ทรู คอร์ปอเรชั่น สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการเทคคอมปานีไทยอีกครั้ง ด้วยการคว้าอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากการประเมินโดย S&P Global ติดกลุ่ม Top 1% ใน The Sustainability Yearbook 2025 ตอกย้ำวิสัยทัศน์การนำธุรกิจควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดโรดแมประยะยาวมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 และสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและเท่าเทียม
ในยุคที่ภูมิทัศน์ทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล บทบาทของบริษัทเทคโนโลยี (Tech Company) ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจอีกต่อไป แต่ยังขยายขอบเขตไปสู่การเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้แก่โลก ทรู คอร์ปอเรชั่น (True Corporation) เทคคอมปานีชั้นนำของไทย ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นดังกล่าวอีกครั้ง ด้วยการได้รับการจัดอันดับให้เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนสูงสุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของโลก
ล่าสุด ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ Top 1% ของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนยอดเยี่ยม ในรายงาน “The Sustainability Yearbook 2025” ซึ่งจัดทำโดย S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นผลมาจากการประเมินดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices – DJSI) ประจำปี 2024 ซึ่งทรูสามารถทำคะแนนรวมได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของโลก และนับเป็นการครองตำแหน่งผู้นำต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน
ความสำเร็จในครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากจำนวนบริษัททั่วโลกกว่า 7,600 แห่งที่เข้ารับการประเมินในปีที่ผ่านมา และมีเพียง 46 องค์กรจากประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในรายงานฉบับนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการดำเนินงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของทรู
“ไม่ใช่แค่รักษาสิ่งเดิม แต่คือการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก”
ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้รับการตอกย้ำผ่านมุมมองของผู้บริหารระดับสูงขององค์กร
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้รับการพิจารณาจากองค์กรระดับโลกอย่าง S&P Global ให้ติดอันดับผู้นำด้านความยั่งยืน DJSI 2024 ด้วยคะแนนรวมสูงสุดที่ Top 1% ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโลก 7 ปีซ้อน รางวัลนี้ไม่ได้เป็นเพียงบทพิสูจน์ในการรักษาสิ่งที่องค์กรดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทรูที่ได้บูรณาการความยั่งยืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุกกระบวนการทางธุรกิจ และหมายถึงการเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างจริงจังและเป็นระบบ”
นายจักรกฤษณ์ยังได้กล่าวเสริมว่า บริษัทได้มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาวไปจนถึงปี 2030 (พ.ศ. 2573) ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในทุกมิติ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้งของประเทศไทยและของประชาคมโลก
ณ พิธีมอบรางวัล S&P Global Sustainability Yearbook 2025 Distinction ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรม แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ได้เป็นผู้แทนรับมอบโล่และประกาศเกียรติคุณ Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment Score 2024 จาก นายโธมัส ยาเกล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการและผลิตภัณฑ์ S&P Global โดยมี ดร.ปิยาภรณ์ ภาสกานนท์ หัวหน้าสายงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร และทีมงานด้านความยั่งยืนของทรูร่วมแสดงความยินดีในงาน
เจาะลึกโรดแมปความยั่งยืน: จาก Net Zero สู่ความปลอดภัยไซเบอร์
ความสำเร็จของทรูไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการวางรากฐานและกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนและวัดผลได้ในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญดังนี้
1. มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental): มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและ Net Zero
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกเดือด โดยล่าสุด บริษัทได้รับการรับรองเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 (Net Zero 2050) จากองค์กร Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
- เป้าหมายระยะสั้น-กลาง: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางตรงและทางอ้อม (Scope 1 & 2) สุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573)
- เป้าหมายระยะยาว: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593)
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทรูจะดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโครงข่ายและอาคาร, การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน
2. มิติด้านสังคม (Social): สร้างโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียมและพัฒนาทักษะดิจิทัล
ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทรูมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมในสังคมผ่านเทคโนโลยี
- การศึกษาที่เท่าเทียม: ทรูตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมการศึกษายุคดิจิทัลให้เข้าถึงเยาวชนและคนในสังคมไทยกว่า 36 ล้านคน ภายในปี 2573 เพื่อช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงองค์ความรู้ที่มีคุณภาพ
- การพัฒนาทักษะดิจิทัล: มุ่งพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับอนาคตให้แก่คนไทยทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพของพนักงานภายในองค์กรสู่การเป็น “Citizen Developer” ที่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลได้ด้วยตนเอง
3. มิติด้านธรรมาภิบาล (Governance): ขับเคลื่อนสังคมไซเบอร์ที่ปลอดภัย
ท่ายกลางภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น ทรูได้ยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้เป็นวาระสำคัญ
- นวัตกรรม “ทรู ไซเบอร์เซฟ (True CyberSafe)”: บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงมาใช้ในการป้องกันและตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจจับลิงก์แปลกปลอมที่น่าสงสัยได้มากถึง 7 ล้านลิงก์ต่อวัน และให้บริการปกป้องลูกค้าผู้ใช้งานมากกว่า 50 ล้านราย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับประเทศ
ก้าวต่อไปของทรู คอร์ปอเรชั่น จึงไม่ใช่เพียงการรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แต่คือการตอกย้ำบทบาทของการเป็น “เทคคอมปานีที่ยั่งยืน” ที่พร้อมจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
#ยั่งยืนที่แท้ทรู #TrueDJSI #TrueSustainability #BetterTogether #TrueCorporation #ESG #SPGlobal #NetZero2050 #ข่าวเศรษฐกิจ