มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยผลประกอบการเดือนพฤษภาคม 2568 เผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อยอดขายและยอดผลิตทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างน่ากังวลถึง 9.1% และ 10.0% ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักจากตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่หดตัวลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาพรวมที่เป็นลบ ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นกลับเติบโตสวนกระแส เพิ่มขึ้น 3.7% กลายเป็นความหวังเล็กๆ ของค่ายซูม-ซูม สะท้อนภาพความผันผวนของตลาดยานยนต์โลกที่มาสด้าต้องเผชิญ
โตเกียว, ญี่ปุ่น – บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดเผยรายงานยอดการผลิตและยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่ผสมผสานกันระหว่างความท้าทายในตลาดโลกและสัญญาณบวกในประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
ภาพรวมทั่วโลก: ยอดขายและกำลังผลิตทรุดตัว
ในเดือนพฤษภาคม 2568 ภาพรวมผลการดำเนินงานของมาสด้าในระดับโลกยังคงน่าเป็นห่วง โดยยอดขายรวมทั่วโลกอยู่ที่ 95,596 คัน ปรับตัวลดลง 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การหดตัวครั้งนี้ได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากตลาดสำคัญหลายแห่ง:
- สหรัฐอเมริกา: ยอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 18.6% โดยมียอดขายอยู่ที่ 28,937 คัน
- ยุโรป: เป็นอีกหนึ่งตลาดหลักที่เผชิญกับการหดตัวรุนแรง โดยยอดขายลดลง 21.7% เหลือเพียง 12,266 คัน
- จีน: ตลาดที่เคยเป็นความหวังก็ยังไม่ฟื้นตัว ยอดขายอยู่ที่ 5,704 คัน ลดลง 8.4%
ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศโดยรวมลดลง 10.4% ยอดขายในประเทศญี่ปุ่นกลับเป็นเพียงตลาดเดียวที่เติบโตได้
เมื่อมองในฝั่งของการผลิต ยอดการผลิตทั่วโลกก็ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับยอดขาย โดยอยู่ที่ 85,596 คัน ลดลง 10.0% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงทั้งจากฐานการผลิตในประเทศและต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาภาพรวมสะสม 5 เดือนแรกของปี (มกราคม-พฤษภาคม 2568) ยอดขายทั่วโลกยังคงเติบโตอยู่ที่ 4.3% ด้วยจำนวน 533,402 คัน ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์ในเดือนพฤษภาคมอาจเป็นภาวะสะดุดครั้งสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตของบริษัท
เจาะลึกการผลิต: ฐานทัพในและนอกประเทศเผชิญความท้าทาย
การผลิตในประเทศญี่ปุ่น: ฐานการผลิตหลักในประเทศญี่ปุ่นมียอดผลิตรวม 50,620 คัน ลดลง 8.8% เมื่อพิจารณารายรุ่น พบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ:
- Mazda CX-5: ยังคงเป็นกระดูกสันหลังของการผลิต ด้วยจำนวน 23,855 คัน แม้จะลดลงเล็กน้อยที่ 3.7%
- Mazda3: กลายเป็นดาวเด่นที่น่าจับตา ด้วยยอดผลิตที่พุ่งสูงขึ้นถึง 15.2% แตะระดับ 7,053 คัน
- Mazda CX-90: รถยนต์ SUV รุ่นเรือธง ประสบปัญหาอย่างหนัก ยอดผลิตลดลงถึง 39.5% เหลือเพียง 5,908 คัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงหลังผ่านช่วงเปิดตัว หรืออาจเผชิญปัญหาด้านซัพพลายเชน
การผลิตในต่างประเทศ: สำหรับฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่น สถานการณ์ดูน่ากังวลกว่า โดยยอดผลิตรวมอยู่ที่ 34,976 คัน ลดลงถึง 11.7% รุ่นรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน:
- Mazda CX-50: ซึ่งเป็นโมเดลยุทธศาสตร์สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ยังคงเติบโตได้ดีด้วยยอดผลิต 10,787 คัน เพิ่มขึ้น 5.9%
