ไปรษณีย์ไทย ปั้น ‘ถั่วตัดโบราณ’ พิษณุโลกสู่ดิจิทัล สร้างรายได้สู่ชุมชน

ไปรษณีย์ไทย ปั้น ‘ถั่วตัดโบราณ’ พิษณุโลกสู่ดิจิทัล สร้างรายได้สู่ชุมชน

พิษณุโลก, ประเทศไทย – ท่ามกลางยุคสมัยที่คลื่นแห่งดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและรูปแบบการค้าไปอย่างสิ้นเชิง ยังมีของดีในชุมชนอีกมากมายที่รอคอยโอกาสในการก้าวข้ามขีดจำกัดทางกายภาพเพื่อไปสู่สายตาของผู้บริโภคในวงกว้างล่าสุด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในฐานะหน่วยงานที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ได้ตอกย้ำบทบาทมากกว่าผู้ขนส่งพัสดุ เปิดตัวโครงการต้นแบบในการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก

โดยจับมือกับศูนย์ดิจิทัลชุมชน โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ปั้นแบรนด์ “ถั่วตัดโบราณเจ้าพ่อแพลอย” ผลผลิตจากภูมิปัญญาของ “กลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์ จังหวัดพิษณุโลก” จากแผงขายเล็กๆ ในวัด สู่การเป็นดาวเด่นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับประเทศอย่าง Thailand Post Mart สร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืนและจับต้องได้

ต้นกำเนิด “ถั่วตัดโบราณ” รสชาติแห่งศรัทธาและพลังของผู้สูงวัย

ณ ลานวัดสว่างอารมณ์อันร่มรื่น ศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในจังหวัดพิษณุโลก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันน่าประทับใจ ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการรวมตัวสร้างสรรค์ของ “กลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์” กลุ่มคุณตาคุณยายที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการล้อมวงกันทำ “ถั่วตัด” ตามสูตรโบราณที่สืบทอดกันมา กิจกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความเพลิดเพลิน แต่ยังเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมและสร้างคุณค่าให้แก่สมาชิกในกลุ่ม

ถั่วตัดของที่นี่ มีชื่อแบรนด์อันเป็นเอกลักษณ์ว่า “ถั่วตัดโบราณ เจ้าพ่อแพลอย” ซึ่งเป็นชื่อที่ทางกลุ่มตั้งขึ้นเพื่อสร้างการจดจำ โดยทุกขั้นตอนการผลิตยังคงยึดมั่นในกรรมวิธีดั้งเดิม ตั้งแต่การคัดเลือกถั่วลิสงคุณภาพดี คั่วด้วยไฟอ่อนๆ ในกระทะทองเหลืองจนหอมกรุ่น เคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวด้วยความใจเย็นจนได้ที่ ก่อนจะนำมาคลุกเคล้าและตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ความพิเศษอยู่ที่รสชาติหวานมันกลมกล่อม ไม่แข็งกระด้าง และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากจากถั่วตัดที่ผลิตในระบบอุตสาหกรรม

แต่สิ่งที่ทำให้ถั่วตัดของกลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์พิเศษยิ่งกว่ารสชาติ คือเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่อยู่เบื้องหลัง การทำขนมนี้คือหัวใจของการสร้างสังคมผู้สูงวัยที่เข้มแข็ง รายได้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นรายได้ของกลุ่ม เพื่อนำมาจัดสรรปันส่วนเป็นรายได้เสริมให้แก่สมาชิก ช่วยลดภาระทางการเงินของลูกหลาน และที่สำคัญกว่านั้นคือ รายได้ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของวัดและชุมชน ทำให้ขนมทุกชิ้นที่ถูกขายออกไป ไม่เพียงสร้างความอร่อยแก่ผู้ซื้อ แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่า สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้สูงวัยในชุมชนอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม โลกของกลุ่มผู้สูงอายุฯ ก่อนหน้านี้จำกัดอยู่เพียงในพื้นที่วัดและชุมชนใกล้เคียง การขายจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคนเดินทางมาที่วัด หรือมีงานบุญในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งหมายถึงรายได้ที่ไม่แน่นอนและโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าที่จำกัดอย่างยิ่ง สินค้าดีมีคุณภาพกลับถูกขังอยู่ในกรอบของ “การขายแบบออฟไลน์” เพจเฟซบุ๊กที่เคยมีก็ขาดการดูแล และที่สำคัญที่สุดคือตัวผลิตภัณฑ์เองยังขาด “ภาพลักษณ์” สำหรับโลกยุคใหม่ บรรจุภัณฑ์เป็นเพียงถุงพลาสติกใสธรรมดา ไม่มีฉลาก ไม่มีข้อมูลส่วนผสม และแน่นอนว่ายังไม่มีการรับรองมาตรฐานใดๆ

