SCGC กางแผนรุกปิโตรฯ ชู HVA-Green Polymer เสริมแกร่งรับตลาดฟื้นตัว

SCGC กางแผนรุกปิโตรฯ ชู HVA-Green Polymer เสริมแกร่งรับตลาดฟื้นตัว

เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ประกาศเดินเกมรุกเต็มสูบทั้งระยะสั้น-ยาว เตรียมความพร้อมรับมือทุกสภาวะตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาคที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และนวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) พร้อมอัปเดตความคืบหน้าโครงการ LSPE ในเวียดนาม คาดแล้วเสร็จปลายปี 2570 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เปิดแผนกลยุทธ์เชิงรุก รับมือความท้าทายและคว้าโอกาสในตลาดปิโตรเคมีที่กำลังฟื้นตัว โดยนายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ซีอีโอ SCGC เผยทิศทางธุรกิจมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้า HVA และ Green Polymer พร้อมเร่งเครื่องโครงการ LSPE ในเวียดนาม เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้าน บริษัทยังคงมั่นใจในศักยภาพและเตรียมพร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านธุรกิจใหม่ Industrial Service Solutions

ภาพรวมตลาดปิโตรเคมีและความท้าทาย

นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือSCGC เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดปิโตรเคมีว่า ปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว สะท้อนจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Spread) ที่ค่อนข้างคงที่นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2567 ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 1 ปี 2568 สถานการณ์สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้ส่งผลบวกในระยะสั้นต่อตลาด จากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์ชัยเน้นย้ำว่ายังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากนโยบายทางการค้าของทั้งสองประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ผลิตหลายรายในอุตสาหกรรมได้มีการปรับลดกำลังการผลิตลง อันเนื่องมาจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวช่วยพยุงให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไม่ปรับตัวลดต่ำลงไปกว่าเดิม จากสภาวะดังกล่าว SCGCประเมินว่าวัฏจักรปิโตรเคมีในปัจจุบันน่าจะอยู่ในช่วงต่ำสุดแล้ว

“สำหรับวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงในรอบนี้ถือว่ารุนแรงและยาวนานกว่าปกติ” นายศักดิ์ชัยกล่าว “เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19, ความผันผวนอย่างรุนแรงของราคาน้ำมัน, ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว, รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากการที่ผู้เล่นบางรายในตลาดโลกได้ผันตัวจากการเป็นประเทศผู้นำเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเอง”

SCGC

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ SCGCยังคงสามารถรับมือและปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ

กลยุทธ์เชิงรุกระยะสั้นและระยะยาวของ SCGC

เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง SCGCได้วางกลยุทธ์เชิงรุกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นายศักดิ์ชัย กล่าวถึงกลยุทธ์ดังกล่าวว่า “SCGCเน้นกลยุทธ์เชิงรุกทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

กลยุทธ์ระยะสั้น ประกอบด้วย 4 แนวทางหลัก:

  1. การลดต้นทุนอย่างเข้มข้น: มุ่งเน้นการลดต้นทุนวัตถุดิบ, ลดเงินทุนหมุนเวียน และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  2. เร่งพัฒนาสินค้า HVA และ Green Polymer: ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA : High Value Added Products & Services) รวมถึงการพัฒนาพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ใส่ใจในความยั่งยืนมากขึ้น
  3. เร่งขยายธุรกิจ Service Solutions ครบวงจร: ต่อยอดความเชี่ยวชาญเพื่อนำเสนอโซลูชันการบริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม
  4. การขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจาก PVC (PVC Fabrication): มองหาโอกาสในการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ผลิตจากพีวีซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท

สำหรับกลยุทธ์ระยะยาว: SCGCมุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP (Long Son Petrochemicals) ประเทศเวียดนาม หรือที่เรียกว่าโครงการ LSPE (LSP Cracker No.2 Expansion) การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทในตลาดภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ

SCGC

เจาะลึกจุดแข็ง: สินค้า HVA และ Green Polymer

กลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญและเป็นหัวใจในการสร้างความแตกต่างของSCGC บริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และการใช้งานเฉพาะทางในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น พอลิเมอร์สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยและยืดอายุการเก็บรักษา, ชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน, วัสดุสำหรับงานโครงสร้างและวัสดุก่อสร้างประสิทธิภาพสูง เป็นต้น เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยรวมอยู่ในภาวะขาลง แต่กลุ่มสินค้า HVA ของ SCGC ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดในภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้

