เจาะสมรภูมิ 5G ไทย: AIS ครองแชมป์รอบด้าน DTAC โชว์เหนือด้านวิดีโอ

เจาะสมรภูมิ 5G ไทย: AIS ครองแชมป์รอบด้าน DTAC โชว์เหนือด้านวิดีโอ

Opensignal เผยรายงานประสบการณ์เครือข่าย 5G ประเทศไทยล่าสุด ฉบับเดือนมิถุนายน 2568 ชี้ชัด AIS ยืนหนึ่งในฐานะผู้นำเครือข่าย 5G กวาดรางวัลเรียบ 6 จาก 7 หมวดหลัก ทั้งด้านความเร็ว ประสบการณ์เกมและความครอบคลุม ขณะที่ DTAC พลิกเกมคว้าชัยด้านประสบการณ์วิดีโอ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดและอนาคตตลาดที่น่าจับตาหลังการควบรวม True-DTAC และการประมูลคลื่นความถี่ครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย –ในยุคที่เทคโนโลยี 5G ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมแห่งอนาคต แต่ได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ตั้งแต่การทำงานทางไกล, การเรียนออนไลน์, อุตสาหกรรม 4.0 ไปจนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนในชีวิตประจำวัน ประสิทธิภาพและคุณภาพของเครือข่ายจึงเป็นปัจจัยชี้ขาดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การวัดผลที่เป็นกลางและเชื่อถือได้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ล่าสุด Opensignal สถาบันวิเคราะห์ประสบการณ์เครือข่ายมือถืออิสระระดับโลก ได้เผยแพร่รายงานฉบับสำคัญ “Thailand 5G Experience Report” ประจำเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากการรวบรวมข้อมูลการใช้งานจริงจากผู้บริโภคหลายแสนคนทั่วประเทศอย่างเข้มข้นตลอด 90 วัน (1 กุมภาพันธ์ – 1 พฤษภาคม 2568) รายงานฉบับนี้ได้ฉายภาพภูมิทัศน์การแข่งขันของ 3 ผู้ให้บริการรายใหญ่ในสมรภูมิ 5G ได้อย่างคมชัด โดยผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมานั้น AIS (เอไอเอส) สามารถตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างแข็งแกร่งและน่าประทับใจ ด้วยการกวาดรางวัลชนะเลิศแต่เพียงผู้เดียว (Outright Winner) ไปครองมากถึง 6 จาก 7 หมวดหมู่หลัก

ในขณะเดียวกัน DTAC (ดีแทค) แม้จะอยู่ระหว่างกระบวนการผสานรวมเครือข่ายหลังการควบรวมกิจการ ก็ยังสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพลิกกลับมาคว้าชัยชนะในหมวดหมู่ที่มีการใช้งานสูงสุดอย่างประสบการณ์วิดีโอ 5G ไปครองได้สำเร็จ ส่วน TrueMove H (ทรูมูฟ เอช) ยังคงอยู่ในช่วงของการปรับทัพและพัฒนาร่วมกับดีแทคเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว ผลการวิเคราะห์ในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนภาพสะท้อนปัจจุบันและบทวิเคราะห์อนาคตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยที่กำลังจะก้าวสู่บทต่อไป

การครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จของ AIS ใน 6 มิติสำคัญ

ชัยชนะของ AIS ในรายงานฉบับนี้ไม่ใช่แค่การชนะในภาพรวม แต่เป็นการชนะอย่างขาดลอยในหลากหลายมิติที่สำคัญต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการลงทุนและการวางกลยุทธ์ด้านเครือข่ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา

1. มิติด้านความเร็ว (Speed Superiority): ราชาแห่งการดาวน์โหลดและอัปโหลด

AIS ครองความเป็นหนึ่งด้านความเร็วอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดที่ผู้ใช้งานสัมผัสได้

