บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียม เปิดเกมรุกครึ่งปีหลังส่ง 2 โมเดลใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport เอสยูวีไฟฟ้าล้วนรุ่นฐานล้อยาวครั้งแรกในไทย ชูความสบายและพื้นที่ใช้สอยที่เหนือกว่า และ บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ อัปเกรดความสปอร์ตและสมรรถนะเต็มพิกัด พร้อมปรับราคารุ่นยอดนิยมบางรุ่น สะท้อนกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สมรภูมิรถยนต์หรูในประเทศไทยทวีความดุเดือดยิ่งขึ้น เมื่อ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
การเปิดตัวครั้งนี้ นำโดย นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งได้ฉายภาพวิสัยทัศน์ของบริษัทไว้อย่างน่าสนใจว่า “ประสบการณ์การขับขี่ในเมืองยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามทั้งจังหวะชีวิตของผู้คน การพัฒนาและเติบโตของตัวเมือง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น แน่นอนว่าบีเอ็มดับเบิลยูยังคงพัฒนายานยนต์ของเราให้ก้าวล้ำนำหน้าความคาดหวังของลูกค้าในทุกโอกาส”
คำกล่าวนี้สะท้อนกลยุทธ์หลักของ BMW ที่ไม่ได้มองเพียงแค่การขายรถยนต์ แต่มองไปถึงการสร้างประสบการณ์การขับเคลื่อน (Mobility) ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนเมืองยุคใหม่ โดยการเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นใหม่ในครั้งนี้ถือเป็นการตอบโจทย์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างลงตัว
“ในวันนี้ เราพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupé ในประเทศไทย ด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างบีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ที่เหนือกว่า ทั้งประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู iX1 รุ่นฐานล้อยาวจะสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยความนุ่มสบายที่เหนือกว่าและพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่มากกว่า ควบคู่ไปกับการขับขี่ในระบบไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกใหม่ในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากว่า 13 รุ่น ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด” นายแกร์ฮาร์ด กล่าวเสริม
เจาะลึก BMW iX1 eDrive20L M Sport: SAV ไฟฟ้าฐานล้อยาวครั้งแรกในไทย
ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของการเปิดตัวในครั้งนี้ คือการเผยโฉม บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle (SAV) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และมาพร้อมกับจุดเด่นที่สำคัญคือ “ฐานล้อยาว” (Long Wheelbase) โดยตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 2,499,000 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
การตัดสินใจนำเข้ารุ่นฐานล้อยาวมาทำตลาดในไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าชาวไทยที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ตัวรถมีความยาวโดยรวมเพิ่มขึ้น 116 มิลลิเมตร และมีฐานล้อยาวขึ้นถึง 110 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน ผลลัพธ์ที่ได้คือพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่เพิ่มขึ้น 81 มิลลิเมตร และพื้นที่บริเวณหัวเข่าที่กว้างขึ้น 107 มิลลิเมตร นอกจากนี้ เบาะหลังยังถูกบุด้วยโฟมที่นุ่มขึ้นและมีความกว้างเพิ่มขึ้น 15 มิลลิเมตร ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาสอย่างแท้จริง
ในมิติของขุมพลัง บีเอ็มดับเบิลยู iX1 eDrive20L M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 8.6 วินาที หัวใจสำคัญคือแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 66.5 kWh ที่มอบระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง 402-433 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
ด้านเทคโนโลยีการชาร์จ รองรับการชาร์จเร็วแบบ DC สูงสุด 130 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถอัดประจุจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบ AC ผ่าน Wallbox รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ทำให้ชาร์จจาก 0% ถึง 100% ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางไกลและการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ดีไซน์ภายนอกยังคงความบึกบึนแข็งแกร่งในแบบฉบับ SAV แต่เสริมความหรูหราและทันสมัยด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แบบปิดทึบดีไซน์สามมิติ, ไฟหน้า Adaptive LED, และชุดแต่ง M Sport รอบคัน ขณะที่ภายในห้องโดยสาร นอกจากความกว้างขวางแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นจอ BMW Curved Display ที่ประกอบด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว และจอควบคุมกลางขนาด 10.7 นิ้ว ทำงานบนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด พร้อมด้วย BMW Head-Up Display และระบบเครื่องเสียงพรีเมียมจาก Harman Kardon
