ทรู ชู “ชมรม” พลิกวัฒนธรรมองค์กร สร้างสุข-ปลุกแพสชันพนักงาน

ทรู ชู “ชมรม” พลิกวัฒนธรรมองค์กร สร้างสุข-ปลุกแพสชันพนักงาน

ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดมิติใหม่ของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งจากภายใน ผ่านกลยุทธ์ “ชมรมพนักงาน” ที่เปลี่ยนออฟฟิศให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข เปิดโอกาสให้พนักงานได้กลับมาทำในสิ่งที่รัก สร้างเครือข่ายไร้กำแพง และส่งเสริมความหลากหลายอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่กิจกรรมผ่อนคลาย แต่คือเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างความผูกพันและปลดล็อกศักยภาพพนักงานสู่การเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

ในยุคที่การรักษาบุคลากรคุณภาพและการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดึงดูดใจกลายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรชั้นนำ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ได้นำเสนอแนวทางที่น่าสนใจในการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีชีวิตชีวาและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ ผ่านการจัดตั้ง “ชมรมพนักงาน” ที่เปิดพื้นที่ให้บุคลากรได้รวมตัวกันตามความสนใจและแพสชัน แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลายจากภาระงาน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้าง โอบรับความหลากหลาย และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โครงการนี้ริเริ่มโดยทีมทรัพยากรบุคคล (Human Resources) ของทรู ซึ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับผลการวิจัยจาก Perceptyx บริษัทเทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ประสบการณ์พนักงานระดับโลก ที่ระบุว่าพนักงานที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมหรือชมรมตามความสนใจ มีแนวโน้มที่จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและความภักดีต่อองค์กรในระยะยาว

ปัจจุบัน ทรูได้จัดตั้งชมรมที่หลากหลายและครอบคลุมความสนใจต่างๆ ถึง 8 ชมรม ได้แก่ ชมรมบาสเกตบอล, ฟุตบอล, แบดมินตัน, วิ่ง, ดนตรี, ทรูอาสา, ท่องเที่ยว และชมรม Bring Your Best ซึ่งแต่ละชมรมได้เริ่มดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2567

จากพื้นที่ทำงาน สู่พื้นที่แห่งความสนุกและมิตรภาพ

ปัญหาสำคัญที่คนทำงานจำนวนมากต้องเผชิญ คือการห่างหายจากกิจกรรมที่เคยรักและหลงใหลไปตามภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น การเกิดขึ้นของชมรมต่างๆ ในทรูจึงเปรียบเสมือนการจุดประกายไฟแห่งแพสชันให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

นายศรัณยู ลวางกูร จากทีม Network Planning, Engineering & Operation และประธานชมรมแบดมินตัน เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวว่า “ผมเล่นแบดมินตันมาต่อเนื่องตั้งแต่เด็กจนถึงมหาวิทยาลัย แต่พอทำงานก็หยุดเล่นไปเป็น 10 ปี เพิ่งได้กลับมาตีแบดอีกครั้งก็ตอนที่ทรูเปิดชมรมเมื่อปีที่แล้ว”

ความรู้สึกนี้สะท้อนเสียงของพนักงานอีกหลายคน เช่นเดียวกับ นายเอกรินทร์ ผ่อนวัฒนา เหรัญญิกชมรมฟุตบอล จากทีม Procurement & Logistics ที่เสริมว่า “ผมว่าทุกคนน่าจะรู้สึกดีใจ คิดว่าบริษัทน่าจะมีชมรมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อย่างฟุตบอลปกติก็จะมีก๊วนประจำแยกกันไป หลายคนพอเข้าสู่วัยทำงานก็ห่างหาย พอเปิดชมรม พี่ๆ รุ่นอายุ 50 กว่าทักมาเยอะเลยว่าอยากเข้ามาเล่นด้วย เราก็จัดสรรแบ่งทีมให้เข้ามาเล่นสนุกด้วยกันได้”

กระบวนการของชมรมเริ่มต้นอย่างเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ หลังจากการเปิดตัว แต่ละชมรมได้สร้างกลุ่มไลน์เพื่อเปิดรับสมัครสมาชิก จากนั้นทีม HR จะเข้ามาสนับสนุนการนัดพบครั้งแรกเพื่อสร้างความคุ้นเคยและจัดตั้งคณะกรรมการบริหารชมรมอย่างเป็นทางการ เพื่อให้กิจกรรมสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ทลายกำแพงด้วยแพสชัน สร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจ (Psychological Safety)