  • 5G Download Speed (ความเร็วดาวน์โหลด 5G): AIS ทำความเร็วเฉลี่ยสูงสุดที่ 105.3 Mbps ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถิติที่น่าทึ่ง แต่ยังหมายถึงประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่, อัปเดตแอปพลิเคชัน, หรือโหลดคอนเทนต์ความละเอียดสูงได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าคู่แข่งอย่าง DTAC (90.1 Mbps) และ TrueMove H (84.3 Mbps) อย่างรู้สึกได้ ชัยชนะในหมวดนี้สะท้อนถึงความได้เปรียบด้านปริมาณและคุณภาพของคลื่นความถี่ที่ AIS ถือครอง รวมถึงเทคโนโลยีการรวมคลื่น (Carrier Aggregation) ที่ทันสมัย
  • 5G Upload Speed (ความเร็วอัปโหลด 5G): ในยุคที่ผู้ใช้งานเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้สร้างคอนเทนต์ (Content Creator) ความเร็วอัปโหลดมีความสำคัญไม่แพ้กัน และ AIS ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยความเร็วอัปโหลดเฉลี่ย 22.4 Mbps ซึ่งทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง TrueMove H (15.8 Mbps) และ DTAC (14.4 Mbps) อย่างชัดเจน ความเร็วระดับนี้เอื้อประโยชน์โดยตรงต่อการไลฟ์สตรีมมิ่งความละเอียดสูง, การวิดีโอคอลที่คมชัด, การส่งไฟล์งานขนาดใหญ่ขึ้นระบบคลาวด์ และการอัปโหลดวิดีโอลงโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น

2. มิติด้านประสบการณ์ (A Flawless Experience): ที่สุดแห่งเกมและแอปฯ เสียง

นอกเหนือจากความเร็ว AIS ยังมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานเฉพาะทาง

  • 5G Games Experience (ประสบการณ์การเล่นเกม 5G): สำหรับคอมมูนิตี้เกมเมอร์ที่กำลังเติบโตในไทย AIS คือเครือข่ายที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยคะแนน 82.3 (จาก 100) การันตีประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์แบบเรียลไทม์ที่ลื่นไหล ค่าความหน่วง (Latency) ต่ำ, อัตราการสูญเสียข้อมูล (Packet Loss) น้อย และความกระตุก (Jitter) ที่ต่ำ ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันเกมที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เฉือนชนะคู่แข่งอย่าง DTAC (80.5) และ TrueMove H (80.1) ไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี
  • 5G Voice App Experience (ประสบการณ์การใช้แอปพลิเคชันเสียง 5G): คุณภาพเสียงในการสื่อสารผ่านแอปฯ ยอดนิยมอย่าง LINE, WhatsApp, หรือ Messenger กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน AIS คว้ารางวัลนี้ไปด้วยคะแนน 82.8 สะท้อนถึงความคมชัดของเสียง, ความต่อเนื่องของการสนทนา และโอกาสการโทรหลุดที่น้อยที่สุด แม้จะเป็นการชนะด้วยคะแนนที่ใกล้เคียงกับ DTAC (82.3) แต่ก็เพียงพอที่จะยืนยันคุณภาพที่เหนือกว่า

3. มิติด้านความครอบคลุมและคุณภาพที่เชื่อถือได้ (Unmatched Reach & Reliability)

  • 5G Availability (ความพร้อมใช้งาน 5G): ตัวชี้วัดนี้ตอบคำถามที่ว่า “ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อ 5G ได้บ่อยแค่ไหน” และคำตอบคือผู้ใช้ AIS สามารถเชื่อมต่อ 5G ได้บ่อยที่สุด คิดเป็นสัดส่วนเวลาถึง 38.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่นำหน้าคู่แข่งอย่าง DTAC และ TrueMove H ที่ทำได้ 32.1% เท่ากัน อย่างมีนัยสำคัญถึง 6.7 เปอร์เซ็นต์พอยต์ นั่นหมายความว่าผู้ใช้ AIS จะได้สัมผัสประสบการณ์ 5G อย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ลดโอกาสที่จะถูกสลับไปใช้เครือข่าย 4G
  • 5G Coverage Experience (ประสบการณ์ความครอบคลุม 5G): นอกจากจะเชื่อมต่อได้บ่อยแล้ว AIS ยังชนะในด้านประสบการณ์ความครอบคลุมในเชิงภูมิศาสตร์ ด้วยคะแนน 2.7 (จาก 10) บ่งชี้ว่าเครือข่าย 5G ของ เอไอเอส มีการขยายตัวไปยังพื้นที่ที่ผู้คนอาศัยและทำงานอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้ใช้สามารถคาดหวังที่จะพบสัญญาณ 5G ได้ในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