นอกเหนือจาก HVA แล้ว SCGCยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนา พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ SCGC Green Polymer ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก GRS (Global Recycled Standard) โดยSCGC ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง (Advanced Recycling) ควบคู่ไปกับการพัฒนาสูตรเฉพาะ (Formulation) ที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง ตัวอย่างเช่น เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่นสำหรับบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค, เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น SCGCได้ขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับคู่ค้าและเจ้าของแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ ยูนิลีเวอร์, ไลอ้อน, คาโอ, เจบีพี และโฮมโปร เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขยายธุรกิจใหม่: Industrial Service Solutions ต่อยอดความเชี่ยวชาญ

เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น SCGCได้รุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่คือ “Industrial Service Solutions” นายศักดิ์ชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “SCGCยังได้ขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและขยายฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น อาทิ ธุรกิจ “Industrial Service Solutions” โดย นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีในการดูแลเครื่องจักร ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่พัฒนาโซลูชัน “DRS by REPCO NEX” (DRS : Digital Reliability Service Solutions) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลโซลูชันอัจฉริยะสำหรับภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจรเป็นรายแรกของโลก”

โซลูชัน DRS by REPCO NEX นี้จะมุ่งเน้นการดูแลประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรแบบครบวงจร (Asset Performance Management) ครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น การซ่อมบำรุงอัจฉริยะครบวงจรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล, การให้คำปรึกษาและดำเนินการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม, และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น การขยายธุรกิจในส่วนนี้เป็นการนำเอาองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญที่ SCGC สั่งสมมาอย่างยาวนานในด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีการดูแลเครื่องจักรในโรงงานของตนเอง มาพัฒนาเป็นโซลูชันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าภายนอก นับเป็นการสร้างแหล่งรายได้ใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโดยรวม

ความคืบหน้าโครงการ LSPE ในเวียดนาม

สำหรับความคืบหน้าของโครงการ LSPE (LSP Cracker No.2 Expansion) ซึ่งเป็นส่วนขยายของโรงงาน LSP ในประเทศเวียดนามนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ระยะยาวของ SCGC ในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน นายศักดิ์ชัยได้ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า “สำหรับความคืบหน้าของโครงการ LSPE นั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าโครงการฯ โดยดำเนินการ 3 ภารกิจหลักได้สำเร็จ ได้แก่ 1) การลงนามในสัญญาระยะยาวซื้อขายก๊าซอีเทนและท่าเรือส่งออก 2) การลงนามในสัญญาเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (VLECs) จำนวน 5 ลำ และ 3) การลงนามในสัญญาออกแบบ จัดหาและก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน”

ขณะนี้ โครงการ LSPE อยู่ระหว่างการดำเนินการในรายละเอียดตามแผนงานที่ได้วางไว้ และคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ประมาณปลายปี 2570 การใช้ก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบเพิ่มเติมจะช่วยให้ SCGC สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดปิโตรเคมีกลับเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น

ทั้งนี้ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เป็นผู้นำในธุรกิจพอลิเมอร์แบบครบวงจรเพื่อความยั่งยืน โดยมีฐานการผลิตหลักใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ธุรกิจของ SCGC ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย ประกอบด้วยเม็ดพลาสติกหลัก 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน (PE), พอลิโพรพิลีน (PP), และพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC)

SCGCมุ่งมั่นสร้างสรรค์ “นวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นได้” (INNOVATION THAT’S REAL) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA : High Value Added Product & Service) รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon เช่น นวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Polymer ภายใต้แบรนด์SCGC GREEN POLYMERTM ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและตอบรับเมกะเทรนด์สำคัญของโลก ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน, บรรจุภัณฑ์, สินค้าอุปโภคบริโภค, ยานยนต์ และโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

#SCGC #เอสซีจีเคมิคอลส์ #ปิโตรเคมี #HVA #GreenPolymer #กลยุทธ์ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #นวัตกรรม #ความยั่งยืน #LSPE #ESG #DRSbyRECPONEX #IndustrialServiceSolutions #ตลาดปิโตรเคมี #เคมีภัณฑ์

Related Posts