สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมความพร้อมขั้นสุด เปิดห้องปฏิบัติการรองรับการตรวจวิเคราะห์ ‘สารต้านโภชนาการ’ ในผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช หรือ แพลนต์เบส (Plant-based food) สอดรับการประกาศใช้ ‘เกณฑ์มาตรฐานแพลนต์เบสไทย’ ฉบับแรกของประเทศในเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาและผลักดันร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มุ่งยกระดับคุณภาพ ความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดอาหาร แพลนต์เบส ทั่วโลกและในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหน่วยงานวิชาการชั้นนำด้านอาหารและโภชนาการของประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในประเด็นดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับ อย. ในการศึกษาและพัฒนา “เกณฑ์มาตรฐานแพลนต์เบสไทย” ขึ้น ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารแพลนต์เบสของไทย
รองศาสตราจารย์ ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาการและวิจัยด้านอาหารและโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการวางมาตรฐานอาหารแพลนต์เบสว่า ทางสถาบันฯ ได้ทุ่มเทการทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถกำหนดกรอบการควบคุมคุณภาพอาหารแพลนต์เบสได้อย่างครอบคลุม โดยมาตรฐานดังกล่าวอ้างอิงหลักเกณฑ์สากล ทั้ง FAO CODEX และ ISO/DIS 8700 รวมถึงข้อมูลจากประเทศอื่นๆ ที่มีการพัฒนาอาหารกลุ่มนี้ไปแล้ว นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
ชูจุดเด่น “ความหลากหลายทางชีวภาพ” วัตถุดิบไทย สู่ตลาดโลก
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสของไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูงคือ “ความหลากหลายทางชีวภาพ” ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางการเกษตรหลากหลายชนิดที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกสรรมาเป็นวัตถุดิบหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะโปรตีนจากพืช ตัวอย่างที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก ได้แก่
- ขนุนเนื้ออ่อน: ด้วยรสสัมผัสที่คล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์ ทำให้ขนุนอ่อนกลายเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในการนำมาทำอาหารแพลนต์เบสทดแทนเนื้อสัตว์
- เห็ดแครง: เป็นวัตถุดิบต้นทุนต่ำ ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในเมนูอาหารได้หลากหลาย และช่วยเสริมรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี
- เมล็ดกัญชง: ถือเป็น “อาหารโปรตีนทางเลือก” ใหม่ที่น่าจับตามอง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ
พร้อมเปิดบริการตรวจ “สารต้านโภชนาการ” สร้างความมั่นใจรอบด้าน
นอกเหนือจากการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานแล้ว สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเตรียมพร้อมเปิดให้บริการใหม่ คือ การตรวจวิเคราะห์ “สารต้านโภชนาการ” (Antinutrients) ในผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบส รองศาสตราจารย์ ดร.ชนิพรรณ อธิบายว่า วัตถุดิบจากพืชบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่มพืชตระกูลถั่ว อาจมีสารต้านโภชนาการตามธรรมชาติ ซึ่งสารเหล่านี้จะขัดขวางกระบวนการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม สารต้านโภชนาการส่วนใหญ่สามารถย่อยสลายหรือลดปริมาณลงได้ด้วยกระบวนการแปรรูปที่เหมาะสม เช่น การใช้ความร้อน
การจัดตั้งห้องปฏิบัติการที่มีศักยภาพในการตรวจสอบสารเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์มาตรวจวิเคราะห์เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าของตนเป็นไปตามมาตรฐานและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริง บริการนี้ถือเป็นการขยายผลองค์ความรู้จากงานวิจัยสู่การบริการวิชาการที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร และจะมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อ “เกณฑ์มาตรฐานแพลนต์เบสไทย” มีผลบังคับใช้
“การลงทุนภายใต้มาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับ ย่อมยั่งยืนกว่าการจับเสือมือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสไทย ที่ควรต้องมีหลักเกณฑ์มาตรฐานและข้อกำหนดที่เฉพาะ” รองศาสตราจารย์ ดร.ชนิพรรณ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรฐาน “เมื่อเกณฑ์มาตรฐานนี้ประกาศใช้ ผู้บริโภคก็จะไม่ต้องพบกับความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นอีกต่อไป” และยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ให้ไม่ต้อง “ลิ้มรสแบบลองผิดลองถูก” กับผลิตภัณฑ์ที่อาจไม่ได้คุณภาพ หรือไม่สามารถให้โปรตีนทดแทนได้อย่างที่คาดหวัง ลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากวัตถุดิบ และความเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน
“ฉลาดเลือก” อาหาร แพลนต์เบส เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
แม้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสจะถูกพัฒนาให้มีรูปร่าง สีสัน และรสชาติใกล้เคียงเนื้อสัตว์มากขึ้น โดยมีการใช้สารปรุงแต่งและควบคุมคุณภาพภายใต้ข้อกำหนดที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์ ดร.ชนิพรรณ ได้ให้คำแนะนำในการ “ฉลาดเลือก” บริโภคอาหารกลุ่มนี้เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและปลอดภัยยิ่งขึ้นว่า ผู้บริโภคควรพิจารณาอาหารแพลนต์เบสเป็น “โปรตีนทางเลือก” หนึ่งในการบริโภคประจำวัน ไม่จำเป็นต้องทดแทนเนื้อสัตว์ทั้งหมด และควรให้ความสำคัญกับการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่สดใหม่จากธรรมชาติให้มากที่สุด
นับเป็นข่าวดีที่ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสไทยส่วนใหญ่มักใช้วัตถุดิบหลักจากผลิตผลทางการเกษตรภายในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาวะ และเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้หันมาสนใจตลาดอาหารแพลนต์เบสในประเทศไทยมากขึ้น
มหาวิทยาลัยมหิดลมีความมุ่งมั่นที่จะมอบองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันและความท้าทายในโลกธุรกิจปัจจุบัน (Real World Impact) เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของประเทศชาติต่อไป
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและองค์ความรู้ที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่เว็บไซต์ www.mahidol.ac.th
#อาหารแพลนต์เบส #PlantBased #สารต้านโภชนาการ #Antinutrients #มาตรฐานอาหาร #สถาบันโภชนาการ #มหาวิทยาลัยมหิดล #อย #สุขภาพ #อาหารปลอดภัย #เศรษฐกิจไทย #นวัตกรรมอาหาร #เทรนด์อาหารอนาคต #ความหลากหลายทางชีวภาพ #เกษตรไทย