หัวใจสำคัญที่ทำให้ชมรมของทรูประสบความสำเร็จคือการเป็น “พื้นที่ปลอดภัยทางใจ” (Psychological Safety) ที่ซึ่งพนักงานทุกคนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีกำแพงของตำแหน่ง อายุ เพศ หรือระดับทักษะมาขวางกั้น ขอเพียงมีใจรักในสิ่งเดียวกันก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันได้

นายสรรควร สัตยมงคล สมาชิกชมรมบาสเกตบอล จากทีม Innovation Center เล่าถึงบรรยากาศการรวมตัวครั้งแรกว่า “มีตั้งแต่น้องๆ เด็กรุ่นใหม่ ไปจนถึงพี่ๆ รุ่นใหญ่ น้องผู้หญิงหรือ LGBTQ ก็มาเล่นด้วยกัน หลายคนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเลยนะ แต่ความชอบบาสเกตบอลเหมือนกันทำให้มารวมตัวกันได้”

เช่นเดียวกับชมรมท่องเที่ยว ที่สามารถรวมตัวคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้ออกเดินทางไปด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง นางสาวสุมาลา วงศ์ขำ ประธานชมรมท่องเที่ยว จากทีม Digital Communications กล่าวว่า “หลายคนคิดว่าการไปเที่ยวกับคนไม่รู้จักกันน่าจะยาก แต่สุดท้ายทริปแรกที่ชวนไปกางเต็นท์และปลูกป่าก็มีสมาชิกมาร่วม ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อน แล้วก็มีคนที่ทำงานอยู่คนละตึกด้วย แต่ก็ไปเที่ยวสนุกด้วยกันได้”

ทรู

มากกว่าความสนุก คือการเติบโตและพัฒนาทักษะ

สิ่งที่สมาชิกได้รับจากชมรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าแค่ความสนุกสนาน แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ความมั่นใจ และแรงบันดาลใจที่ส่งผลดีต่อทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว

นายอลงกรณ์ ศรีม่วง รองประธานชมรมวิ่ง จากทีม Workplace Management แบ่งปันประสบการณ์ว่า “ตอนที่วิ่งคนเดียวเราก็วิ่งของเราไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็อาจจะหยุด แต่พอเข้าชมรม ได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆ ที่วิ่งเก่งกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เขาก็แนะนำเทคนิคช่วยให้เราวิ่งได้ดีขึ้น พอมาวิ่งด้วยกันก็ได้ระยะที่ไกลกว่าเดิม มีแรงใจตั้งเป้าหมายให้ถึงมินิมาราธอนจนถึงมาราธอนด้วยกัน”

ในขณะที่ชมรมดนตรีกลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางดนตรีข้ามวัย นายอดิศร อธิคมชาคร ประธานชมรมดนตรี จากทีม Internal Communications เล่าว่า “ครั้งล่าสุดที่เราซ้อมเพื่อเล่นดนตรีในออฟฟิศก็ท้าทายมาก เพราะบางเพลงใน Playlist ที่สมาชิกเลือกมา เราไม่เคยฟังมาก่อน ขณะเดียวกัน น้องๆ เองก็ต้องลองเล่นเพลงที่ไม่ได้คุ้นเคยกับวัยของเขา ก็ถือเป็นการฝึกฟังและเล่นเพลงใหม่ไปพร้อมกัน”

ยิ่งไปกว่านั้น ชมรมกีฬายังได้พัฒนาไปสู่การจัดตั้งทีมเพื่อลงแข่งขันกับหน่วยงานภายนอกอย่างเป็นระบบ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จที่จับต้องได้ของกิจกรรมเหล่านี้

ขับเคลื่อนคุณค่าองค์กรผ่านกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วม

ชมรมในทรูไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องงานอดิเรก แต่ยังขยายผลไปสู่การขับเคลื่อนภารกิจและคุณค่าหลักขององค์กร โดยเฉพาะด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI)

