MLNG พร้อมก้าวขึ้นเป็น ‘ฮับพลังงาน’ ของอาเซียน ท่ามกลางสมรภูมิตลาดโลก

MLNG พร้อมก้าวขึ้นเป็น ‘ฮับพลังงาน’ ของอาเซียน ท่ามกลางสมรภูมิตลาดโลก

ท่ามกลางกระแสคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์พลังงานโลก ที่ซึ่งความขัดแย้ง, การแข่งขันของมหาอำนาจ, และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ได้เข้ามาจัดระเบียบห่วงโซ่อุปทานพลังงานใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของโลกอย่าง Malaysia LNG (MLNG) กำลังส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนทิศทางเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ จากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกลเป็นหลัก สู่การหันมาให้ความสำคัญกับ “เพื่อนบ้าน” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น

“เราจะยังคงสนับสนุนความต้องการพลังงานของภูมิภาคซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด” Laga Jenggi กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ MLNG แห่ง ปิโตรนาส กล่าวอย่างหนักแน่น “ตามหลักเหตุผลแล้ว คุณคงไม่อยากขนส่ง LNG ข้ามโลกไปอีกฟากหนึ่ง หากเพื่อนบ้านของคุณเองกำลังต้องการมัน”

คำกล่าวนี้ไม่ใช่เพียงถ้อยคำทางการทูต แต่คือการประกาศจุดยืนที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งสำคัญ ที่อาจส่งผลให้ MLNG และประเทศมาเลเซีย ก้าวขึ้นมามีบทบาทในฐานะ “ฮับพลังงาน” ที่ค้ำจุนความมั่นคงทางพลังงานให้กับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต บทความนี้จะวิเคราะห์มุมมองและวิสัยทัศน์ของ MLNG ต่อตลาดพลังงานในภูมิภาค ท่ามกลางความท้าทายจากสมรภูมิตลาดโลกที่กำลังทวีความซับซ้อนขึ้นทุกขณะ

ทิศทางใหม่สู่เพื่อนบ้าน: การทบทวนบทบาทของ MLNG ในภูมิภาคอาเซียน

ในอดีต ตลาดหลักของ MLNG คือประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกไกลอย่างญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและมีเสถียรภาพ แต่ในปัจจุบัน Laga Jenggi ยอมรับว่า “ตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางที่เราได้เริ่มหันมาทำงานร่วมกับเพื่อนบ้านของเราอย่างจริงจัง”

การเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้วในการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน “เราส่งออก LNG ไปยังประเทศไทยแล้ว ผมเคยไปที่นั่นและได้เห็นเรือของเราขนถ่าย LNG ที่มาบตาพุด” เขากล่าว พร้อมทั้งเสริมว่าการสนับสนุนเวียดนามก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน “เราได้ขายสินค้าเที่ยวแรกของเราไปยังเวียดนามแล้ว”

สำหรับฟิลิปปินส์ แม้จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็อยู่ในแผน “มีการพูดคุยเรื่องการส่งออกไปยังฟิลิปปินส์มาโดยตลอด แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริง หวังว่ามันจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้”

การปรับทิศทางครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัจจัยเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึงการตระหนักรู้ในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Laga Jenggi ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจว่า “เรามักจะใช้เวลาพูดคุยเรื่องความต้องการพลังงานกับคนจากอีกซีกโลกหนึ่ง แต่เรากลับไม่ค่อยได้ใช้เวลาพูดคุยกันถึงเรื่องความต้องการพลังงานในฐานะเพื่อนบ้านกันเอง”

แนวคิด “เพื่อนบ้านต้องมาก่อน” นี้ จึงเป็นมากกว่ากลยุทธ์การตลาด แต่มันคือการวางตำแหน่งตัวเองใหม่ในฐานะผู้เล่นที่จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางพลังงานร่วมกันในภูมิภาค เป็นการส่งสัญญาณว่า ในยามที่โลกภายนอกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การพึ่งพากันเองในภูมิภาคอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

มองผ่านสายตาของผู้ผลิต: เมื่อโลกภายนอกสั่นสะเทือนตลาด LNG

การเป็นผู้เล่นในตลาดโลกย่อมหลีกเลี่ยงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกไม่พ้น MLNG ในฐานะผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ มีมุมมองต่อความผันผวนของตลาดโลกที่สุขุมและน่าสนใจ

ผลกระทบจากนโยบาย ‘Drill, Baby, Drill’ ของสหรัฐฯ

เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศ Laga Jenggi วิเคราะห์ว่า แม้นโยบายดังกล่าวจะทำให้มีปริมาณ LNG จากสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น และอาจส่งผลกดดันราคาในระยะสั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว ตลาดจะสามารถปรับตัวได้เอง “ผมคิดว่าธุรกิจ LNG จะได้รับผลกระทบ แต่มันน่าจะเป็นผลกระทบในระยะยาวมากกว่า… ตลาดจะปรับตัวของมันเอง”

เขามองว่า แม้จะมีอุปทานใหม่เข้ามา แต่ความต้องการใช้ LNG ของโลกก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง “หากคุณมองไปที่ความต้องการ LNG แม้จะมีคนเคยบอกว่ามันจะไม่เติบโตตลอดไป แต่สิ่งที่เราเห็นในตอนนี้คือความต้องการมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” มุมมองนี้สะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของตลาด และมองว่าการเพิ่มขึ้นของอุปทานจากสหรัฐฯ จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโลกในภาพรวมได้

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์: ความผันผวนระยะสั้น

สำหรับผลกระทบจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางหรือสงครามยูเครน ซึ่งมักจะทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว Laga Jenggi มองว่ามันเป็นเพียง “ผลกระทบที่รุนแรงในระยะสั้น” เท่านั้น