AIS

4. มงกุฎแห่งชัยชนะ: 5G Consistent Quality (คุณภาพความสม่ำเสมอ)

รางวัลที่อาจถือว่าสำคัญที่สุดและสะท้อนถึง “คุณภาพที่แท้จริง” ของเครือข่ายในภาพรวมคือ 5G Consistent Quality และ เอไอเอส ก็คว้าชัยในหมวดนี้ไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนนสูงถึง 84.6% ทิ้งห่าง DTAC ที่ได้ 73.6% และ TrueMove H ที่ 68.4% ไปไกล

ตัวชี้วัดนี้มีความซับซ้อนแต่สำคัญอย่างยิ่ง มันไม่ได้วัดแค่ความเร็วสูงสุด แต่ประเมินว่า “เครือข่ายมีความดีพอและสม่ำเสมอพอที่จะรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความต้องการสูงได้หรือไม่” โดยพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ความเร็วดาวน์โหลด/อัปโหลด, ความหน่วง, ความกระตุก, และอัตราการสูญเสียข้อมูล คะแนน 84.6% ของ เอไอเอส

หมายความว่า ในการทดสอบ 100 ครั้ง มีถึงเกือบ 85 ครั้งที่เครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงพอที่จะรองรับกิจกรรมหนักๆ เช่น การประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอลแบบกลุ่มด้วยภาพระดับ HD, การเล่นเกมบนคลาวด์ (Cloud Gaming) ที่ต้องการการตอบสนองแบบทันทีทันใด หรือการใช้งานอุปกรณ์ Smart Home หลายชิ้นพร้อมกันได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ชัยชนะนี้คือเครื่องยืนยันถึงความเสถียรและความน่าเชื่อถือของเครือข่าย เอไอเอส ที่ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจได้ในทุกสถานการณ์

หมัดเด็ดของ DTAC กับชัยชนะในสมรภูมิ “วิดีโอ 5G”

ท่ามกลางการครองตลาดของ เอไอเอส, DTAC ได้สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจด้วยการเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่สามารถเจาะแนวป้องกันและคว้าชัยชนะมาได้ในหมวดหมู่ 5G Video Experience ด้วยคะแนน 73.1 (จาก 100) ซึ่งเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากรายงานครั้งก่อน และเป็นการเบียดเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง เอไอเอส (71.1) และ TrueMove H (71.0) ไปได้สำเร็จ

ชัยชนะนี้มีความหมายมากกว่าแค่ตัวเลข เนื่องจาก “วิดีโอสตรีมมิ่ง” คือกิจกรรมที่บริโภคปริมาณดาต้ามากที่สุดบนเครือข่ายมือถือ การที่ DTAC สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดได้ บ่งชี้ถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการและปรับจูนเครือข่าย (Network Optimization) เพื่อการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ ผู้ใช้งาน DTAC จะได้สัมผัสกับการโหลดวิดีโอที่รวดเร็ว, การรับชมที่ต่อเนื่องไม่สะดุด และการแสดงผลในความละเอียดที่สูงกว่าอย่างสม่ำเสมอ นี่คือชัยชนะเชิงกลยุทธ์ที่แสดงให้เห็นว่า DTAC สามารถเลือกสมรภูมิที่ตนเองจะสู้และทำได้อย่างยอดเยี่ยม