- Mazda CX-30: รถครอสโอเวอร์ยอดนิยมกลับมียอดผลิตที่น่าใจหาย ลดลงอย่างรุนแรงถึง 30.2% เหลือเพียง 8,016 คัน
- Mazda CX-3: กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งด้วยยอดผลิต 4,738 คัน เพิ่มขึ้นถึง 25.1%
แสงสว่างในบ้าน: ยอดขายในญี่ปุ่นเติบโตสวนกระแส
ท่ามกลางข่าวร้ายจากตลาดโลก ตลาดในประเทศญี่ปุ่นกลับสร้างความประหลาดใจด้วยการเติบโต โดยมียอดขายรวม 9,901 คัน เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน การเติบโตนี้มีปัจจัยหลักมาจากการจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 5.2% ส่งผลให้มาสด้ายังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดรวมไว้ได้ที่ 3.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูยอดขายรายรุ่นในญี่ปุ่นก็พบประเด็นที่น่ากังวลเช่นกัน:
- Mazda3: สอดคล้องกับยอดผลิตที่เพิ่มขึ้น ยอดขายในประเทศก็เติบโตอย่างน่าพอใจที่ 11.8% (926 คัน)
- Mazda CX-5: ยอดขายค่อนข้างทรงตัว ลดลงเพียง 0.1% (1,083 คัน)
- Mazda2: รถยนต์ขนาดเล็กรุ่นสำคัญ กลับมียอดขายที่ลดลงอย่างน่าตกใจถึง 36.2% เหลือเพียง 1,692 คัน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่มาสด้าต้องเร่งแก้ไขในตลาดบ้านเกิด
วิเคราะห์ตลาดส่งออก: อเมริกาเหนือทรงตัว ยุโรปผันผวน
ยอดการส่งออกจากญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 43,253 คัน ลดลง 4.9% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งออกไปยังภูมิภาคโอเชียเนียและอื่นๆ ที่ลดลงอย่างมาก
การวิเคราะห์รายภูมิภาคปลายทางพบข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง:
- อเมริกาเหนือ: ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ยังคงทรงตัวได้ดี มียอดส่งออก 24,260 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4%
- ยุโรป: แสดงให้เห็นถึงความผันผวนอย่างสุดขั้ว โดยยอดส่งออกในเดือนพฤษภาคมพุ่งสูงขึ้นถึง 41.3% (6,388 คัน) แต่ตัวเลขนี้ขัดแย้งกับยอดสะสม 5 เดือนแรกที่ยังคงติดลบหนักถึง 37.9% ซึ่งอาจเกิดจากการเคลียร์สต็อกรถยนต์ หรือการส่งมอบล็อตใหญ่ที่ค้างมาจากเดือนก่อนหน้า
- โอเชียเนียและอื่นๆ: เป็นตัวฉุดรั้งที่สำคัญ โดยยอดส่งออกลดลง 23.2% และ 26.1% ตามลำดับ
สำหรับรุ่นรถยนต์ที่ส่งออกนั้น
- Mazda CX-5 ยังคงเป็นพระเอกด้วยยอดส่งออก 23,003 คัน เติบโต 14.8% ตามมาด้วย
- Mazda3 ที่เติบโต 8.5% (5,880 คัน) ในทางตรงกันข้าม
- Mazda CX-90 สะท้อนปัญหายอดผลิตที่ลดลง ด้วยยอดส่งออกที่ลดลงถึง 31.1%
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
ผลประกอบการของมาสด้าในเดือนพฤษภาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าบริษัทกำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ และยุโรป การลดลงของยอดขายและยอดผลิตของโมเดลสำคัญอย่าง CX-90 และ CX-30 เป็นสัญญาณที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายในประเทศญี่ปุ่น การผลิตที่แข็งแกร่งของ Mazda3 รวมถึงความนิยมที่ไม่เสื่อมคลายของ CX-5 ในตลาดส่งออก และการเติบโตของ CX-50 ในต่างประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่คอยพยุงภาพรวมของบริษัทไว้
ก้าวต่อไปของมาสด้าจึงเต็มไปด้วยความท้าทายในการวางกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายในตลาดหลักที่กำลังหดตัว พร้อมกับรักษาโมเมนตัมในส่วนที่ยังคงเติบโตได้ ท่ามกลางสมรภูมิตลาดยานยนต์โลกที่ทวีความรุนแรงและผันผวนมากขึ้นทุกขณะ
#Mazda #มาสด้า #ข่าวเศรษฐกิจ #อุตสาหกรรมยานยนต์ #ยอดขายรถยนต์ #ผลประกอบการ #MazdaCX5 #Mazda3 #รถยนต์ญี่ปุ่น #ตลาดรถยนต์ #MazdaCX90 #MazdaCX30