“เทคโนโลยีไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อแต่ถ้าเราไม่มีเขาก็ จะไม่สนใจ” คำกล่าวของ ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ให้เหตุผลในการอัปเกรด Home Service ให้เป็นเวอร์ชัน 2018
ที่จะเน้นการสร้างสรรค์ ประสบการณ์ในการอยู่อาศัยของลู กค้าให้ดีขึ้น ผ่านการดูแลลูกบ้านตั้งแต่เริ่ มตัดสินใจเป็นครอบครัวแสนสิริ ไปจนถึงเข้าอยู่
สาระสำคัญของการอัปเกรดครั้งนี้ ไม่ได้แค่การสร้ างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเท่ านั้น แต่หมายถึงการเข้าไปอยูในทุกๆ รายละเอียดของการใช้ชีวิตของลู กค้าที่ง่ายขึ้น ด้วยการก้าวไปสู่การทำธุ รกรรมทางด้านการเงินของลูกค้าผ่ านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรื อ e-Wallet
ที่แสนสิริกำลังร่วมกันพัฒนากั บธนาคารแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพร้อมให้บริ การในไตรมาสที่ 3 ปีนี้
“e-Wallet ของแสนสิริเป็นฟังก์ชันบนแอปด้านการอยู่อาศัย ที่จะไม่เพียงช่วยให้เรื่ องการจ่ายทุกค่าใช้จ่ายเพื่ อการอยู่อาศัยง่ายขึ้น สะดวกยิ่งขึ้น ในแอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าผ่อนคอนโด
แต่จะเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์ e-Commerce Lifestyle ที่ในอนาคตจะรองรับการซื้อขายสิ นค้าและบริการต่างๆ ด้วยระบบ Payment Gateway ที่กำลังอยู่ในระหว่ างการวางระบบ พร้อมดึงพันธมิตรร้านค้าชั้ นนำต่างๆ มารวมอยู่ใน E-Wallet เพื่อสร้างความสะดวกสบายมากขึ้ น”
ดร.ทวิชา กล่าวว่า การพัฒนาแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 2018 ในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการเพิ่มฟีเจอร์ ใหม่ๆ ให้แอปเท่านั้น แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มที่ จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของลูกค้ า
สามารถเช็คข้อมูลตัวเองได้ ทั้งข่าวสาร ประกาศ ต่างๆ รวมไปถึงการจองคิวการใช้ งานโคเวิร์กกิงสเปซตลอดจนพื้นที่ ส่วนกลางอื่นๆ โดยปัจจุบัน Home Service Application มีลูกบ้านดาวน์โหลดแล้ว 60,000 ครั้ง มีการใช้งานอย่างต่อเนื่ องประมาณ 15,000 คนใน 154 โครงการ 52,000 ยูนิต ทั่วประเทศ
โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานต่ อเนื่องเป็น 50,000 ราย
Home Service ของแสนสิริ เปิดตัวในปี 2555 โดยได้มอบหมายให้สิริเวนเจอร์ เป็นผู้พัฒนาอินโนเวชันที่จะช่ วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ งาน มีทีมทำงานที่สามารถพั ฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเอง
โดยในบางฟังก์ชันได้เข้าไปลงทุ นกับสตาร์ทอัปที่มีความคิดน่ าสนใจแล้วนำมาต่อยอด ซึ่งแอปพลิเคชันเวอร์ชันใหม่นี้ จะเน้นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ มีความเชี่ยวชาญตรงกันอยู่ บนแพลตฟอร์มเว็บเซอร์วิ สเทคโนโลยีระดับโลกจาก Amazon AWS, Microsoft และ Google
“สำหรับฟีเจอร์ที่น่าสนใจในการอัปเกรดครั้งนี้คือ PropTech ฟังก์ชันสั่งการด้วยเสี ยงภาษาไทยใช้งานได้จริงแล้ววั นนี้เป็นรายแรกของประเทศไทย และฟังก์ชัน E-Wallet ฝังในแอปรองรับไลฟ์สไตล์จับจ่ ายออนไลน์ คอนเซ็ปท์ An all-in-one app to complete your everyday living experience เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ
และรองรับเทรนด์ e-Commerce Lifestyle ของผู้บริโภค เพื่อให้เป็น Living Experience Toolkit ที่เปรียบเสมือนรีโมทในมือพวกที่ สามารถควบคุมสั่งการได้ง่าย เพิ่มความสะดวกสบายของการใช้ชี วิตลูกบ้านแสนสิริ”
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า การยกระดับแอป Home Service ประกอบด้วย 4 แนวคิดหลัก คือ 1. Convenience: ใช้งานง่ายขึ้นสะดวกขึ้นสำหรั บผู้ใช้งานทุกเจเนอเรชันด้ วยการออกแบบ User Experience (UX) ให้ใช้งานง่าย