TrueMove H กับอนาคตหลังควบรวมที่ต้องจับตา

แม้ในรายงานฉบับนี้ TrueMove H จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ ในหมวด 5G แต่การมองเพียงผลลัพธ์ระยะสั้นอาจไม่ใช่การวิเคราะห์ที่สมบูรณ์ ปัจจุบัน TrueMove H อยู่ในขั้นตอนการผสานรวมเครือข่ายเข้ากับ DTAC ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา การปรับเปลี่ยนและรวมโครงข่ายอาจส่งผลกระทบต่อตัวชี้วัดบางอย่างในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ศักยภาพในระยะยาวของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมนั้นมหาศาล จากการรายงานล่าสุด บริษัทได้ประกาศความครอบคลุมของ 5G ทั่วประเทศแล้วถึง 93% และตั้งเป้าหมายที่ท้าทายในการขยายให้ครอบคลุมถึง 98% ภายในสิ้นปี 2569 การรวมคลื่นความถี่และเสาส่งสัญญาณของสองยักษ์ใหญ่เข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และมีขีดความสามารถสูงที่สุดในประเทศ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขันได้อย่างสิ้นเชิงในรายงานฉบับต่อๆ ไป

สมรภูมิครั้งใหม่ “การประมูลคลื่นความถี่”

ปัจจัยที่จะเป็นตัวเร่งและตัวแปรสำคัญที่สุดในอนาคตอันใกล้ คือ การประมูลคลื่นความถี่ ที่สำนักงาน กสทช. กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้ โดยจะมีการนำคลื่นความถี่รวมกว่า 450MHz ใน 7 ย่านความถี่ออกมาประมูล รวมถึงย่านความถี่ทองคำอย่าง 2100MHz และ 2300MHz ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการเพิ่มขีดความสามารถ (Capacity) และการขยายพื้นที่ครอบคลุม (Coverage) ของบริการ 5G

การประมูลครั้งนี้เปรียบเสมือนการเดิมพันครั้งสำคัญของผู้ให้บริการทุกราย:

  • สำหรับ เอไอเอส การได้คลื่นเพิ่มเติมคือการตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความได้เปรียบให้ทิ้งห่างออกไปอีก
  • สำหรับ บริษัทใหม่ True-DTAC การประมูลครั้งนี้คือโอกาสสำคัญในการเติมทรัพยากรคลื่นความถี่ให้เต็มมือ เพื่อไล่ตามคู่แข่งและทำให้เป้าหมายการมีเครือข่ายที่ใหญ่และดีที่สุดเป็นจริงได้

ผลลัพธ์ของการประมูลจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพบริการที่ผู้บริโภคจะได้รับในอีก 5-10 ปีข้างหน้า และจะเป็นการเปิดฉากการแข่งขันระลอกใหม่ที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

ทั้งนี้ รายงาน Opensignal ฉบับเดือนมิถุนายน 2568 ได้มอบภาพที่ชัดเจนว่า ในปัจจุบัน เอไอเอส คือผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่มีคุณภาพสูงสุดและรอบด้านที่สุดในประเทศไทย ด้วยความเป็นเลิศทั้งในด้านความเร็ว, ความครอบคลุม, และที่สำคัญที่สุดคือคุณภาพที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ ขณะเดียวกัน DTAC ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันและคว้าชัยในสมรภูมิสำคัญอย่างวิดีโอได้สำเร็จ ส่วน TrueMove H และ DTAC ในฐานะองค์กรใหม่ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่เต็มไปด้วยศักยภาพมหาศาลในอนาคต

สมรภูมิ 5G ของไทยยังคงไม่จบสิ้น การแข่งขันที่ดุเดือดนี้ ควบคู่ไปกับการประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ให้บริการทุกรายต้องเร่งพัฒนาและลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่กับผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทย ที่จะได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่แห่งเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มภาคภูมิ

#AIS #5G #Opensignal #DTAC #TrueMoveH #เครือข่ายมือถือ #เศรษฐกิจดิจิทัล #ข่าวเศรษฐกิจ #AIS5G #ดีแทค #ทรูมูฟเอช #การประมูลคลื่น #กสทช #คุณภาพสัญญาณ #อินเทอร์เน็ต5G

Related Posts