ทรูมันนี่ – ตำรวจไซเบอร์ ผนึกกำลังสู้ภัยการเงิน สูญ 9.1 หมื่นล้าน

ทรูมันนี่ – ตำรวจไซเบอร์ ผนึกกำลังสู้ภัยการเงิน สูญ 9.1 หมื่นล้าน

เปิดแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ปลุกคนไทยรู้ทันกลโกงออนไลน์ หลังสถิติชี้เสียหายเฉลี่ยวันละ 77 ล้านบาท ทรูมันนี่ ชูเกราะป้องกัน 3 ชั้น “ตรวจ-จับ-หยุด” ด้วย AI พร้อมแผนยกระดับความปลอดภัยต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

กรุงเทพฯ – สถานการณ์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล ล่าสุด ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการการเงินดิจิทัล และทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดตัวแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ภายใต้โครงการ “Thai Cyber Ranger: ไทยรู้ ทันหลอก” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพที่นับวันยิ่งซับซ้อน ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการผนึกกำลังระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐในการต่อสู้กับภัยไซเบอร์ที่กัดกร่อนความเชื่อมั่นและสร้างมูลค่าความเสียหายให้แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 91,000 ล้านบาท

สถิติภัยออนไลน์น่าสะพรึง: คนไทยสูญเงิน 9.1 หมื่นล้านบาท

ปฏิเสธไม่ได้ว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยให้เห็นภาพความเสียหายที่น่าตกใจ โดยนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึงเดือนพฤษภาคม 2568 มีคดีออนไลน์เกิดขึ้นสะสมแล้วมากกว่า 900,000 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 91,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วคนไทยต้องสูญเสียเงินให้แก่มิจฉาชีพออนไลน์สูงถึง 77 ล้านบาทต่อวัน

รูปแบบการหลอกลวงที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรกสะท้อนให้เห็นถึงกลวิธีที่หลากหลายของมิจฉาชีพ ได้แก่

  1. การหลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการ: ครองสัดส่วนสูงสุดถึง 44.85%
  2. การหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน (Job Scam): มีสัดส่วน 12.40%
  3. การหลอกให้กู้เงิน: คิดเป็น 9.29%
  4. การหลอกลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์: มีสัดส่วน 7.27%
  5. การข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center): คิดเป็น 6.46%

ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงแต่แสดงถึงความสูญเสียทางการเงิน แต่ยังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศในยุคปัจจุบัน

“รีบโอน โจรยิ้ม” แคมเปญปลุกสังคมรู้ทันกลโกง

เพื่อรับมือกับวิกฤตดังกล่าว ทรูมันนี่ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น จึงได้ร่วมสนับสนุนแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” ของ บช.สอท. อย่างเต็มกำลัง โดยแคมเปญนี้จะดำเนินไปตลอดไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 มีเป้าหมายเพื่อสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้ให้เข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งมักจะตกเป็นเหยื่อได้ง่าย

ในงานเปิดตัวแคมเปญซึ่งได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ. ศปอส.ตร.) เป็นประธานในพิธี และ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ บช.สอท. เป็นผู้กล่าวรายงาน ได้มีการจัดเวทีเสวนาพิเศษในหัวข้อ ‘เตรียมอย่างไรให้พร้อม ก่อนภัยไซเบอร์คลื่นใหม่เข้าสู่สังคมไทย’

นายสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด ได้กล่าวในเวทีเสวนาว่า “การร่วมมือของ ทรูมันนี่ และ ทรู กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในแคมเปญ ‘รีบโอน โจรยิ้ม’ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มุ่งลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมไซเบอร์ โดย ทรูมันนี่ มีการพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยีและฟีเจอร์ความปลอดภัย เครือข่ายความร่วมมือ การให้ความรู้ ตลอดจนการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน โดยในอนาคต ทรูมันนี่จะยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการเสริมเกราะป้องกัน และยกระดับภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลให้กับคนไทย”

ทรูมันนี่

เปิดเกราะป้องกัน 4 ชั้นของทรูมันนี่ สกัดภัยการเงิน

นายสถาพรได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของทรูมันนี่ในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ผ่านการดำเนินมาตรการสำคัญ 4 ด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมบนโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ

  1. เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุก (Proactive Security Tech): ทรูมันนี่ได้พัฒนาระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น หรือ ‘TrueMoney 3X Protection’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการ ตรวจ-จับ-หยุด พฤติกรรมการฉ้อโกงที่น่าสงสัยได้แบบเรียลไทม์ โดยระบบจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากหลายมิติ ทั้งพฤติกรรมการใช้งาน, อุปกรณ์ที่เข้าใช้, และตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและสามารถระงับธุรกรรมต้องสงสัยได้ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น
  2. ความร่วมมือเชิงลึกกับภาครัฐ (Government Collaboration): นอกเหนือจากการสนับสนุนแคมเปญรณรงค์ ทรูมันนี่ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยมีการแจ้งเตือนบัญชีต้องสงสัยและสนับสนุนข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยให้การติดตามจับกุมคนร้ายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  3. การสื่อสารสร้างความรู้เท่าทัน (Public Education): ทรูมันนี่ใช้แพลตฟอร์มและสื่อในเครือข่ายของตนเองเป็นเครื่องมือในการให้ความรู้และเตือนภัยไซเบอร์แก่ผู้ใช้งานและประชาชนในวงกว้าง ซึ่งการสนับสนุนแคมเปญ “รีบโอน โจรยิ้ม” คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ
  4. ศูนย์ช่วยเหลือผู้ใช้งาน (User Help Center): เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ใช้งานได้อย่างทันท่วงที ทรูมันนี่ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือที่พร้อมประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและให้คำปรึกษาในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีบริการ สายด่วน 1240 กด 6 ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษสำหรับรับแจ้งเหตุฉุกเฉินและขออายัดบัญชีได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ความพยายามทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของทรูมันนี่ในการเป็นมากกว่าผู้ให้บริการทางการเงิน แต่ยังเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์สังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับคนไทยทุกคน โดยในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะพัฒนาและเปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการป้องกันและลดความเสี่ยงให้กับผู้ใช้งานอย่างดีที่สุด

#ทรูมันนี่ #ตำรวจไซเบอร์ #CCIB #รีบโอนโจรยิ้ม #ThaiCyberRanger #ภัยไซเบอร์ #กลโกงออนไลน์ #เตือนภัย #เศรษฐกิจดิจิทัล #ความปลอดภัยทางการเงิน #TrueMoney

Related Posts