ไฮเออร์ เปิดศึกชิงแชร์เครื่องซักผ้า ส่ง 3 รุ่น AI ท้าหน้าฝน

ไฮเออร์ เปิดศึกชิงแชร์เครื่องซักผ้า ส่ง 3 รุ่น AI ท้าหน้าฝน

ไฮเออร์ ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จไตรมาสแรกโต 27% เดินหน้ารุกตลาดเครื่องซักผ้าพรีเมียมมูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เปิดตัว 3 โมเดลเรือธง L+, Laundry Center และ X Series ชูนวัตกรรม AI และดีไซน์ “แมทช์ไซส์คนเอเชีย” เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนและโฮมเดคอร์ ตั้งเป้าดันยอดขายกลุ่มเครื่องซักผ้าโตกระฉูด 32% ภายในปี 2568

ไฮเออร์รุกหนักตลาดเครื่องซักผ้าพรีเมียม เปิดตัว 3 รุ่นเรือธง AI ตั้งเป้าโกยยอดขายโต 32%

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกและเจ้าของตำแหน่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก 16 ปีซ้อน ประกาศศักดาโชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 27% พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกครั้งสำคัญในตลาดเครื่องซักผ้า ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธง 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ L+, Laundry Center และ X Series ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ ดีไซน์ที่ออกแบบมาเพื่อสรีระของคนเอเชียโดยเฉพาะ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พรีเมียม หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มลักชัวรีและกลุ่มคนรักการแต่งบ้าน ตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตให้ยอดขายกลุ่มเครื่องซักผ้ากว่า 32% ภายในปี 2568

นายต่ง เจี้ยนผิง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ทรรศนะต่อภาพรวมตลาดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ตลาดเครื่องซักผ้าในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2568 และมีการเติบโตที่น่าจับตามองราว 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในสมรภูมินี้ ไฮเออร์ตั้งเป้าที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้ 15% ในปี 2568 แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีความท้าทาย แต่เรามองเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง ซ่อมแซม หรือปรับปรุงที่อยู่อาศัย”

นายต่ง เจี้ยนผิง ยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ “ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้เพียงความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่พวกเขามองหาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ดีไซน์ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ และประสบการณ์การใช้งานที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างแท้จริง เทรนด์ของการนำ AI และระบบอัตโนมัติมาใช้ในเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสะท้อนความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถจัดการงานบ้านได้อย่างชาญฉลาด ประหยัดเวลา และที่สำคัญคือต้องถนอมเสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ด้วยความเข้าใจในทิศทางตลาดดังกล่าว ไฮเออร์จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด

“Love Life, Live Free – The Future is in Your Hand สะอาดอย่างชาญฉลาด กับรูปแบบชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนาเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ 3 รุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

แกะกล่อง 3 เครื่องซักผ้าเรือธง ตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์พรีเมียม

ไฮเออร์ได้ทำการบ้านมาอย่างดีในการออกแบบเครื่องซักผ้าทั้ง 3 รุ่นใหม่ โดยคำนึงถึงพฤติกรรมและสรีระของผู้ใช้งานชาวเอเชียเป็นหลัก เพื่อทลายข้อจำกัดเดิมๆ ทั้งเรื่องความสูงของเครื่องที่อาจไม่พอดี แผงควบคุมที่ต้องก้มตัวลงไปใช้งาน และระบบที่ซับซ้อนเกินความจำเป็น พร้อมกันนี้ยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในการดูแลเสื้อผ้าราคาแพง เช่น ชุดสูท ผ้าไหม หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนม และต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงามที่กลมกลืนกับการตกแต่งบ้าน

โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อม 4 เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะจากไฮเออร์ ประกอบด้วย:

  • ABT (Anti-Bacterial Treatment): วัสดุพิเศษบริเวณขอบยางฝาประตูและช่องใส่ผงซักฟอกที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ถึง 99.9% ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบัน VDE ประเทศเยอรมนี
  • Laser Welding: เทคโนโลยีการเชื่อมถังซักด้วยเลเซอร์ ทำให้ตัวถังไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทาน ลดการเสียดสีกับเนื้อผ้า และช่วยยืดอายุการใช้งาน
  • Dual Spray: ระบบหัวฉีดน้ำทำความสะอาดแบบคู่ ที่จะฉีดล้างคราบผงซักฟอกและสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างบริเวณขอบยางและกระจกฝาประตูหลังการซัก
  • I-Refresh Pro: นวัตกรรมการดูแลผ้าด้วยไอน้ำ ที่ไม่เพียงช่วยลดรอยยับ แต่ยังสามารถกำจัดเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และลดกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผ้าที่ไม่ต้องการซักบ่อย

1. L+ Series: ที่สุดแห่งการซัก-อบ-ถนอมผ้า ครบจบในเครื่องเดียว

รุ่น L+ ถือเป็นเรือธงที่โดดเด่นที่สุด ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การซักผ้าที่สมบูรณ์แบบ มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ คือ 21 กก. และ 14 กก. จุดเด่นสำคัญคือฟังก์ชัน I-REFRESH ที่ใช้พลังไอน้ำในการฟื้นฟูสภาพเสื้อผ้า ลดกลิ่นและรอยยับ ถนอมผ้าแบรนด์เนมได้อย่างเหนือชั้น พร้อมด้วยเทคโนโลยี HEAT PUMP & ULTRA REVERSE ที่ช่วยให้ผ้าแห้งสนิท นุ่มฟู ไม่ทำลายเนื้อผ้าด้วยการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำและการหมุนสลับทิศทาง ถังซักขนาดใหญ่