“ไปรษณีย์ไทย” ผู้ค้นพบเพชรเม็ดงามและภารกิจปั้นดาวสู่โลกออนไลน์

โจทย์ใหญ่ข้อนี้ถูกค้นพบโดยทีมงานของไปรษณีย์ไทย ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของถั่วตัดโบราณ ด้วยภารกิจหลักของแพลตฟอร์ม Thailand Post Mart ที่ไม่ได้เป็นเพียงตลาดออนไลน์ แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “ประตูแห่งโอกาส” สำหรับสินค้าชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศโดยเฉพาะ

ทีมงานไปรษณีย์ไทยเล่าว่า “เรามองเห็นมากกว่าขนมถั่วตัด เราเห็นเรื่องราว เห็นพลังของผู้สูงวัย และเห็นคุณค่าทางสังคมที่ยิ่งใหญ่ เราจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปพูดคุยกับทางกลุ่มฯ และเสนอตัวเป็นพี่เลี้ยง เพื่อนำสินค้าชิ้นนี้ออกจากข้อจำกัดเดิมๆ และนำเสนอสู่สายตาคนทั้งประเทศ”

ภารกิจ “ปั้นดาว” จึงเริ่มต้นขึ้น โดยไปรษณีย์ไทยได้เข้าไปทำงานร่วมกับกลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์อย่างใกล้ชิดในทุกมิติ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบครบวงจร (End-to-end Solution) ที่หาได้ยาก

  1. การปรับโฉมผลิตภัณฑ์และสร้างมาตรฐาน (Product Development & Standardization): สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจให้กับตัวสินค้า ทีมงานได้ให้คำแนะนำในการออกแบบ บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ใหม่ทั้งหมด จากถุงพลาสติกใสธรรมดา กลายเป็นซองที่มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย แต่ยังคงกลิ่นอายของความเป็นพื้นบ้าน มีการปิดผนึกอย่างดีเพื่อรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของขนม และที่สำคัญที่สุดคือการจัดทำ ฉลากสินค้า ที่ระบุข้อมูลสำคัญอย่างครบถ้วน ทั้งชื่อแบรนด์ “ถั่วตัดโบราณเจ้าพ่อแพลอย”, ส่วนผสม, แหล่งผลิตที่ชัดเจนคือ “กลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์”, และคำแนะนำในการเก็บรักษา ซึ่งแม้จะยังไม่มีเครื่องหมาย อย. แต่การมีข้อมูลเหล่านี้ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก และเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่การขอมาตรฐานในอนาคต

  2. การสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัล (Digital Content & Marketing): เมื่อสินค้ามีภาพลักษณ์ที่พร้อมแล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้โลกได้รู้จัก ทีมงานไปรษณีย์ไทยได้ลงพื้นที่ ถ่ายภาพสินค้า ด้วยช่างภาพมืออาชีพ ทำให้ภาพที่ออกมาดูน่ารับประทานและบอกเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี จากนั้นได้นำข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดไป สร้างร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Thailand Post Mart ให้แบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่การเขียนคำบรรยายสินค้าที่ดึงดูดใจ ไปจนถึงการตั้งค่าระบบหลังบ้านทั้งหมด ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุซึ่งไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี สามารถมีหน้าร้านออนไลน์เป็นของตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวลกับความยุ่งยากทางเทคนิค

  3. การผนึกกำลังกับศูนย์ดิจิทัลชุมชน (Synergy with Digital Center): ความพิเศษของโครงการนี้คือการทำงานร่วมกับ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ซึ่งศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อยอดกิจกรรมในอนาคต เช่น การจัดอบรมสอนการไลฟ์สดขายสินค้า, การสร้างคอนเทนต์วิดีโอลงบน TikTok เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังเป็นพื้นที่ให้คนในชุมชนได้เข้ามาเรียนรู้ทักษะด้านดิจิทัลเพิ่มเติม เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนกันอย่างแท้จริง

