโปร์

และในการแข่งขันภาคปฏิบัติ – สาขาการประมวลผล (Practice Track – Computing Grand Prize) ซึ่งวัดความสามารถในการพัฒนาระบบและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลขั้นสูง รางวัลใหญ่ได้มอบให้กับทีมจาก:

  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์กุ้ยหลิน (Guilin University of Electronic Technology) ประเทศจีน
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรัฐบาลมินนา (Federal University of Technology, Minna) ประเทศไนจีเรีย
  • มหาวิทยาลัยเบจาอา (University of Bejaia) และโรงเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์แห่งชาติ SBA (National Higher School of Computer Science – Sidi Bel Abbès) ประเทศแอลจีเรีย
  • สถาบันเทคโนโลยีเซบู – มหาวิทยาลัย (Cebu Institute of Technology – University) ประเทศฟิลิปปินส์

สุดท้ายนี้ รางวัลใหญ่ในการแข่งขันประเภทการเขียนโปรแกรม (Programming Track Grand Prize) ซึ่งท้าทายความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยอัลกอริทึมและการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพ ตกเป็นของทีมตัวแทนจาก มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคเซินเจิ้น (Shenzhen Polytechnic University) ประเทศจีน

ขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI และนวัตกรรมผ่านการแข่งขัน

นายริทชี่ เผิง ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ICT ของหัวเว่ย กล่าวในพิธีปิดงานถึงปรัชญาเบื้องหลังการแข่งขันว่า “เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเรียนรู้ผ่านการแข่งขันและสร้างแรงบันดาลใจด้านนวัตกรรม เราได้พัฒนารูปแบบและเนื้อหาของการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง” เขาย้ำว่า “การแข่งขันในภาคปฏิบัติ ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘Intelligent World 2030’ ของหัวเว่ย ซึ่งมุ่งเน้นให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะด้านการประมวลผล Big Data บนคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าของสังคมอย่างแท้จริง

ขณะที่การแข่งขันในประเภทนวัตกรรม มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัล โดยสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปใช้แก้ปัญหาจริงในภาคส่วนสำคัญ เช่น การเกษตร การสาธารณสุข และการศึกษา” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของหัวเว่ยในการเชื่อมโยงการพัฒนาทักษะเข้ากับความต้องการของโลกอนาคตและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในยุคปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) ทั่วโลกกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเข้มข้น ความต้องการบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาสำคัญ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data), และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนบุคลากรผู้มีความสามารถในสาขาเหล่านี้กลับกลายเป็นความท้าทายสำคัญระดับโลก ที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ

เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว Huawei ICT Competition จึงได้ออกแบบการแข่งขันให้ครอบคลุมหลากหลายสาขา ทั้งประเภทการปฏิบัติ นวัตกรรม และการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้ การแข่งขันยังส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างบุคลากรที่ตรงต่อความต้องการของตลาด พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรที่มุ่งเน้นทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการอย่างแท้จริง เป้าหมายหลักคือเพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาได้เสริมสร้างทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงาน และผลักดันให้เกิดบุคลากรด้านเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมที่จะเป็นผู้นำและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกดิจิทัลอัจฉริยะที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต

ยกย่องผู้สร้างแรงบันดาลใจและผู้ขับเคลื่อนความหลากหลาย

นอกเหนือจากความเป็นเลิศทางด้านเทคนิคที่โดดเด่นของผู้เข้าแข่งขันแล้ว คณะผู้จัดงานยังได้มอบรางวัลพิเศษอันทรงเกียรติเพื่อยกย่องความทุ่มเทในมิติอื่นๆ ของการแข่งขัน สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการพัฒนาที่ยั่งยืน:

  • รางวัล Women in Tech Award: มอบให้กับทีมหญิงล้วน 4 ทีม จากประเทศบราซิล, ซาอุดีอาระเบีย, เยอรมนี และเคนยา เพื่อเชิดชูและส่งเสริมบทบาทของสตรีในแวดวงเทคโนโลยี
  • รางวัล Green Development Award: มอบให้กับทีมจากประเทศกานา ที่นำเสนอแนวคิดหรือโครงงานที่ส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก
  • รางวัล Most Valuable Instructor Award: มอบให้แก่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ 18 ท่าน จาก 10 ประเทศ ได้แก่ จีน, แอลจีเรีย, บังกลาเทศ, บราซิล, อียิปต์, อินโดนีเซีย, อิรัก, ไนจีเรีย, ฮังการี และตุรกี เพื่อเป็นเกียรติแก่ความทุ่มเทในการสอน การให้คำปรึกษา และการส่งเสริมการศึกษาด้าน ICT แก่นักศึกษา

AI พลิกโฉมการศึกษา: ก้าวต่อไปของ Huawei ICT Academy

เพื่อให้สอดรับกับธีมหลักของการแข่งขัน ในปีนี้ หัวเว่ยยังได้จัดงาน ‘AI Accelerating Education Transformation Summit’ ขึ้น งานประชุมสุดยอดนี้ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากหลากหลายสาขาทั้งจากภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม มาแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกและวิเคราะห์บทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพลิกโฉมระบบการศึกษาอัจฉริยะ การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการศึกษามีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เฉพาะบุคคลมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการสอน และขยายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ ภายในงาน หัวเว่ยยังได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ความสามารถด้าน AI ใหม่บนแพลตฟอร์มอัจฉริยะ Huawei ICT Academy อย่างเป็นทางการ การยกระดับแพลตฟอร์มครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้ทั้งบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาอย่างครอบคลุม ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการศึกษาดิจิทัลที่ทันสมัยและตอบโจทย์อนาคต

การแข่งขัน Huawei ICT Competition และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ไม่เพียงแต่เป็นการเฟ้นหาสุดยอดผู้มีความสามารถด้าน ICT เท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต สร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษากล้าที่จะคิดค้นนวัตกรรม และเตรียมความพร้อมให้พวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน Huawei ICT Competition สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่: https://www.huawei.com/minisite/ict-competition-2024-2025-global/en/index.html

#HuaweiICTCompetition #AI #ปัญญาประดิษฐ์ #การศึกษาดิจิทัล #พัฒนาบุคลากรICT #เทคโนโลยีสารสนเทศ #นวัตกรรมดิจิทัล #เศรษฐกิจดิจิทัล #หัวเว่ย #การแข่งขันระดับโลก #จีน #เซินเจิ้น #ทักษะแห่งอนาคต

Related Posts