กระทรวง อว. ออกโรงชี้แจงทุกประเด็นร้อน ปมข่าวสั่งระงับประมูลโครงการเทคโนโลยีการศึกษา 4 หมื่นล้านบาท ยืนยัน 3 โครงการในสังกัดที่ถูกพาดพิง ไม่มีการ ล็อกสเปก เอื้อเอกชนตามที่เป็นข่าว เผยแต่ละโครงการมีสถานะแตกต่างกัน ทั้งโครงการที่ยังไม่ได้รับงบประมาณ, โครงการที่ยังรอเงินกู้ และโครงการที่จัดซื้อจัดจ้างเสร็จสิ้นแล้วตามระเบียบพัสดุโดยยึดราคาต่ำสุดเป็นเกณฑ์
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ท่ามกลางกระแสข่าวที่สร้างความสั่นสะเทือนในแวดวงการศึกษาและเทคโนโลยี เกี่ยวกับคำสั่งระงับการประมูลโครงการขนาดใหญ่ด้านเทคโนโลยีการศึกษามูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาทของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าอาจเกิดการ ล็อกสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนบางรายนั้น
ล่าสุด ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ออกมาชี้แจงอย่างละเอียดถึงข้อเท็จจริงในส่วนของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง อว. เพื่อสร้างความโปร่งใสและไขทุกข้อกังวลต่อสาธารณชน
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า “ผมขอชี้แจงว่า ในส่วนโครงการของกระทรวง อว. ที่เป็นข่าว ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบสะสมทักษะ (Skill Portfolio), โครงการเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน และโครงการซื้อครุภัณฑ์เพื่อการพัฒนาเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (NEdNet) นั้น มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก”
โดยปลัดกระทรวง อว. ได้ลงรายละเอียดสถานะของแต่ละโครงการอย่างชัดเจน เพื่อยืนยันความโปร่งใสและหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน
เจาะลึก 3 โครงการ อว. สถานะปัจจุบันคืออะไร?
กระทรวง อว. ได้แจกแจงสถานะของ 3 โครงการที่ถูกพาดพิง เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อกล่าวหาเรื่องการประมูลหรือล็อกสเปกนั้นไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
1. โครงการพัฒนาระบบสะสมทักษะ (Skill Portfolio): ยังอยู่ในขั้น “เสนอของบประมาณ”
โครงการแรกที่ถูกกล่าวถึงคือ Skill Portfolio ซึ่งเป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเพื่อปฏิรูปการพัฒนากำลังคนของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ
- วัตถุประสงค์: ศ.ดร.ศุภชัย อธิบายว่า โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจและมีรูปแบบเดียวกับโครงการ “Skill Future Singapore” ของประเทศสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศชั้นนำที่ใช้ระบบนี้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะสมัยใหม่ (Future Skills) ให้กับประชากรทุกช่วงวัย เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการยกระดับทักษะ (Upskilling/Reskilling) ให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง
- สถานะปัจจุบัน: โครงการนี้เป็นโครงการระยะยาว 5 ปี และ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเสนอของบประมาณประจำปี 2569 โดย ศ.ดร.ศุภชัย เน้นย้ำว่า “ยังไม่รู้ว่าจะได้งบประมาณหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ”
- ประเด็นสำคัญ: งบประมาณที่เสนอขอไปนั้น ไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้างฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มูลค่ามหาศาล แต่เป็นงบประมาณ “เพื่อใช้ในการเช่าใช้บริการระบบคลาวด์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)” ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินงานที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และลดภาระการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้วยตนเอง
- บทสรุป: เมื่อโครงการยังไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณ จึงยังไม่มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างหรือการประมูลใดๆ เกิดขึ้น ข้อกล่าวหาเรื่องการล็อกสเปกในโครงการนี้จึงยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
2. โครงการเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน: อนุมัติหลักการ แต่ “ยังไม่ได้รับงบประมาณหรือเงินกู้”
โครงการที่สองคือ โครงการก่อสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ
- ความสำคัญ: ศ.ดร.ศุภชัย ชี้ว่า เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเปรียบเสมือน “กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนขนาดยักษ์” ที่ใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างระดับอะตอมและโมเลกุล ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่องานวิจัยขั้นสูงและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (S-Curve) เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์และยา, อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร, อุตสาหกรรมวัสดุศาสตร์ขั้นสูง