SUPER DRUM PLUS ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซักและรองรับผ้าชิ้นใหญ่อย่างผ้านวมได้สบาย และ ULTRA FRESH AIR ระบบระบายอากาศอัตโนมัติหลังซักเสร็จ ช่วยลดปัญหาความอับชื้นในถังซัก ควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสสีขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว พร้อมโปรแกรมซักที่ปรับแต่งได้ถึง 25 รูปแบบ วางจำหน่ายในราคา 89,990 บาท

2. Laundry Center: ดีไซน์แนวตั้ง ประหยัดพื้นที่ อัจฉริยะด้วยการสั่งงานผ่านแอปฯ

สำหรับผู้ที่อาศัยในพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม หรือต้องการโซลูชันที่ประหยัดพื้นที่สูงสุด รุ่น Laundry Center คือคำตอบ ด้วยดีไซน์แบบทาวเวอร์ที่รวมเครื่องซักผ้าฝาหน้าและเครื่องอบผ้าฝาหน้าไว้ในเครื่องเดียว มาพร้อม COLOR & TOUCH SCREEN แผงควบคุมแบบสีระบบสัมผัสที่ใช้งานง่ายแม้ในขณะที่มือเปียก ไฮไลต์คือฟีเจอร์ WASH & DRY LINKAGE (PRE HEAT) ที่เครื่องซักผ้าและอบผ้าจะสื่อสารกัน เมื่อการซักใกล้เสร็จ เครื่องอบผ้าจะเริ่มอุ่นถังล่วงหน้า

เพื่อให้พร้อมใช้งานทันทีและเพิ่มประสิทธิภาพการอบให้ดียิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมต่อ WIFI APP ให้คุณสามารถสั่งงานและติดตามสถานะได้จากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน ทำงานด้วย DD MOTOR ที่ให้การทำงานเงียบสนิท ไร้เสียงรบกวน และประหยัดพลังงาน วางจำหน่ายในราคา 64,990 บาท

3. X Series: อัจฉริยะ ล้ำสมัย ใช้งานง่ายแค่ปลายนิ้ว

ปิดท้ายด้วยรุ่น X Series ที่เน้นความฉลาดล้ำในทุกขั้นตอนการซัก ด้วยระบบ AI WASH ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับชนิดและน้ำหนักของผ้า เพื่อแนะนำโปรแกรมการซักที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ พร้อมโปรแกรม STAIN REMOVAL WASH ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการคราบฝังแน่นเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำเพียงกดปุ่มเดียว ฟีเจอร์ ULTRA FRESH AIR SYSTEM ช่วยระบายอากาศภายในถังหลังซัก ป้องกันกลิ่นอับชื้น

ระบบ SMART DOSING จะคำนวณและจ่ายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่พอเหมาะกับการซักแต่ละครั้งโดยอัตโนมัติ และเทคโนโลยี SENT+ ที่ช่วยให้ผ้าหอมยาวนานขึ้นแม้ใช้น้ำยาในปริมาณเท่าเดิม ทั้งหมดนี้สามารถเริ่มต้นใช้งานง่ายๆ ด้วยฟังก์ชัน ONE TOUCH เพียงกดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที สำหรับรุ่นนี้มีกำหนดวางจำหน่ายช่วงปลายไตรมาสที่ 3 และจะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเป้าหมายในอนาคต

นายต่ง เจี้ยนผิง กล่าวเสริมถึงความสำเร็จที่ผ่านมาว่า “ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ไฮเออร์ ประเทศไทย สร้างยอดขายเติบโตถึง 27% คิดเป็นมูลค่า 3,500 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ครองอันดับ 1 ในช่องทางออฟไลน์ ตู้แช่ครองอันดับ 1 ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และตู้เย็นอยู่ในอันดับ 2 สำหรับเครื่องซักผ้า แม้จะยังอยู่ในอันดับที่ 4 แต่เรามองเห็นศักยภาพและโอกาสในการเติบโตอีกมหาศาล และมั่นใจว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้จะผลักดันให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตได้อย่างแน่นอน”

“ไฮเออร์ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ ‘พรีเมียมที่มีคุณภาพ’ โดยมุ่งสร้างความคุ้มค่าสูงสุดให้ผู้บริโภค ทั้งในด้านฟังก์ชัน เทคโนโลยี และราคาที่เข้าถึงได้ เราพร้อมเดินหน้าขยายตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์ซักผ้าให้ฉลาด สะอาด และล้ำหน้ากว่าที่เคย โดยตั้งเป้ายอดขายกลุ่มเครื่องซักผ้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้เติบโตกว่า 32% ภายในปี 2568”  นายต่ง เจี้ยนผิง กล่าวสรุป

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโปรโมชันต่างๆ จากไฮเออร์ได้ทางช่องทางโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มของ Haier Thailand และเว็บไซต์ www.haier.com/th

#Haier #HaierThailand #HaierMoreCreationMorePossibilities #เครื่องซักผ้าAI #เครื่องซักผ้าฝาหน้า #นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า #ซักอบจบในเครื่องเดียว #ข่าวเศรษฐกิจ #เครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม #เทคโนโลยีAI

Related Posts