นางสาวปิลันธนี พาณิชพัฒน์ ประธานชมรมทรูอาสา และหนึ่งในทีม Corporate Relations มองว่าชมรมคือช่องทางที่เปลี่ยนให้พนักงานจากเพียง “ผู้รับรู้” กลายเป็น “ผู้มีส่วนร่วม” ในโครงการเพื่อสังคมของทรู “ล่าสุดเราพาไปทำกิจกรรมศิลปะเชื่อมใจ ที่มูลนิธิออทิสติกไทย เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะทำให้เราได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย”

ขณะที่ชมรม Bring Your Best ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นกระบอกเสียงและสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับความหลากหลายในองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง, LGBTQ+ และคนพิการ นายสุชิน แสงละออ รองประธานชมรมฯ จากทีม Sustainability Development กล่าวว่า “เราจัดเวิร์กช็อป ’เท่าทัน เพราะ เท่าเทียม’ ที่ให้ความรู้เรื่องการคุกคามในที่ทำงาน ซึ่งได้รับฟีดแบ็กที่ดี เพราะบางทีเรายังไม่รู้เลยว่าการกระทำเล็กๆ ก็นับเป็นการคุกคามได้ อย่างน้อยเราอยากให้ชมรมนี้เป็นเพื่อนที่เขามาปรึกษาได้ทุกเรื่อง” ซึ่งกิจกรรมนี้สอดรับกับแคมเปญ #BringYourBest ในเดือนแห่งความภาคภูมิใจในความหลากหลาย (Pride Month) ที่ทรูแสดงจุดยืนสนับสนุนความเท่าเทียมอย่างชัดเจน

ผู้บริหารร่วมวง “สปอนเซอร์” ที่ลงสนามจริง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมชมรมแข็งแกร่งและไร้ซึ่งกำแพงอย่างแท้จริง คือการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของผู้บริหารระดับสูง ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียง “สปอนเซอร์” สนับสนุนด้านงบประมาณ แต่ยังลงมาร่วมกิจกรรมในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็น คุณนกุล โลหะทิพยรัตน์ Co-CFO ที่ร่วมลงสนามกับชมรมแบดมินตัน, คุณฐานพล มานะวุฒิเวช CMO ที่ลงเล่นกับชมรมบาสเกตบอล, คุณจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ CCAO ที่ร่วมร้องเพลงและเล่นกีตาร์กับชมรมดนตรี ไปจนถึง คุณยุภา ลีวงศ์เจริญ Co-CFO, คุณประเทศ ตันกุรานันท์ CTISO และ คุณเอกราช ปัญจวีณิน CDO & CBO ที่เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมวิ่ง ทรูอาสา และฟุตบอลตามลำดับ การกระทำเหล่านี้ได้ทลายกำแพงลำดับชั้นในองค์กร และสร้างบรรยากาศของความเป็นกันเองอย่างแท้จริง

ท้ายที่สุด ทุกเสียงสะท้อนตรงกันว่าการมีชมรมได้เติมเต็มชีวิตการทำงานให้มีสีสันและมีความหมายมากขึ้น “รู้สึกว่าสนุกขึ้นนะ อยากมาเจอเพื่อนๆ ที่เล่นฟุตบอลด้วยกัน” นายเอกรินทร์กล่าว ขณะที่นายสรรควรทิ้งท้ายว่า “มีแรงบันดาลใจมากขึ้นเลยครับ เมื่อก่อนผมเป็น ‘นักบาสพเนจร’ ตอนนี้เลิกงานก็มีเพื่อนเล่นบาสที่ออฟฟิศแล้ว”

เรื่องราวของ “ชมรม” ในทรูจึงเป็นมากกว่าแค่สวัสดิการพนักงาน แต่เป็นภาพสะท้อนของกลยุทธ์การบริหารจัดการทุนมนุษย์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อพนักงานมีความสุข ได้เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกผูกพันกับองค์กร พวกเขาก็จะสามารถปลดปล่อยศักยภาพและขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

#ทรู #วัฒนธรรมองค์กร #ชมรมพนักงาน #ความสุขในที่ทำงาน #WorkLifeBalance #EmployeeEngagement #ความหลากหลาย #BringYourBest #PrideMonth #พนักงานสัมพันธ์ #CSR

Related Posts