- สถานะปัจจุบัน: โครงการนี้ได้รับการ “อนุมัติในหลักการ” ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ผ่านการพิจารณาถึงความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม “จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลหรืออนุมัติให้กู้เงินแต่อย่างใด”
- แหล่งเงินทุนและแผนงาน: ตามแผนที่วางไว้ งบประมาณส่วนใหญ่จะมาจาก “เงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)” ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้ที่มีกระบวนการพิจารณาอนุมัติที่เข้มงวดและโปร่งใส นอกจากนี้ แผนการก่อสร้างยังตั้งเป้าให้ “กว่า 50% ของส่วนประกอบของเครื่องกำเนิดแสงนี้จะผลิตภายในประเทศ” ซึ่งจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมและซัพพลายเชนขั้นสูงของไทยไปพร้อมกัน
- บทสรุป: ในเมื่อโครงการยังไม่มีทั้งงบประมาณแผ่นดินและยังไม่ได้รับการอนุมัติเงินกู้ จึงยังไม่มีการดำเนินกระบวนการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาหรือประมูล การพาดพิงโครงการนี้ในประเด็นล็อกสเปกจึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
3. โครงการพัฒนาเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (NEdNet): “จัดซื้อเสร็จสิ้น-เซ็นสัญญาแล้ว-ยึดราคาต่ำสุด”
โครงการสุดท้ายคือการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อพัฒนาเครือข่าย NEdNet ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ด้านการสื่อสารข้อมูลของแวดวงการศึกษาและวิจัยไทย
- ความจำเป็น: ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่าโครงการนี้เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องเป็น “ระยะที่ 7” แล้ว มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ “จัดซื้ออุปกรณ์เครือข่ายทดแทนอุปกรณ์เดิมที่หมดอายุการใช้งาน” ซึ่งติดตั้งมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 ประกอบกับบริษัทผู้ผลิตเดิมได้ยุติการให้บริการหลังการขายสำหรับอุปกรณ์รุ่นเก่าแล้ว การจัดหาอุปกรณ์ใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพและความปลอดภัยของระบบเครือข่าย
- ประโยชน์: การยกระดับครั้งนี้จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานช่องทางสื่อสารเป็น 100 Gbps เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของสถาบันอุดมศึกษา อาชีวศึกษา และหน่วยงานวิจัยทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรองรับ “การรับส่งข้อมูลข้อมูลพันธุกรรมประชากรไทยขนาดใหญ่” ของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) สวทช. ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวงการแพทย์จีโนมิกส์
- สถานะปัจจุบัน: โครงการนี้ได้ “ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2568”
- ความโปร่งใส: กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้คือ “ยึดงบประมาณต่ำสุด” เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ชนะ ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงกันข้ามกับการล็อกสเปกโดยสิ้นเชิง
- บทสรุป: โครงการนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วด้วยความโปร่งใสตามระเบียบราชการทุกประการ การนำมาเชื่อมโยงกับข่าวการล็อกสเปกจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
อว. ย้ำจุดยืน โปร่งใส-เป็นไปไม่ได้ที่เอกชนรายเดียวจะทำได้
ปลัดกระทรวง อว. กล่าวทิ้งท้ายเพื่อสร้างความมั่นใจว่า “โครงการทั้ง 3 ที่ถูกกล่าวถึงนั้น มีความซับซ้อนในเชิงเทคนิคและต้องอาศัยองค์ความรู้ขั้นสูงที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล, ด้านฟิสิกส์และวิศวกรรมขั้นสูงของเครื่องซินโครตรอน และด้านเทคโนโลยีเครือข่ายความเร็วสูง จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีเอกชนรายเดียวดำเนินการได้ตามที่เป็นข่าว”
“ทางกระทรวง อว. ยืนยันว่าการดำเนินการในโครงการต่างๆ ของกระทรวง อว. นั้นเป็นการดำเนินการอย่างระมัดระวัง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศ” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวสรุป
การออกมาชี้แจงอย่างละเอียดและตรงไปตรงมาของกระทรวง อว. ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความชัดเจนและสยบข่าวลือที่อาจสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินโครงการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกต่อไป
#กระทรวงอว #อว #MHESI #แจงปมร้อน #ไม่เกี่ยวล็อกสเปก #งบประมาณการศึกษา #ซินโครตรอน #NEdNet #SkillPortfolio #เศรษฐกิจดิจิทัล #วิจัยและนวัตกรรม #ความโปร่งใส