2. Cover ขยายขอบข่ายความสามารถของแอพให้กลายเป็นทุกอย่างเพื่อการอยู่ อาศัยของลูกบ้าน ตั้งแต่เรื่องการซื้อของ แต่งบ้าน งานบ้าน ฯลฯ 3. Customize การแสดงผลข้อมูลที่เหมาะกับผู้ ใช้งานแต่ละคนทั้งเรื่ องของโครงการที่เป็นเจ้าของ ความสนใจ
และ 4. Privilege รวบรวมสิทธิพิเศษเหนือระดับให้ กับลูกบ้านแสนสิริโดยเฉพาะ
โมบายแอปพลิเคชัน Home Service รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android และเตรียมพัฒนาไปสู่ Home Service Platform ที่ให้บริการอยู่บนอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ Smart Speaker, Smart Display, Wear OS เป็นต้น
สามารถใช้งานได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ จีนกลาง จีนกวางตุ้ง และญี่ปุ่น และได้อัพเกรดเทคโนโลยี แชทบอทมาช่วยตอบคำถามในช่ วงนอกเวลาทำการ
“ลูกค้าสามารถใช้แอปในการติดตามความคืบหน้าการก่อสร้ างโครงการ รวบรวมเอกสารและข้อมูลการโอนต่ างๆ บริการแจ้งเตือนจดหมายและพัสดุ อัตโนมัติ บริการแจ้งยอดชำระค่าใช้จ่ ายรายเดือน เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ บริการรับแจ้งซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถติดตามตรวจสอบขั้ นตอนการดำเนินการได้ ระบบสั่งจองการใช้บริการและสิ่ งอำนวยความสะดวกในโครงการ ระบบกล่องรับความคิดเห็น และ QR Code ที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนการเข้ าใช้บริการที่แสนสิริเลาจน์ เป็นต้น”
ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม Cloud เว็บเซอร์วิส ของ Amazon (AWS) ที่มี Azure App Insights ของ Microsoft คอยมอนิเตอร์การทำงานของ Cloud ที่จะแจ้งเตือนให้ทีมพัฒนารู้ทั นทีเมื่อระบบทำงานผิดปกติ
พร้อมทำงานร่วมกับ Google Firebase ในการบริหารระบบแจ้งเตือนต่างๆ เช่น ข้อความใหม่ แจ้งเตือนประกาศ แจ้งเตือนเมื่อได้รับพัสดุ และระบบแชทกับนิติบุคคล
โดยระบบเซอร์เวอร์ของ Home Service เวอร์ชัน 2018 หันมาใช้ภาษา Golang ในการพัฒนาซึ่งช่วยให้ การทำงานมีความเสถียรและรวดเร็ วมากกว่าเดิม พร้อมรองรับการประมวลผลข้อมู ลจำนวนมาก
รวมทั้งใช้สถาปั ตยกรรมของระบบแบบ Hybrid Microservices ในการวางโครงสร้างที่เอื้อให้ผู้ พัฒนาสามารถเพิ่มเติมหรืออั ปเดทฟังก์ชันได้ทันทีโดยไม่ต้ องปิดระบบ Core หลักของแอป ทำให้ลูกบ้านใช้งานได้ต่อเนื่ องไม่สะดุด
นายจิรพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของการจับมือกับพันธมิ ตรนั้น แสนสิริได้นำมาพัฒนาเป็นฟังก์ชั นต่างๆ อาทิ อัพเกรดฟังก์ชันการแต่งห้องที่ มาพร้อมข้อเสนอโดนใจร่วมกับ SB Furniture เพิ่มฟังก์ชันสั่งซื้อเครื่ องใช้ไฟฟ้าออนไลน์ดีลพิเศษจาก Samsung
วัสดุก่อสร้างและตกแต่งจาก SCG บริการสั่งซื้อน้ำดื่ม Sprinkle ในราคาพิเศษพร้อมส่งถึงที่สำหรับโครงการในกรุงเทพ และบริการเครื่องซักผ้าพร้ อมระบบติดตามสถานะจาก Trendy Wash
รวมถึงมีแผนพัฒนาต่อยอดฟีเจอร์ ใหม่ๆ เพิ่มเติมในระยะยาว เพื่อให้ Home Service เวอร์ชั่น 2018 เป็นเทคโนโลยีที่จะตอบโจทย์ไลฟ์ สไตล์การอยู่อาศัยได้เป็นอย่ างดี
“แอปพลิเคชัน Home Service เวอร์ชันก่อนหน้านี้ได้มี การรวบรวมคำแนะนำติชมจากลูกค้ ามาปรับปรุงระบบอยู่ตลอดเวลา และในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อยอดฟี เจอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ
เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกบ้าน การเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ภายในโครงการ โดยอนาคตยังมีแผนสร้างการเชื่ อมโยงกับภาคการเงินและฟินเทคเพื่ อให้บริการต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อบ้าน การรีไฟแนนซ์ การทำประกันที่อยู่อาศัย
ตลอดจนการพัฒนาให้ Home Service เป็น Open Platform ที่สามารถนำไปใช้กับผู้พัฒนาอสั งหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ได้”