สามารถเทลคอม โชว์แกร่ง กางแผนปี 68 ตั้งเป้ารายได้สูงสุดรอบ 5 ปี

สามารถเทลคอม โชว์แกร่ง กางแผนปี 68 ตั้งเป้ารายได้สูงสุดรอบ 5 ปี

“สามารถเทลคอม” ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก เซ็นสัญญางานใหม่แล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ดัน Backlog แตะ 7,500 ล้านบาท พร้อมกางแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าเซ็นสัญญาทะลุ 1 หมื่นล้านบาท สร้างรายได้รวมกว่า 6,500 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยอันดับเครดิตที่ถูกปรับขึ้นเป็น BBB+ เดินหน้าชูธงบริการ Outsourcing Services ครบวงจร รับเมกะเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัลและความยั่งยืน

กลุ่มบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL เผยทิศทางการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งเป้าหมายการดำเนินงานปี 2568 ที่ท้าทาย ด้วยการสร้างสถิติใหม่ทั้งในแง่ของมูลค่าสัญญาและรายได้รวมสูงสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนศักยภาพและความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลโซลูชันครบวงจรของประเทศ

โชว์ผลงานครึ่งปีแรกสุดแกร่ง-อัพเกรดเครดิตเรทติ้ง

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานล่าสุดว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทสามารถเทลคอม ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีการเซ็นสัญญา รวมถึงชนะงานโครงการใหม่ไปแล้วรวมกว่า 4,000 ล้านบาท อาทิ โครงการที่ดำเนินการกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย, บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น รวมมูลค่างานในมือรอการรับรู้ (Backlog) ประมาณ 7,500 ล้านบาท”

จากความสำเร็จดังกล่าว ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ ICT ของภาครัฐที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจะสามารถชนะการประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี 2568 ได้อีกไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปี บริษัทมีโอกาสเซ็นสัญญางานใหม่มูลค่ารวมทะลุ 10,000 ล้านบาท

ในส่วนของเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 2568 บริษัทคาดว่าจะสามารถทำได้สูงกว่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้คือฐานรายได้ประจำที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ (Recurring Income) ซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 44% ของรายได้รวม นับเป็นสัดส่วนรายได้ประจำที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ความแข็งแกร่งทางการเงินและเสถียรภาพทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้รับการยืนยันจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศอย่าง ทริสเรทติ้ง (TRIS Rating) ซึ่งล่าสุดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของสามารถเทลคอมจากเดิม BBB (ทริปเปิ้ลบี) ขึ้นเป็น BBB+ (ทริปเปิ้ลบี พลัส) การปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการประกอบธุรกิจที่ดีและมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัทและอุตสาหกรรมโดยรวม

ชูธง “Outsourcing Services” ครบวงจร สนับสนุนองค์กรสู่ยุคดิจิทัล

เพื่อตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งส่งผลให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งปรับตัว (Digital Transformation) สามารถเทลคอมได้เล็งเห็นถึงความท้าทายที่องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญ ทั้งในด้านงบประมาณการลงทุนที่สูงในการจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม และการสรรหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในการให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่องค์กรขนาดใหญ่ บริษัทฯ จึงได้วางกลยุทธ์เชิงรุกในการนำเสนอบริการ Outsourcing Services แบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่อเป็นโซลูชันที่ช่วยลดภาระด้านการลงทุน เพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บริการดังกล่าวครอบคลุมทุกขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบ (Design) การติดตั้งและพัฒนา (Implement) การดูแลการดำเนินงาน (Operate) ไปจนถึงการบำรุงรักษา (Maintenance) โดยอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ

  • โซลูชันการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง (Anti-counterfeit Printing)
  • โซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัย (Security Solutions) ครอบคลุมทั้งความปลอดภัยทางกายภาพ (Physical Security) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
  • โซลูชันด้านการเงินและการธนาคาร (Financial & Banking Solutions)
  • โซลูชันอำนวยความสะดวกในภาคการขนส่ง (Transportation Solutions)
  • โซลูชันสนับสนุนภาครัฐในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษี

ขยายตลาด ERP และมุ่งสู่ธุรกิจแห่งความยั่งยืน (Sustainability)

นอกเหนือจากการรุกตลาด Outsourcing Services แล้ว สามารถเทลคอมยังมีแผนขยายตลาดของ บริการระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ นอกเหนือจากกลุ่มสาธารณูปโภคเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอของรายได้ประจำ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) โดยมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด ซึ่งมีแผนจะดำเนินโครงการภายใต้รูปแบบ สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchasing Agreement – PPA) เพื่อจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงต่อยอดความสำเร็จของ โครงการระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Remote Pollution Monitoring & Early Warning System) ที่ได้ดำเนินการให้กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไปแล้ว

ตอกย้ำมาตรฐานระดับโลก สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและการเติบโตของสามารถเทลคอม คือการยึดมั่นในการบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ และบริษัทในเครือได้รับการรับรองมาตรฐานที่สำคัญมากมาย อาทิ

  • ISO 9001: ระบบบริหารคุณภาพ
  • ISO 29110: มาตรฐานการพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ISO 20000: มาตรฐานการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • ISO 27001: มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ

นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตว่า “นอกจากมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและการให้บริการระดับโลกที่เราให้ความสำคัญแล้ว กลุ่มบริษัทสามารถเทลคอม ยังได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจ “Leading to Sustainable future” เพื่อเตรียมรับทิศทางการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน โดยมุ่งมั่นพัฒนา และนำเสนอโซลูชัน และบริการที่ดีเลิศ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ควบคู่กับการใส่ใจสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนองค์กรสู่อนาคตอย่างยั่งยืน”

#สามารถเทลคอม #SAMTEL #ผลประกอบการ #เศรษฐกิจดิจิทัล #DigitalTransformation #OutsourcingServices #BBB+ #TRISRating #หุ้นเทคโนโลยี #ความยั่งยืน #Sustainability

Related Posts