บาทอ่อนค่า! SCB คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์

บาทอ่อนค่า! SCB คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (9 มิถุนายน 2568) อ่อนค่าลง เคลื่อนไหวในกรอบที่กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ประเมินไว้ที่ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ปัจจัยในประเทศเรื่องเงินเฟ้อที่แม้จะติดลบแต่ก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจเป็นปัจจัยพยุงค่าเงินไว้ได้บางส่วน

กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินบาทประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2568 โดยระบุว่า ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) ของสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม ที่ออกมาสูงถึง 139,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์และตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยต่างประเทศ: ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ หนุนดอลลาร์แข็งค่า

ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อทิศทางค่าเงินบาทในขณะนี้คือความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดแรงงาน การที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาดีเกินคาดได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในตลาดการเงินโลก ดังนี้

  1. การแข็งค่าของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index): เมื่อตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ย่อมตีความได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้ดี สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอนาคตอันใกล้ และในทางกลับกัน อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเป็นระยะเวลานานขึ้น (Higher for Longer) เพื่อควบคุมแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากเศรษฐกิจที่ร้อนแรง เมื่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง จึงดึงดูดกระแสเงินทุนจากทั่วโลกให้ไหลเข้าสู่สินทรัพย์สกุลดอลลาร์เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมถึงค่าเงินบาทของไทย

  2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yields) ปรับตัวสูงขึ้น: ผลพวงโดยตรงจากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง คือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรออกมาเพราะคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย การที่ Yields ปรับตัวสูงขึ้น ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจัยภายในประเทศ: เงินเฟ้อไทยดีกว่าคาดการณ์ อาจช่วยพยุงค่าเงิน

ขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นแรงกดดันสำคัญต่อค่าเงินบาท แต่ปัจจัยภายในประเทศก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ประกาศออกมาอยู่ที่ -0.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

แม้ว่าตัวเลขจะยังคงติดลบ ซึ่งหมายถึงภาวะเงินฝืด แต่ก็เป็นตัวเลขที่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบถึง -0.83% YoY การที่อัตราเงินเฟ้อติดลบน้อยกว่าคาดการณ์ มีสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

การที่เงินเฟ้อออกมาดีกว่าคาด อาจส่งสัญญาณบวกบางประการต่อเศรษฐกิจไทย และอาจช่วยลดแรงกดดันต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการที่จะต้องพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในระยะสั้น ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าลงไปรุนแรงกว่านี้ได้

ภาพรวมตลาดภูมิภาค: ญี่ปุ่นปรับกลยุทธ์บอนด์

ในส่วนของปัจจัยในภูมิภาคเอเชีย ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังเตรียมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การออกพันธบัตรรัฐบาล โดยมีแผนจะออกพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้น และลดการออกพันธบัตรระยะยาวลง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yields) ในระยะยาวไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นเร็วเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น แม้เรื่องนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินบาท แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารกลางในภูมิภาคที่จะบริหารจัดการนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลก

บทสรุปและแนวโน้ม

โดยสรุปแล้ว ทิศทางของค่าเงินบาทในระยะสั้นยังคงถูกครอบงำโดยปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนและผู้ประกอบการจึงควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับปัจจัยในประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจอย่างอัตราเงินเฟ้อจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ตลาดจับตามอง เพื่อประเมินทิศทางการตัดสินใจของ กนง. ต่อไป ทั้งนี้ SCB Financial Markets ประเมินว่าค่าเงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.60-32.85 บาทต่อดอลลาร์

#ค่าเงินบาท #เศรษฐกิจ #SCB #เงินบาท #อัตราแลกเปลี่ยน #ดอลลาร์สหรัฐ #ตลาดการเงิน #เงินเฟ้อ #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #เศรษฐกิจสหรัฐ #ธนาคารไทยพาณิชย์

Related Posts