สู่การขายจริง: เมื่อออเดอร์แรกมาถึง และรอยยิ้มที่เบ่งบาน

วันเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของ “ถั่วตัดโบราณเจ้าพ่อแพลอย” ถูกกำหนดให้ตรงกับวันเปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนฯ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ เมื่อเสียงแจ้งเตือน “ออเดอร์แรก” ดังขึ้น มันไม่ใช่แค่สัญญาณของการขาย แต่คือเสียงของความหวังและบทพิสูจน์ว่าพลังของผู้สูงวัยนั้นไร้ขีดจำกัด

โมเดลการขายบน Thailand Post Mart ยังถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดย ราคาสินค้าที่แสดงบนหน้าเว็บจะเป็นราคาสุทธิที่รวมค่าจัดส่งทั่วประเทศไว้แล้ว ผู้ซื้อไม่ต้องคำนวณค่าส่งให้วุ่นวาย ส่วนฝั่งผู้ขายอย่างกลุ่มผู้สูงอายุฯ เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็มีหน้าที่เพียงแค่ช่วยกันแพ็กสินค้าตามออเดอร์ จากนั้น เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะขับรถเข้าไปรับพัสดุถึงที่วัด เป็นบริการ “Pick-up Service” ที่ช่วยลดภาระและต้นทุนการเดินทางของผู้ประกอบการได้อย่างมหาศาล

“พวกเราดีใจกันมาก ตอนแรกก็ทำกันแค่ในวัด ไม่คิดว่าจะได้ขายไปทั่วประเทศแบบนี้” ประธานกลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องขอบคุณทีมงานไปรษณีย์ที่เข้ามาช่วยทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่ทำซองขนม ถ่ายรูปให้ จนมีคนสั่งซื้อเข้ามาจากที่ไกลๆ การมีรายได้เสริมทำให้พวกเรามีกำลังใจ รู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า และยังได้ทำบุญทำประโยชน์ให้วัดได้อีกด้วย”

โมเดลต้นแบบสู่การขยายผล และประตูที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน

เรื่องราวของ “ถั่วตัดโบราณเจ้าพ่อแพลอย” และกลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์ ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าที่น่าประทับใจ แต่คือ “โมเดลต้นแบบ” ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าศักยภาพของเครือข่ายไปรษณีย์ไทย เมื่อผนวกเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลและความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ สามารถปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมสังคมผู้สูงวัยได้อย่างไร้ขีดจำกัด เป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุค “ส่งของ” สู่ยุค “ส่งเสริมและสร้างโอกาส”

ไปรษณีย์ไทยยืนยันว่าประตูแห่งโอกาสนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้าน หรือสินค้า OTOP ใดๆ ที่มีคุณภาพและเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Thailand Post Mart ได้ตลอดทั้งปี เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ www.thailandpostmart.com และเลือกเมนู “ติดต่อขายสินค้า” กรอกข้อมูลเบื้องต้น จากนั้นจะมีทีมงานส่วนกลางติดต่อกลับไปเพื่อให้คำปรึกษาและดูแลขั้นตอนต่างๆ จนสามารถเปิดร้านค้าได้สำเร็จ

โครงการนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยหนึ่งราย แต่มันคือการจุดประกายความหวังและสร้างพิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั่วประเทศ เพื่อให้ “ของดี” ของไทย ไม่ว่าจะมาจากพลังของใคร หรือซ่อนตัวอยู่ในมุมไหนของแผ่นดิน ก็สามารถก้าวออกมาเฉิดฉายบนเวทีระดับชาติและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลต่อไป

#ไปรษณีย์ไทย #ThailandPostMart #เคียงข้างคนไทย #ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก #ดิจิทัลชุมชน #ถั่วตัดโบราณเจ้าพ่อแพลอย #กลุ่มผู้สูงอายุวัดสว่างอารมณ์ #พิษณุโลก #พลังสูงวัย #วิสาหกิจเพื่อสังคม #สินค้าชุมชน #FromLocalToGlobal

Related Posts