depa เร่งเครื่อง! ดัน 4 ซอฟต์แวร์เฮ้าส์ไทยบุกตลาดภาครัฐผ่านบัญชีดิจิทัล

depa เร่งเครื่อง! ดัน 4 ซอฟต์แวร์เฮ้าส์ไทยบุกตลาดภาครัฐผ่านบัญชีดิจิทัล

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เดินหน้าเต็มกำลัง เปิดเวที depa Tech Showcase เชิญ 4 บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติไทย นำเสนอ 6 โซลูชันเด่น เตรียมความพร้อมขึ้นทะเบียน “บัญชีบริการดิจิทัล” ปลดล็อกประตูสู่ตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบไม่จำกัดวงเงิน พร้อมชูสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการลงทุน หวังสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทย และขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ในงาน depa Tech Showcase ซึ่งจัดขึ้นที่ SCB NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อเร็วๆ นี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและความหวังของวงการดิจิทัลไทย เมื่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือdepa หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ได้เปิดพื้นที่เพื่อพบปะและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการดิจิทัลไทยอย่างใกล้ชิด สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันสินค้าและบริการดิจิทัลที่พัฒนาโดยคนไทยให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ในครั้งนี้depa นำโดย ดร.สักกเวท ยอแสง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล และนายทันตภณ ปานนาคทองเจริญ ผู้จัดการส่วนส่งเสริมการลงทุน ได้ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับผู้บริหารจาก 4 บริษัทดิจิทัลชั้นนำของไทย ประกอบด้วย บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด, บริษัท อินเตอร์ วิชั่น บิสซิเนสกรุ๊ป จำกัด, บริษัท อินเทค แวลลิ่ว จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด

เป้าหมายหลักของการพบปะในครั้งนี้ คือการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบคุณสมบัติของซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันรวม 6 รายการ เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการขึ้นทะเบียนบน “บัญชีบริการดิจิทัล” (Digital Service Account) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ depa สร้างขึ้นเพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ประกอบการดิจิทัลไทยและหน่วยงานภาครัฐ

เจาะลึก 6 โซลูชันดาวเด่น เตรียมพร้อมบุกตลาดภาครัฐ

ดร.สักกเวท ยอแสง ได้แสดงความสนใจและร่วมรับฟังการนำเสนอรายละเอียดของสินค้าและบริการดิจิทัลจากทั้ง 4 บริษัทอย่างตั้งใจ พร้อมทั้งสอบถามถึงฟังก์ชันการทำงานและร่วมทดสอบการทำงานของซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่ depa กำหนด โดยซอฟต์แวร์ทั้ง 6 รายการที่เตรียมยื่นขอขึ้นทะเบียนมีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการในหลายมิติ ได้แก่:

  1. FMS–ERP : Localized Solutions: ระบบวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (ERP) ที่ถูกออกแบบและปรับแต่งให้เข้ากับบริบทการทำธุรกิจขององค์กรในประเทศไทยโดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กรได้อย่างครบวงจร
  2. Ai-Magic Package: แพ็กเกจซอฟต์แวร์ที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจครอบคลุมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล การตลาดอัตโนมัติ หรือการบริการลูกค้าอัจฉริยะ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  3. QR-C Package: โซลูชันที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี QR Code เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ อาจเป็นการจัดการสต็อก การชำระเงิน หรือระบบสมาชิก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
  4. DIY365 Package: แพ็กเกจซอฟต์แวร์ที่อาจมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหรือสร้างโซลูชันของตนเองได้ (Do-It-Yourself) ตลอด 365 วัน ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของธุรกิจ
  5. Farm Agritech Risk Management Platform: แพลตฟอร์มเทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับภาคเกษตรกรรมโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับภาคเกษตรของไทยให้มีความแม่นยำและยั่งยืน
  6. แอปพลิเคชันบริหารจัดการเมือง Super App “เมืองสมาร์ท”: สุดยอดแอปพลิเคชัน (Super App) ที่ออกแบบมาเพื่อการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รวบรวมบริการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนไว้ในที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง

“บัญชีบริการดิจิทัล” กลไกสำคัญปลดล็อกศักยภาพซอฟต์แวร์ไทย

โครงการบัญชีบริการดิจิทัล ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรวบรวมรายชื่อสินค้าและบริการดิจิทัล แต่เป็นกระบวนการคัดกรองและรับรองคุณภาพมาตรฐานโดย depa เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้างเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาระบบการทำงาน

การที่สินค้าและบริการได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีนี้ ถือเป็นการการันตีคุณภาพและเปิดโอกาสมหาศาลให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงตลาดภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลและมีความต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สิทธิประโยชน์สุดพิเศษ สร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน

ไฮไลท์สำคัญที่ทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างสูง คือสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับเมื่อสินค้าของตนผ่านการรับรองและได้ขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจและเครื่องมือสนับสนุนที่ทรงพลังจากภาครัฐ ได้แก่:

  • สิทธิ์ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง (ไม่จำกัดวงเงิน): นับเป็นประโยชน์สูงสุดที่ช่วยลดขั้นตอนและอุปสรรคในการเข้าแข่งขันในตลาดภาครัฐ หน่วยงานของรัฐสามารถเลือกซื้อบริการจากบัญชีดิจิทัลได้โดยตรง ทำให้เกิดความรวดเร็วและลดความซับซ้อนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
  • การลดหย่อนภาษี 200% จากกรมสรรพากร: สำหรับภาคเอกชนที่ซื้อซอฟต์แวร์จากผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า ในวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในวงกว้าง
  • การสนับสนุนจากdepa Transformation Fund/Voucher: ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) สามารถขอรับการสนับสนุนเงินทุนหรือ Voucher จากdepa เพื่อนำไปซื้อหาบริการจากบัญชีดิจิทัลได้
  • การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก BOI: ผู้ประกอบการดิจิทัลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องและศักยภาพในการเติบโตของบริษัท

ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของdepa จึงไม่ได้เป็นเพียงการสนับสนุนผู้ประกอบการ 4 ราย แต่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งระบบว่า ภาครัฐพร้อมที่จะเป็นทั้งผู้ส่งเสริมและผู้บริโภครายใหญ่ให้กับสินค้าและบริการดิจิทัลที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี และที่สำคัญคือการขับเคลื่อนให้ “เศรษฐกิจดิจิทัล” เป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

#depaThailand #ThailandDigitalCatalog #บัญชีบริการดิจิทัล #dSURE #เศรษฐกิจดิจิทัล #ซอฟต์แวร์ไทย #ส่งเสริมการลงทุน #ตลาดภาครัฐ #SME #DigitalTransformation

Related Posts