ไปรษณีย์ไทย จับมือสัตวแพทย์ จุฬาฯ เปิดมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงผ่านโครงการ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” ชูบริการ EMS ส่งยาและเวชภัณฑ์ถึงบ้านทั่วประเทศ ตอบรับตลาดสัตว์เลี้ยงมูลค่ามหาศาลที่เติบโตไม่หยุดยั้ง ตั้งเป้าลดความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกให้เจ้าของ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นับเป็นก้าวสำคัญที่สั่นสะเทือนวงการธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงและโลจิสติกส์ของไทย เมื่อสององค์กรยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ เปิดตัวโครงการ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” โซลูชันที่จะเข้ามาพลิกโฉมการให้บริการด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงให้สะดวกสบายและครอบคลุมทั่วถึงกว่าที่เคยเป็นมา
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนจากพฤติกรรม “Pet Humanization” ที่ผู้คนหันมาดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้มูลค่าตลาดบริการรักษาสัตว์พุ่งสูงถึง 6.64 แสนล้านบาทในปี 2567 และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จำนวนสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มขึ้นอีกราว 6% หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 5.38 ล้านตัว ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจมหาศาล แต่ยังสะท้อนถึงความต้องการบริการที่ตอบโจทย์ความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง
โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนการผสานจุดแข็งของสองขั้วอำนาจ นำความเชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์อันดับหนึ่งของประเทศจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาผนวกเข้ากับเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและครอบคลุมที่สุดของไปรษณีย์ไทย เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าใหม่ (Value Chain) ให้กับระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงของประเทศ
เจาะลึกบริการ “พี่ไปรฯ ส่งยา” ตอบโจทย์คนรักสัตว์ยุคใหม่
หัวใจหลักของโครงการคือการให้บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยระบบส่งด่วน EMS ของไปรษณีย์ไทย โดยออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาสำคัญที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมารับยาที่โรงพยาบาล การรอคอยคิวนาน และปัญหาความแออัดภายในโรงพยาบาลสัตว์ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
บริการนี้จะดำเนินการผ่าน 2 ช่องทางหลัก เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ:
- บริการสำหรับผู้ที่นำสัตว์เลี้ยงมารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ: หลังจากการตรวจวินิจฉัยและสั่งยาโดยสัตวแพทย์แล้ว เจ้าของสามารถเลือกใช้บริการจัดส่งยาถึงบ้านได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอรับยาอีกต่อไป
- บริการสำหรับผู้ใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ (Televet): ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือไม่มีความสะดวกในการเดินทาง สามารถรับคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ผ่านระบบ Televet และสั่งจัดส่งยาไปยังที่พักได้โดยตรง
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญของไปรษณีย์ไทยภายใต้แนวคิด “Parcel Defined Logistics” ที่ออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับสิ่งของทุกประเภท โดยเฉพาะยาและเวชภัณฑ์ที่เรามีประสบการณ์จัดส่งให้โรงพยาบาลกว่า 400 แห่งทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2555 รวมแล้วกว่า 2.32 ล้านชิ้น เรานำมาตรฐานนั้นมาปรับใช้กับการส่งยาสัตว์เลี้ยง โดยใช้บริการ EMS ที่การันตีการจัดส่งถึงบ้านภายใน 1-2 วันทำการ ในบรรจุภัณฑ์ที่ควบคุมคุณภาพเพื่อรักษาประสิทธิภาพของยา พร้อมระบบติดตามสถานะตลอด 24 ชั่วโมง และเริ่มต้นในอัตราค่าบริการที่เข้าถึงได้เพียง 120 บาทต่อครั้ง”
จากความร่วมมือสู่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่การอำนวยความสะดวก แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับอนาคตของวงการสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทย
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงพลังแห่งการผนึกกำลังว่า “ความร่วมมือนี้เกิดจากพลังของสององค์กรที่เห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญมาผสานกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ในมุมของจุฬาฯ เราเห็นว่ามหาวิทยาลัยไม่ควรจำกัดบทบาทเพียงการสอนหรือวิจัย แต่ต้องเป็นแรงผลักดันที่สร้างระบบนิเวศใหม่ให้สังคม ขณะที่ไปรษณีย์ไทยก็แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่คุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การส่งพัสดุ แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบบริการสุขภาพที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นสำหรับทุกคน รวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย”
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เสริมในเชิงกลยุทธ์ว่า “นี่คือการจับมือครั้งสำคัญระหว่างแบรนด์ระดับประเทศ ที่มีพลังขับเคลื่อนทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว โครงการนี้ตอกย้ำบทบาทของไปรษณีย์ไทยในการก้าวสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศ เชื่อมโยงการรักษาและเวชภัณฑ์ถึงหน้าบ้านด้วยมาตรฐานที่ไว้วางใจได้ ขณะเดียวกันยังสะท้อนบทบาทของจุฬาฯ ในฐานะผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์ที่มีมาตรฐานและเข้าถึงได้ ซึ่งมีโอกาสต่อยอดไปสู่ระดับนโยบายของประเทศในอนาคต”
ความเชื่อมั่นจากสัตวแพทย์จุฬาฯ สู่มาตรฐานที่จับต้องได้
ความสำเร็จของโครงการนี้ยึดโยงอยู่กับความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับโลก
ศาสตราจารย์ สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า “พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนไป เจ้าของมองว่าสัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัว ทำให้เกิดความต้องการบริการระดับพรีเมียม คณะฯ จึงไม่ได้มองแค่การเป็น ‘ผู้รักษา’ แต่พร้อมจะเป็น ‘ผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ดีแห่งอนาคต’ เรามีทรัพยากรที่เพียบพร้อม ทั้งโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ที่มีบริการคลินิกเฉพาะทาง และเครื่องมือวินิจฉัยขั้นสูงอย่าง CT-Scan และ MRI ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยจึงเป็นโมเดลต้นแบบที่นำความเชี่ยวชาญของเราไปเสริมความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ”
ขณะที่ อาจารย์ น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ มองว่าโครงการนี้คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มระบบการดูแลสัตว์ให้สมบูรณ์ “การดูแลสุขภาพสัตว์ยุคใหม่ต้องครบวงจร ตั้งแต่การปรึกษาผ่าน Televet วางแผนการรักษา ติดตามอาการ ไปจนถึงการส่งยาที่ปลอดภัย โครงการนี้ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ระบบนี้ไร้รอยต่อ และกำลังนำไปสู่ Pet Health Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงของไทยที่ตอบโจทย์คนรักสัตว์ในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”
บทสรุปของความร่วมมือ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” จึงไม่ใช่แค่บริการใหม่ แต่เป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวขององค์กรภาครัฐและสถาบันการศึกษาในการตอบสนองต่อพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งของคนและสัตว์เลี้ยง พร้อมกับเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจและการพัฒนาระบบสาธารณสุขสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
#ไปรษณีย์ไทย #สัตวแพทย์จุฬา #พี่ไปรฯส่งยาสัตวแพทย์จุฬาส่งรัก #ส่งยาสัตว์เลี้ยง #PetWellness #ตลาดสัตว์เลี้ยง #Televet #เศรษฐกิจดิจิทัล #โลจิสติกส์ #นวัตกรรมบริการ