มีวนา ชูธงกาแฟรักษาป่า ชวนปลูก 10,000 ต้นผ่านทุกแก้ว สู้วิกฤต PM2.5

มีวนา ชูธงกาแฟรักษาป่า ชวนปลูก 10,000 ต้นผ่านทุกแก้ว สู้วิกฤต PM2.5

“มีวนา” กาแฟอินทรีย์รักษาป่าในเครือพรีเมียร์ ก้าวสู่ปีที่ 14 อย่างแข็งแกร่ง เปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี “มีวนา ปลูกมาจนโต” ตั้งเป้าปลูกป่าต้นน้ำเชียงราย 10,000 ต้น ชวนผู้บริโภคร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูระบบนิเวศและต่อสู้กับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ผ่านการดื่มกาแฟทุก 7 แก้ว เท่ากับการมอบต้นกล้า 1 ต้นสู่ผืนป่า ตอกย้ำโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ระบบนิเวศกว่า 555 ล้านบาทต่อปี

ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งในมิติของสุขภาพและเศรษฐกิจ “มีวนา” แบรนด์กาแฟอินทรีย์รักษาป่าภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท มีวนา จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นมากกว่าผู้ผลิตกาแฟ แต่คือผู้ขับเคลื่อนการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าอย่างยั่งยืน ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญครั้งสำคัญ “มีวนา ปลูกมาจนโต..MiVana Living Together, Growing Together” เพื่อเฉลิมฉลองการดำเนินงานที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 พร้อมเชิญชวนผู้บริโภคทั่วประเทศร่วมเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

แคมเปญดังกล่าวมาพร้อมกับกิจกรรมไฮไลท์ “มีวนา ชวนปลูก 10,000 ต้น” ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มเติมในพื้นที่ป่าต้นน้ำ จังหวัดเชียงราย จำนวน 10,000 ต้น ภายในสิ้นปี 2568 โดยแคมเปญนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การปลูกป่าเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับทุกคน เพียงแค่ดื่มกาแฟอินทรีย์รักษาป่าของมีวนา ทุกๆ 7 แก้ว จะถูกเปลี่ยนเป็นการส่งมอบต้นกล้า 1 ต้น เพื่อนำไปปลูกเสริมในผืนป่าต้นน้ำ สร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศ

ผู้บริโภคสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ณ ร้านมีวนา ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ มีวนาคอฟฟี่ แฟล็กชิพสโตร์ (ซอยศรีนครินทร์ 57), มีวนาคอฟฟี่ บ้านสาทร (ซอยนราธิวาสฯ 7) และมีวนาคอฟฟี่ สนามบินนานาชาติดอนเมือง นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณและกระตุ้นการมีส่วนร่วม เมื่อยอดสะสมต้นกล้าครบทุกๆ 1,000 ต้น มีวนาจะมอบส่วนลดพิเศษ 15% สำหรับเมนูกาแฟในวันถัดไป (ยกเว้นสาขาสนามบินดอนเมือง) โดยจะประกาศผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและสื่อหน้าร้านอย่างเป็นทางการ

“ไม่ใช่แค่กาแฟ แต่คือการฟื้นฟูผืนป่า”

คุณดรรชนี คุณาวิชยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท มีวนา จำกัด ได้กล่าวถึงที่มาและเป้าหมายของแคมเปญนี้ว่า “แคมเปญนี้เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงปัญหาจำนวนพื้นที่ป่าในประเทศไทยที่ลดลงทุกปี และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทุกภาคของไทย ซึ่งจุดยืนของมีวนา มิใช่เป็นเพียงแค่ผู้ผลิตกาแฟอินทรีย์ แต่ยังให้ความสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำเป็นหลัก”

คุณดรรชนีกล่าวเสริมว่า “ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีวนามีส่วนร่วมในการเป็นตัวกลางเพื่อช่วยผลักดันและเชื่อมโยงระหว่างคนต้นน้ำคือเกษตรกร และผู้บริโภคให้สามารถสื่อสารถึงกันได้ เรามีความตั้งใจที่จะทำให้การปลูกป่าเป็นเรื่องที่ง่ายและใกล้ตัวขึ้นสำหรับทุกคน และด้วยกิจกรรมมีวนา ชวนปลูก 10,000 ต้น เราตั้งเป้าปลูกต้นกาแฟเพื่อทดแทนต้นที่เสื่อมโทรมและปลูกพันธุ์ไม้อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มร่มเงาให้ป่าต้นน้ำอีกอย่างน้อย 10,000 ต้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ร่วมกับเกษตรกร 7 หมู่บ้านปลูกต้นกล้าในทุกๆ ปีกว่าหนึ่งแสนต้นอยู่แล้ว แคมเปญนี้จึงเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยตรง หากเราร่วมใจกัน ก็จะสามารถสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน และส่งต่อผืนป่าที่สมบูรณ์ให้คนรุ่นต่อไปได้”

