“เคซีจี คอร์ปอเรชั่น” หรือ KCG โชว์ฟอร์มแกร่งด้านความยั่งยืน ผงาดติดอันดับกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากการประเมินของสถาบันไทยพัฒน์ ตอกย้ำสถานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ที่ไม่ได้มุ่งแค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ผสานมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เป็นเนื้อเดียวกับการดำเนินงาน ผู้บริหารชูวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้าง Green Supply Chain ผ่าน KCG Logistics Park มุ่งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนในระยะยาว
กรุงเทพฯ – บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำของไทยที่หลายคนคุ้นเคยกันดีกับแบรนด์ในตำนานอย่างคุกกี้กล่องแดง “อิมพีเรียล” และผู้นำตลาดเนยและชีส “อลาวรี่” ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี พ.ศ. 2568 จากสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งนับเป็นการติดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG)
การคัดเลือกในครั้งนี้มีความเข้มข้นอย่างยิ่ง โดยสถาบันไทยพัฒน์ได้ทำการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวนมากถึง 921 บริษัท ก่อนจะคัดเลือกเพียง 100 บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่นที่สุดในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่ง KCG ได้รับการยอมรับในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การจัดอันดับนี้ไม่ได้พิจารณาเพียงแค่ข้อมูลด้าน ESG เท่านั้น แต่ยังนำผลประกอบการทางการเงินของบริษัทมาพิจารณาควบคู่กันไป เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทที่ได้รับเลือกนั้นมีความแข็งแกร่งทั้งในด้านการเติบโตทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมไปพร้อมกัน
ผู้นำองค์กรสะท้อนวิสัยทัศน์ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายตง ธีระนุสรณ์กิจ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “การที่ KCG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทขององค์กรในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เรามุ่งมั่นพัฒนาในหลายมิติ โดยเฉพาะการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมผ่านการติดตั้งและใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ (Solar Energy) การทยอยเปลี่ยนมาใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อลดการปล่อยมลพิษ รวมถึงการทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับปรุงเส้นทางการจัดส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งเป็นหัวใจขององค์กร ด้วยการนำระบบการทำงานอัตโนมัติและเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เพื่อลดความเสี่ยงในการทำงานและเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา”
นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ KCG ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์และก้าวต่อไปของบริษัทฯ ว่า “ในปี 2567 ที่ผ่านมา เราได้เปิดดำเนินการ ‘KCG Logistics Park’ อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญภายใต้กลยุทธ์ Green Supply Chain ของเรา ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงคลังสินค้า แต่เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการโลจิสติกส์และสินค้าคงคลังที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพสูง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักดีว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง เรายังคงยึดมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และสังคม เพื่อผสานการเติบโตของธุรกิจเข้ากับมิติของ ESG ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในระยะยาว”
ถอดรหัสความสำเร็จ KCG บนเส้นทาง ESG
จากคำกล่าวของผู้บริหาร สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 แกนหลักตามหลักการ ESG ได้ดังนี้
- สิ่งแวดล้อม (Environmental): KCG ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจัดจำหน่าย การลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และรถขนส่ง EV เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง ขณะที่โครงการ KCG Logistics Park และการเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางขนส่ง คือการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ซึ่งไม่เพียงแต่จะดีต่อโลก แต่ยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทอีกด้วย
- สังคม (Social): การดูแลพนักงานให้มีความปลอดภัยในการทำงานผ่านเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ ในฐานะผู้ผลิตอาหาร KCG ยังมีบทบาทต่อสังคมในวงกว้างผ่านการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยสู่ผู้บริโภคมาอย่างยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ
- ธรรมาภิบาล (Governance): ความโปร่งใสในการดำเนินงานและการได้รับคัดเลือกสู่ ESG100 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการมีธรรมาภิบาลที่ดี การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงการกำกับดูแลกิจการที่ครอบคลุมไปถึงคู่ค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความไว้วางใจจากนักลงทุนและผู้บริโภค
KCG: จากตำนาน “กิมจั๊วพาณิชย์” สู่ผู้นำองค์กรยั่งยืน
บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีรากฐานที่แข็งแกร่งและยาวนาน ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 ภายใต้ชื่อ “กิมจั๊วพาณิชย์” จากธุรกิจนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอาหารสำเร็จรูป ได้เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคครบวงจร โดยมีสินค้าภายใต้การดูแลมากกว่า 2,000 รายการ
แบรนด์ของ KCG ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทย ไม่ว่าจะเป็น “อิมพีเรียล” ที่สร้างความสุขให้ทุกครอบครัว, “อลาวรี่” แบรนด์เนยและชีสที่ครองยอดขายอันดับ 1 ยาวนานถึง 8 ปีซ้อน , และน้ำผลไม้เข้มข้น “ซันควิก” ที่มียอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวดต่อปี การเดินทางอันยาวไกลนี้ มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เมื่อ KCG ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทฯ ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จในอดีต แต่พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็น “องค์กรที่สร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับการรับประทานอาหาร” ควบคู่ไปกับการเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยต่อไป
#KCG #เคซีจี #ESG100 #หุ้นยั่งยืน #KCGCorportion #Sustainability #Thaipat #สถาบันไทยพัฒน์ #ธุรกิจสีเขียว #GreenSupplyChain #KCGLogisticsPark #สิ่งแวดล้อม #สังคม #ธรรมาภิบาล #อิมพีเรียล #อลาวรี่ #ซันควิก