สปอร์ตยิ่งขึ้นกับ BMW 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่
สำหรับผู้ที่ยังคงหลงใหลในสมรรถนะของเครื่องยนต์สันดาปภายใน บีเอ็มดับเบิลยูได้นำเสนอ บีเอ็มดับเบิลยู 220 Gran Coupé M Sport Pro ใหม่ ที่ได้รับการยกระดับทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ ในราคา 2,199,000 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
รถยนต์คูเป้ 4 ประตูรุ่นนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ที่ถูกปรับจูนใหม่ให้มีพละกำลังสูงสุดถึง 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Steptronic แบบคลัตช์คู่ ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน M Sport Boost ที่สามารถเรียกใช้จากแป้นเปลี่ยนเกียร์เพื่อรีดสมรรถนะสูงสุดในเวลาที่ต้องการ
รูปลักษณ์ภายนอกถูกปรับให้ดุดันและโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าที่กว้างขึ้น และเป็นครั้งแรกในตระกูลซีรีส์ 2 ที่ติดตั้งระบบไฟ BMW Iconic Glow มาเป็นมาตรฐาน เสริมทัพด้วยชุดแต่ง M Sport Pro, ชุดโคมไฟหน้า M Lights Shadowline, ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว และคาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงา
ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการปรับโฉมให้มีความสปอร์ตและพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มวัสดุ Veganza, ชุดแต่งภายในแบบ Illuminated และการเดินตะเข็บด้วยด้ายสีประจำของ BMW M เทคโนโลยีก็จัดเต็มไม่แพ้กันด้วย BMW Live Cockpit Professional, BMW Head-Up Display และระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 9 รุ่นล่าสุด
กลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุมและการปรับราคารุ่นยอดนิยม
นอกจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ประกาศปรับราคาใหม่สำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคลาสบางรุ่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ได้แก่:
- บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20i M Sport ราคาใหม่ 2,399,000 บาท
- MINI Countryman S ALL4 – Hightrim ราคาใหม่ 2,499,000 บาท
การปรับราคาดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) ใหม่ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและสามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปรับราคา X1 รุ่นเครื่องยนต์สันดาปลงมา เพื่อสร้างช่องว่างที่ชัดเจนกับรุ่น iX1 ที่เป็นไฟฟ้าล้วน
การดำเนินกลยุทธ์แบบ “สองขา” คือการรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวผ่านตระกูล iX พร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่มีสมรรถนะสูง สะท้อนให้เห็นว่า BMW กำลังเดินเกมอย่างรอบคอบในช่วงเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยไม่ทิ้งฐานลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป
ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยฐานการผลิตในประเทศ
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทยไม่ได้มาจากผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมาจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศ โดยเฉพาะโรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของ BMW ในภูมิภาคอาเซียน โรงงานแห่งนี้สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ได้ถึง 19 รุ่น และยังมีการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี เพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตทั้งในประเทศและส่งออก
ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ BMW มีต่อตลาดและศักยภาพของประเทศไทย แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของบริษัทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยอีกด้วย
การเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นใหม่ พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ด้านราคาในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม และพร้อมที่จะกำหนดทิศทางของประสบการณ์การขับขี่ในอนาคตต่อไป
#BMW #BMWThailand #BMWiX1 #iX1L #The2 #BMW2Series #GranCoupe #EV #ElectricVehicle #รถยนต์ไฟฟ้า #ข่าวเศรษฐกิจ #ยานยนต์ #SAV #บีเอ็มดับเบิลยู #รถหรู