ทรู คอร์ปอเรชั่น สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เดินหน้ากลยุทธ์ Customer Centric เต็มรูปแบบ จัดกิจกรรม “True Thank You Day” ระดมทัพผู้บริหารและพนักงานกว่า 1,400 ชีวิตทั่วประเทศ ลงพื้นที่จริงพบปะลูกค้า สะท้อนภาพผู้นำที่ไม่ได้มองเพียงตัวเลข แต่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในระยะยาว วางเป้าหมายยึดหัวใจลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ฝังลึกเป็น DNA ขององค์กร เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทยอย่างแท้จริง
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในยุคที่ตลาดโทรคมนาคมมีการแข่งขันอย่างดุเดือด การสร้างความแตกต่างไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของราคาหรือโปรโมชั่นอีกต่อไป แต่หัวใจสำคัญที่สามารถมัดใจลูกค้าและสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนได้นั้น คือ “ประสบการณ์ของลูกค้า” (Customer Experience) และ “ความไว้วางใจในแบรนด์” (Brand Trust) ทรู คอร์ปอเรชั่น ตระหนักถึงความท้าทายนี้อย่างลึกซึ้ง และได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางกลยุทธ์ที่ชัดเจนผ่านการจัดกิจกรรมครั้งสำคัญ “วันขอบคุณที่รักกัน…จากใจ” หรือ “True Thank You Day” เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา
กิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่งานอีเวนต์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นภารกิจหลักประจำปีที่ถูกออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการหลอมรวมพนักงานจากทุกภาคส่วนให้มีหัวใจเดียวกัน นั่นคือการยึด “ลูกค้า” เป็นศูนย์กลางของการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ
จากกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ: ปลุกพลังพนักงานทั่วประเทศ
ความพิเศษของกิจกรรม “True Thank You Day” ในปีแรกนี้ คือการที่พนักงานกว่า 1,400 คนทั่วประเทศ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทีมที่ต้องพบปะลูกค้าโดยตรงอย่างฝ่ายขายหรือบริการลูกค้า แต่ยังรวมถึงพนักงานจากทีมหลังบ้าน (Back Office) เช่น ทีมพัฒนาสินค้าและบริการ ทีมการตลาด หรือแม้กระทั่งฝ่ายสนับสนุนต่างๆ ได้มีโอกาสลงพื้นที่จริง เพื่อสัมผัสและรับฟังเสียงของลูกค้าโดยตรง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะทลายกำแพงระหว่างแผนก (Silo) และสร้างความเข้าใจร่วมกันว่าทุกตำแหน่งในองค์กรล้วนมีส่วนสำคัญต่อประสบการณ์ของลูกค้าปลายทางทั้งสิ้น การที่ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ฟังปัญหาจากผู้ใช้งานจริงโดยตรง ย่อมนำไปสู่การพัฒนาโซลูชันที่ตรงจุดและแก้ปัญหาได้จริง มากกว่าการอิงจากข้อมูลบนแผ่นกระดาษเพียงอย่างเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น การนำทัพโดยผู้บริหารระดับสูง นำโดย นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม, นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจข้อมูล และลูกค้าองค์กร, และ นายชารัด เมห์โรทรา ประธานคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจลูกค้าทั่วไป ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ทรงพลังไปยังพนักงานทุกคนว่า เรื่องของลูกค้าไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจของทุกคนในองค์กรตั้งแต่ระดับสูงสุดลงมา
“ลูกค้าคือศูนย์กลาง” หัวใจสำคัญสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังกิจกรรมนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า “ทรู เร่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย และสร้างแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า การจะทำเช่นนั้นได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นพื้นฐาน ที่พนักงานทุกคนจากทุกส่วนงานจะยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลางให้ฝังลึกเป็น DNA ขององค์กร เพื่อเป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับการให้บริการ ที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ตรงใจแบบเหนือความคาดหมาย”
คำกล่าวนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ทรูไม่ได้มองกิจกรรมนี้เป็นเพียงต้นทุน แต่เป็นการลงทุนที่สำคัญในสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือ “วัฒนธรรมองค์กร” และ “ความสัมพันธ์กับลูกค้า” ในทางเศรษฐศาสตร์ การรักษาลูกค้าเก่ามีต้นทุนที่ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่หลายเท่าตัว กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) จึงนำไปสู่การลดอัตราการยกเลิกบริการ (Churn Rate) และเพิ่มมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (Customer Lifetime Value) ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพและผลกำไรของบริษัทในระยะยาว
การลงพื้นที่เพื่อ “รับฟัง เข้าใจความต้องการของลูกค้าทรู-ดีแทค” จึงเปรียบเสมือนการทำวิจัยตลาดเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะข้อมูลที่ได้คือเสียงสะท้อนที่แท้จริง ไม่ผ่านการกรอง ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นขุมทรัพย์ในการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงคุณภาพสัญญาณ พัฒนาแพ็กเกจให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไปจนถึงการยกระดับคุณภาพการบริการในทุกจุดสัมผัส (Touchpoint)
มากกว่าคำขอบคุณ: สร้างระบบนิเวศแห่งสิทธิพิเศษ
นอกจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังและพูดคุยแล้ว ทรูยังได้ถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณลูกค้าสำหรับความไว้วางใจที่มีให้กันเสมอมา ผ่านการมอบสิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญคือการสร้าง “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง
สิทธิพิเศษที่มอบให้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริการในเครือของทรู แต่ยังขยายไปสู่เครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในหลากหลายมิติ อาทิ:
- ด้านความปลอดภัยดิจิทัล: บริการ F-Secure for True เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
- ด้านความบันเทิง: ชมฟรีคอนเทนต์ผ่าน TrueID+ และ TrueVisions Now POP
- ด้านไลฟ์สไตล์: ส่วนลดจากร้านค้าแบรนด์ดัง เช่น 7-Eleven, Dunkin’, Katsuya, Pepper Lunch, Salad Factory และ SF Cinema
การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในลักษณะนี้ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าที่นอกเหนือไปจากบริการหลักด้านโทรคมนาคม ทำให้ลูกค้ามองว่าการอยู่กับทรูนั้น “คุ้มค่า” และได้รับประโยชน์รอบด้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความผูกพันและป้องกันไม่ให้ลูกค้าย้ายค่ายไปหาคู่แข่ง
กิจกรรมนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเซ็นทรัลเวิลด์และสยามสแควร์ ไปจนถึงตลาดชุมชนและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เช่น หาดบางแสน จ.ชลบุรี, ถนนศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น, ตลาดหลัง มช. จ.เชียงใหม่, ตลาดคนเดิน จ.สงขลา และตลาดน้ำอโยธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
สำหรับลูกค้าทรูและดีแทคที่อาจพลาดการพบเจอกับทีมงานในพื้นที่ ยังสามารถกดรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญนี้ได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชันทรู (TrueApp) ภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 โดยสิทธิ์ที่ได้รับสามารถใช้ได้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568
“True Thank You Day” จึงเป็นมากกว่ากิจกรรมขอบคุณลูกค้า แต่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนของทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่กำลังเดิมพันอนาคตขององค์กรไว้กับการสร้างวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งจากภายใน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดออกไปสู่ภายนอก ซึ่งในสมรภูมิธุรกิจโทรคมนาคมยุคใหม่ ผู้ที่จะยืนหนึ่งได้อย่างสง่างาม อาจไม่ใช่ผู้ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่คือผู้ที่สามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
#TrueThankYouDay #ขอบคุณที่รักกันจากใจ #TrueCorporation #CustomerCentric #กลยุทธ์ธุรกิจ #ข่าวเศรษฐกิจ #ทรูดีแทค