มีวนา

โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม: จากป่าต้นน้ำสู่แก้วกาแฟ และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ประเมินได้

หัวใจสำคัญของมีวนา คือการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่าของมีวนา ริเริ่มและส่งเสริมการปลูกกาแฟด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ (Organic Shade Grown Forest Coffee) ในพื้นที่ป่าต้นน้ำแม่ลาว แม่สรวย และแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย โดยไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่า

ปัจจุบัน โครงการนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้วถึง 223 ครัวเรือน จาก 7 หมู่บ้าน ครอบคลุมพื้นที่ป่ากาแฟรวม 6,531 ไร่ ซึ่งมีต้นกาแฟที่ปลูกภายใต้ร่มเงาของป่าใหญ่อยู่ถึง 1.6 ล้านต้น รูปแบบการปลูกแบบวนเกษตรอินทรีย์นี้ ไม่เพียงแต่จะให้ผลผลิตกาแฟคุณภาพสูง แต่ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างสมดุลให้ระบบนิเวศ คืนความชุ่มชื้นให้ผืนดิน และที่สำคัญคือเป็นแนวป้องกันการเกิดไฟป่าและช่วยลดปัญหาน้ำป่าไหลหลากได้อีกด้วย

ความสำเร็จของโมเดลนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง แต่สามารถประเมินเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ โดยมีวนาได้ร่วมมือกับ สำนักพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) เพื่อประเมินมูลค่าระบบนิเวศในพื้นที่โครงการฯ ซึ่งผลการประเมินพบว่า โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า มีวนาสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับระบบนิเวศ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 555.47 ล้านบาทต่อปี ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่ามหาศาลที่มนุษย์ได้รับจากระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และตอกย้ำจุดยืนที่แตกต่างของมีวนาในฐานะแบรนด์กาแฟที่เดินหน้าปกป้องผืนป่าอย่างแท้จริง

ขยายผลกระทบเชิงบวกผ่านเรื่องเล่าและกิจกรรมสร้างสรรค์

เพื่อสร้างการรับรู้และส่งต่อเรื่องราวที่มีคุณค่าเหล่านี้ในวงกว้าง มีวนาได้ร่วมมือกับบุคคลที่มีหัวใจรักป่าและสิ่งแวดล้อมอย่าง คุณเชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ ในฐานะนักอนุรักษ์ธรรมชาติ และ คุณโจโฉ ยูทูปเปอร์สายเดินป่าชื่อดัง ทั้งสองท่านจะมารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิต ความผูกพัน และมุมมองของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทั้ง 7 หมู่บ้าน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักแหล่งที่มาของกาแฟทุกเมล็ด และเข้าใจถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยจะนำเสนอเรื่องราวเดือนละ 1 หมู่บ้าน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของมีวนา และของทั้งสองท่าน

นอกจากนี้ มีวนายังจัดกิจกรรม “กอดป่า Challenge” เชิญชวนให้ทุกคนร่วมแสดงพลังความรักที่มีต่อผืนป่า ด้วยการถ่ายภาพ “กอดต้นไม้ในแบบฉบับของคุณ” พร้อมเขียนข้อความเชิญชวนปลูกป่า แล้วโพสต์ลงบน Facebook ของมีวนา กิจกรรมนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2568 ผู้โชคดีจะได้รับรางวัลพิเศษจากมีวนา และได้ร่วมทริปปลูกป่า ณ จังหวัดเชียงราย จำนวน 4 ท่าน

แคมเปญมีวนา ปลูกมาจนโต จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมส่งเสริมการขาย แต่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งเชื่อมโยงผู้บริโภคในเมืองเข้ากับเกษตรกรผู้รักษาป่าต้นน้ำ สร้างวงจรแห่งการเกื้อกูลที่ทุกแก้วกาแฟที่ถูกดื่ม จะกลับคืนเป็นการสร้างชีวิตและฟื้นฟูผืนป่าให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

#มีวนา #MiVana #กาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนา #มีวนาปลูกมาจนโต #มีวนาชวนปลูก10000ต้น #MiVanaLivingTogetherGrowingTogether #กอดป่าChallenge #ธุรกิจเพื่อสังคม #SocialEnterprise #ความยั่งยืน #สิ่งแวดล้อม #ลดPM25 #ปลูกป่า #กาแฟออร์แกนิก #เชียงราย

Related Posts