“เราเห็นว่าราคา LNG สูงขึ้น… แต่มันก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราว” เขากล่าว “เหมือนกับสงครามยูเครน ตอนที่มันเริ่มขึ้นครั้งแรก ราคาก็พุ่งสูง แต่หลังจากนั้นมันก็ปรับระดับลงมา… สิ่งเหล่านี้มันจะปรับตัวของมันเองในท้ายที่สุด”

มุมมองนี้สะท้อนความสุขุมขององค์กรที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน พวกเขามองเห็นวัฏจักรของตลาดและเข้าใจดีว่าปัจจัยทางจิตวิทยาและความตื่นตระหนกมักจะส่งผลต่อราคาเพียงชั่วคราว ก่อนที่กลไกตลาดที่แท้จริงจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งทำให้ MLNG สามารถวางแผนและรับมือกับความผันผวนเหล่านี้ได้โดยไม่ตื่นตระหนก

‘เครือข่ายพลังงานร่วมแห่งอาเซียน’ (Integrated Energy Network)

นอกเหนือจากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน Laga Jenggi ยังได้นำเสนอวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและน่าตื่นเต้นที่สุด นั่นคือแนวคิดเรื่อง “เครือข่ายพลังงานร่วมแห่งอาเซียน” ที่ทุกประเทศสามารถเชื่อมต่อและแบ่งปันทรัพยากรพลังงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผมหวังว่าผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมองว่ามันเป็นความต้องการร่วมกันของทุกคน… ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถบริหารจัดการมันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องให้ทุกคนสร้างโรงงานและเครือข่ายของตัวเอง เพราะมันสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น”

เขาได้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมจากโครงการอื่น ๆ “ตอนนี้เราได้ยินเรื่องพลังงานลมจากเวียดนามที่จะส่งผ่านภูมิภาคนี้ไปยังสิงคโปร์… ผมก็จินตนาการว่าวันหนึ่ง พลังงานนี้ (LNG) ก็อาจจะเป็นในลักษณะเดียวกัน อาจจะไม่ใช่ตัวโมเลกุลโดยตรง แต่อาจจะเป็นในรูปของการผลิตไฟฟ้าที่สามารถส่งเข้าสู่กริดกลาง เพื่อให้ทุกคนสามารถดึงพลังงานที่ต้องการจากกริดได้”

แนวคิดนี้เป็นการยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานในอาเซียนไปอีกขั้น จากเดิมที่เป็นเพียงการซื้อขายทวิภาคี ไปสู่การสร้างระบบนิเวศพลังงาน (Energy Ecosystem) ที่มีเสถียรภาพและยืดหยุ่นร่วมกัน การมีระบบที่เชื่อมต่อกันจะช่วยลดต้นทุน, เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือการสร้าง “ความมั่นคงทางพลังงานร่วมกัน” (Collective Energy Security) ให้กับทั้งภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากความผันผวนของตลาดโลก

Malaysia LNG ความท้าทายบนเส้นทางสู่การเป็น ‘ฮับพลังงาน’ ของอาเซียน

วิสัยทัศน์ของ MLNG ในการก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางพลังงานให้กับเพื่อนบ้านในอาเซียนนั้น เป็นทิศทางที่น่าสนใจและสอดคล้องกับบริบทของโลกปัจจุบันอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การเป็น “ฮับพลังงาน” นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยความท้าทายที่สำคัญหลายประการ

ประการแรก คือความท้าทายด้านอุปทานก๊าซ (Gas Supply) ดังที่ Laga Jenggi ยอมรับว่า “การจัดหาก๊าซในปัจจุบันนั้นยากขึ้นและมีต้นทุนสูงขึ้นมาก” การจะขยายกำลังการผลิตหรือแม้กระทั่งรักษาระดับการผลิตเดิมไว้ในระยะยาว จำเป็นต้องมีการค้นพบและพัฒนาแหล่งก๊าซใหม่ๆ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตในยุคนี้

ประการที่สอง คือความเสี่ยงเชิงพาณิชย์ (Commercial Risk) การที่ตลาดเปลี่ยนจากสัญญาระยะยาวมาเป็นสัญญาระยะสั้น ทำให้การวางแผนการลงทุนระยะยาวทำได้ยากขึ้น และต้องเผชิญกับความผันผวนของราคามากขึ้น

ประการสุดท้าย คือการแข่งขันระดับโลก (Global Competition) การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตจากสหรัฐฯ และผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ ทำให้การแข่งขันในตลาดโลกรุนแรงขึ้น แม้จะช่วยตอบสนองอุปสงค์โลก แต่ก็เป็นคู่แข่งโดยตรงของ Malaysia LNG เช่นกัน

ดังนั้น คำถามสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าวิสัยทัศน์ของ Malaysia LNG นั้นดีหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าพวกเขาจะสามารถบริหารจัดการความท้าทายที่ซับซ้อนเหล่านี้ ทั้งความท้าทายจากใต้ดิน (การจัดหาก๊าซ) และความท้าทายจากตลาดโลก (การแข่งขันและราคา) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นฮับพลังงานของอาเซียน จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำประสบการณ์ 42 ปี มาปรับใช้กับสมการภูมิรัฐศาสตร์พลังงานยุคใหม่ได้อย่างเฉียบคม เหมือนดังที่พวกเขาเคยทำได้สำเร็จมาแล้วในอดีต

#ภูมิรัฐศาสตร์พลังงาน #EnergyGeopolitics #ความมั่นคงทางพลังงาน #อาเซียน #ASEAN #MLNG #LNG #ตลาดพลังงาน #มาเลเซีย #นโยบายพลังงาน #Petronas

Related Posts